At the peak of its popularity in th

At the peak of its popularity in the 1970s and 1980s (call it the rosé of the Miami Vice era), the American market was flooded with cheap, treacly Lambrusco that had more in common with Coca-Cola than traditional sparkling wine. What’s more, producers stopped making it in the more labor-intensive “ancestral” way, and instead used the Charmat method: dump wine into a giant tank, trap CO2 released during fermentation to pressurize the tank, and voilà, bubbles. (This is how most mass-produced prosecco is made, too.) To Pagano, “Charmat doesn’t have any soul. You can make Charmat wines to order. But once you bottle that wine, it starts to die. I find the wines to be boring and on the sweeter, rounder side. There is no real flavor evolution in them…. All you have to do is try an artisan Lambrusco to tell the difference.”The good news is that today, among a small clutch of winemakers in Emilia-Romagna, there has been a backlash against industrial wines and a resurgence of high-quality, thoughtfully and naturally made Lambruscos, many of which Scuola di Vino imports to the United States. Producers like Donati, Cà de Noci, and Vittorio Graziano are farming their grapes without chemicals or pesticides and fermenting their wines using more traditional methods.Many of these producers are making sparkling wines from grapes other than Lambrusco, which is just one of many varieties that flourish in the region. Sam Anderson, the wine director of New York City’s Una Pizza Napoletana, encourages his diners to explore the wider world of Emilia sparklers, made from grapes like malvasia, barbera, and ortrugo. Anderson is especially enamored of skin-contact sparkling wines from the region, which have become his calling card.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ที่จุดสูงสุดของความนิยมในปี 1970 และ 1980 (เรียกว่าดอกกุหลาบในไมอามี่รองยุค) ที่ตลาดอเมริกันถูกน้ำท่วมด้วยราคาถูก, เกียวกับน้ำเชื่อม Lambrusco ที่มีมากเหมือนกันกับ Coca-Cola กว่าไวน์แบบดั้งเดิม มีอะไรมากกว่าที่ผู้ผลิตหยุดทำให้ในแรงงานมากวิธี“บรรพบุรุษ” มากขึ้นและนำมาใช้แทนวิธี Charmat: ไวน์การถ่ายโอนข้อมูลลงในถังยักษ์กับดัก CO2 ที่ปล่อยออกมาในระหว่างการหมักเพื่อกดดันถังและ voila ฟอง (นี่คือวิธีที่มากที่สุดมวลผลิต Prosecco จะทำเกินไป.) เพื่อ Pagano“Charmat ไม่ได้มีชีวิตใด คุณสามารถทำให้ไวน์ Charmat การสั่งซื้อสินค้า แต่เมื่อคุณขวดไวน์ที่ก็จะเริ่มที่จะตาย ผมพบว่าไวน์ที่จะน่าเบื่อและหวานด้านกลม ไม่มีวิวัฒนาการรสชาติที่แท้จริงในพวกเขาคือ ... ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการพยายามที่ช่าง Lambrusco บอกความแตกต่าง.”

ข่าวดีก็คือว่าวันนี้ในหมู่คลัทช์เล็ก ๆ ของผู้ผลิตไวน์ในเอมีเลียได้มีการฟันเฟืองกับไวน์อุตสาหกรรมและการฟื้นตัวของที่มีคุณภาพสูง, ความคิดและเป็นธรรมชาติทำ Lambruscos หลายแห่งซึ่ง Scuola di Vino การนำเข้าประเทศ สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตเช่น Donati, CA เด Noci และ Vittorio Graziano มีการทำฟาร์มองุ่นของพวกเขาโดยไม่ต้องใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงและการหมักไวน์ของพวกเขาโดยใช้วิธีการแบบดั้งเดิมมากขึ้น

หลายของผู้ผลิตเหล่านี้จะทำให้ไวน์ประกายจากองุ่นอื่น ๆ กว่า Lambrusco ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในหลายพันธุ์ที่เจริญเติบโตในภูมิภาค แซมเดอร์สันผู้อำนวยการไวน์ของนครนิวยอร์ก Una Pizza Napoletana ส่งเสริมไดเนอร์สของเขาที่จะสำรวจโลกกว้างของดอกไม้ไฟเอมิเลียทำจากองุ่นเช่น Malvasia, Barbera และ ortrugo เดอร์สันจะติดใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งของไวน์ประกายผิวสัมผัสจากภูมิภาคซึ่งได้กลายเป็นบัตรโทรศัพท์ของเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่จุดสูงสุดของความนิยมในทศวรรษ1970และ 1980 (เรียกว่า roséของยุคของไมอามี่ Vice), ตลาดอเมริกันถูกน้ำท่วมกับราคาถูก, treacly Lambrusco ที่มีมากขึ้นในการร่วมกันกับโคคาโคล่ามากกว่าไวน์ประกายแบบดั้งเดิม. มีอะไรเพิ่มเติม, ผู้ผลิตหยุดทำให้มันในมากขึ้นแรงงานเข้มข้น "ต้นแบบ" และใช้วิธีการ Charmat: ไวน์ถ่ายโอนข้อมูลลงในถังยักษ์, ดัก CO2 ปล่อยออกมาในระหว่างการหมักเพื่อความดันในถัง, และ voilà, ฟองอากาศ. (นี่คือวิธีการผลิต prosecco มากที่สุดเท่าที่ทำได้) ไปยัง Pagano, "ชาไม่มีจิตวิญญาณใดๆ. คุณสามารถทำให้ไวน์ Charmat ที่จะสั่งซื้อ แต่เมื่อคุณขวดไวน์ที่มันเริ่มตาย ฉันพบไวน์ที่จะน่าเบื่อและบนด้านที่หอมหวาน ไม่มีวิวัฒนาการรสชาติที่แท้จริงในพวกเขา ... ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการลอง Lambrusco ช่างฝีมือที่จะบอกความแตกต่าง ."

ข่าวดีก็คือว่าวันนี้, ในหมู่คลัทช์เล็กๆของผู้ผลิตในเอมีเลีย-โรมัญญา, มีแบคแลชกับไวน์อุตสาหกรรมและ resurgence ที่มีคุณภาพสูง, อย่างพิถีพิถันและเป็นธรรมชาติทำ Lambruscos, หลายคนที่ Scuola di Vino นำเข้าไปสหรัฐ สถานะ ผู้ผลิตเช่น Donati, Cà de Noci, และ Vittorio Graziano มีการเพาะปลูกองุ่นของพวกเขาโดยไม่ต้องสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงและหมักไวน์ของพวกเขาโดยใช้วิธีการแบบดั้งเดิมมากขึ้น.

หลายของผู้ผลิตเหล่านี้จะทำให้ไวน์ประกายจากองุ่นอื่นๆนอกเหนือจาก Lambrusco, ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในหลายพันธุ์ที่เจริญเติบโตในภูมิภาค. แซมแอนเดอร์สัน, ผู้อำนวยการไวน์ของเมืองนิวยอร์กพิซซ่าของนิวยอร์ค, ส่งเสริมให้ผู้เข้าชมของเขาที่จะสำรวจโลกกว้างของ Emilia sparklers, ทำจากองุ่นเช่น malvasia, barbera, และ ortrugo. แอนเดอร์สันถูกเคลือบโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผิวสัมผัสของไวน์ประกายจากภูมิภาคซึ่งได้กลายเป็นบัตรโทรศัพท์ของเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่ความสูงของ 70s และ 80s เรียกว่าไมอามี่รองรอสซี่ตลาดอเมริกันที่เต็มไปด้วยราคาถูกและทุจริต Lanbrusk ซึ่งเป็นมากกว่าแบบดั้งเดิมมากกว่าโคคาโคล่า ที่สำคัญกว่านั้นผู้ผลิตไม่ผลิตในรูปแบบของบรรพบุรุษที่ใช้แรงงานเข้มข้นมากขึ้นแต่ใช้ชาร์มาเพื่อเทไวน์ลงในถังขนาดใหญ่ที่ดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากการหมักเพื่อกดดันถังและคายฟอง สำหรับ pagano Chamart ไม่มีวิญญาณ คุณสามารถสั่งไวน์ Chamart ได้ แต่เมื่อคุณใส่ไวน์ในขวดมันก็จะตาย ฉันคิดว่าไวน์พวกนี้น่าเบื่อและหวานกว่าและกลมกว่า มันไม่มีรสชาติที่แท้จริงของวิวัฒนาการ ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือการพยายามที่จะแยกความแตกต่างระหว่างช่างฝีมือ rambrasco ”
ข่าวดีก็คือว่าวันนี้มีการต่อต้านที่แข็งแกร่งสำหรับไวน์อุตสาหกรรมในกลุ่มเล็กๆของเอมิเลียโรมันเนียกับคุณภาพสูงคิดอย่างรอบคอบและเป็นธรรมชาติทำให้แลมบรัสกลับมาหลายของพวกเขาถูกนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตไวน์เช่นโดนัลด์การ์ดิเนอร์และ Vittorio ograziano จะปลูกองุ่นที่ไม่มีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงและหมักไวน์ในวิธีแบบดั้งเดิมมากขึ้น
หลายของผู้ผลิตเหล่านี้จะทำให้ไวน์ฟองจากองุ่นนอก Lambasco ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในหลายสายพันธุ์ในภูมิภาค แซมแอนเดอร์สันผู้อำนวยการฝ่ายไวน์ของอูน่าพิซซ่า Napolitana ในนิวยอร์กได้สนับสนุนให้กินเพื่อสำรวจโลกที่กว้างใหญ่ของเอมิเลียโฟมไวน์ที่ทำจากองุ่นเช่นมาร์เซียบาเบล่าและอัลทูโก แอนเดอร์สันโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระตือรือร้นเกี่ยวกับภูมิภาคฟองไวน์ที่ได้กลายเป็นบัตรธุรกิจของเขา