What are the kidneys and what do th

What are the kidneys and what do they do?
The kidneys are two bean-shaped organs, each about the size of a fist. They are located just below the rib cage, one on each side of the spine. Every day, the two kidneys filter about 120 to 150 quarts of blood to produce about 1 to 2 quarts of urine, composed of wastes and extra fluid. Children produce less urine than adults and the amount produced depends on their age. The kidneys work around the clock; a person does not control what they do. Ureters are the thin tubes of muscle—one on each side of the bladder—that carry urine from each of the kidneys to the bladder. The bladder stores urine until the person finds an appropriate time and place to urinate.

Kidneys work at the microscopic level. The kidney is not one large filter. Each kidney is made up of about a million filtering units called nephrons. Each nephron filters a small amount of blood. The nephron includes a filter, called the glomerulus, and a tubule. The nephrons work through a two-step process. The glomerulus lets fluid and waste products pass through it; however, it prevents blood cells and large molecules, mostly proteins, from passing. The filtered fluid then passes through the tubule, which sends needed minerals back to the bloodstream and removes wastes. The final product becomes urine.

The kidneys also control the level of minerals such as sodium, phosphorus, and potassium in the body, and they produce an important hormone to prevent anemia. Anemia is a condition in which the number of red blood cells is less than normal, resulting in less oxygen carried to the body’s cells.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไตคืออะไรและทำอะไรได้บ้างไตมีสองรูปถั่วอวัยวะ เกี่ยวกับขนาดของกำปั้นแต่ละ ตั้งอยู่ใต้กรงซี่โครง หนึ่งเดียวกันของกระดูกสันหลัง ทุกวัน ตัวกรองไตสองประมาณ 120-150 ตามปริมาณการผลิตประมาณ 1-2 ตามปริมาณปัสสาวะ เลือดประกอบด้วยของเสียและเพิ่มน้ำมัน เด็กผลิตปัสสาวะน้อยกว่าผู้ใหญ่ และยอดผลิตขึ้นอยู่กับอายุของพวกเขา ไตทำงานตลอด ผู้ควบคุมทำงานของพวกเขา Ureters เป็นหลอดบาง ๆ ของกล้ามเนื้อซึ่งหนึ่งในแต่ละด้านของกระเพาะปัสสาวะ — ที่นำปัสสาวะจากไตไปยังกระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะเก็บปัสสาวะจนกว่าคนพบเป็นเวลาที่เหมาะสมและสถานเบาไตทำงานในระดับกล้องจุลทรรศน์ ไตจะไม่หนึ่งขนาดใหญ่กรอง ไตแต่ละถูกสร้างขึ้นจากประมาณล้านหน่วยที่เรียกว่า nephrons กรอง แต่ละหน่วยไตกรองเลือดจำนวนเล็กน้อย หน่วยไตประกอบด้วยตัวกรอง glomerulus และ tubule เป็น Nephrons ทำงานผ่านสองขั้นตอน Glomerulus ให้เหลว และเสียผ่านทาง อย่างไรก็ตาม มันป้องกันเลือดเซลล์และโมเลกุลขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นโปรตีน ผ่าน น้ำกรองแล้วผ่าน tubule ส่งแร่ธาตุที่จำเป็นกลับสู่กระแสเลือด และเอาเสีย ผลิตภัณฑ์สุดท้ายกลายเป็น ปัสสาวะไตยังควบคุมระดับเกลือแร่ เช่นโซเดียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมในร่างกาย และพวกเขาผลิตฮอร์โมนสำคัญในการป้องกันโรคโลหิตจาง โรคโลหิตจางเป็นเงื่อนไขที่จำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงคือปกติน้อยกว่า เกิดออกซิเจนน้อยทำให้เซลล์ของร่างกาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อะไรคือไต และพวกเขาจะทำอย่างไร
สองถั่วรูปไต อวัยวะ แต่ละเรื่องขนาดของหมัด พวกเขาอยู่เพียงด้านล่างกรงซี่โครง , หนึ่งในแต่ละด้านของกระดูกสันหลัง ทุกๆ วัน สอง ไตกรองประมาณ 120 - 150 ลิตรของเลือดในการผลิตประมาณ 1 ถึง 2 quarts ของปัสสาวะ ประกอบด้วยของเสียและเพิ่มของเหลวเด็กสร้างปัสสาวะน้อยกว่าผู้ใหญ่และปริมาณการผลิตขึ้นอยู่กับอายุของพวกเขา ไตทำงานรอบนาฬิกา ; บุคคลที่ไม่สามารถควบคุมสิ่งที่พวกเขาทำ ท่อไตเป็นท่อบางของกล้ามเนื้อหนึ่งในแต่ละด้านของกระเพาะ ปัสสาวะ ที่พกมาจากแต่ละของไตไปยังกระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะเก็บปัสสาวะจนคนพบว่าเวลาที่เหมาะสมและสถานที่ที่ปัสสาวะ .

ไตทำงานที่กล้องจุลทรรศน์ ไตเป็นหนึ่งขนาดใหญ่ไส้กรอง แต่ละไตขึ้นเป็นล้านหน่วย เรียกว่า กรอง nephrons . แต่ละหน่วยไตกรองจำนวนเล็ก ๆของเลือด ที่หน่วยไต รวมถึงตัวกรองที่เรียกว่าโกลเมอรูลัส และท่อ . การ nephrons ทำงานผ่านกระบวนการสองขั้นตอน ที่โกลเมอรูลัสช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของเหลวและของเสียผ่านได้ อย่างไรก็ตามป้องกันไม่ให้เลือดเซลล์และโมเลกุลขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นโปรตีนจากผ่าน ของเหลวที่ถูกกรองแล้วผ่านท่อ ซึ่งส่งต้องการแร่ธาตุกลับสู่กระแสเลือด และขจัดของเสีย ผลิตภัณฑ์สุดท้ายกลายเป็นปัสสาวะ

ไต ยังควบคุมระดับของแร่ธาตุ เช่น โซเดียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมในร่างกายและพวกเขาผลิตฮอร์โมนที่สำคัญที่จะป้องกันโรคโลหิตจางภาวะโลหิตจางเป็นภาวะที่จำนวนเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ ส่งผลให้ออกซิเจนน้อยลงทำให้เซลล์ในร่างกาย