The personal laws as such were kept

The personal laws as such were kept, rather than eliminated, as the British hoped, by doing so, to dissipate opposition to the colonial project by yielding to religious claims (Mullally 2004: 676). But, on the other hand, the colonisers modified and unified some religion-based practices through legislation where the practices were found particularly unjust, “backward” or “barbaric” and where there was (alleged) support of the local elite or some local reformers. Furthermore, they certainly shaped the law through interpretation by British judges

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กฎหมายส่วนบุคคลดังกล่าวถูกเก็บไว้ มากกว่า กำจัด เป็นอังกฤษหวัง ทำให้ เพื่อกระจายค้านโครงการอาณานิคม โดยการเรียกร้องทางศาสนาที่ให้ผลผลิต (Mullally 2004:676) แต่ คง colonisers ที่แก้ไข และรวมบางปฏิบัติตามศาสนาผ่านกฎหมายพบว่าการปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง "ย้อนหลัง" หรือ "ป่าเถื่อน" และมี (อ้างว่า) สนับสนุนของชนชั้นสูงในท้องถิ่นหรือบางท้องถิ่นปฏิรูป นอกจากนี้ พวกเขาแน่นอนรูปร่างกฎหมายผ่านการตีความโดยผู้พิพากษาอังกฤษ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กฎหมายส่วนบุคคลดังกล่าวถูกเก็บไว้มากกว่าตัดออกขณะที่อังกฤษหวังโดยการทำเช่นนั้นเพื่อขจัดความขัดแย้งกับโครงการอาณานิคมโดยยอมที่จะเรียกร้องทางศาสนา (Mullally 2004: 676) แต่ในทางตรงกันข้าม colonizers แก้ไขและครบวงจรแนวทางปฏิบัติศาสนาตามผ่านกฎหมายที่การปฏิบัติพบว่าไม่เป็นธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ย้อนกลับ" หรือ "ป่าเถื่อน" และสถานที่ที่มี (กล่าวหา) การสนับสนุนของชนชั้นสูงในท้องถิ่นหรือบางปฏิรูปท้องถิ่น . นอกจากนี้พวกเขาอย่างแน่นอนรูปกฎหมายผ่านการตีความโดยผู้พิพากษาอังกฤษ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กฎหมายบุคคลดังกล่าวไว้ แทนที่จะตัด เป็นชาวอังกฤษ หวัง ด้วยการทำดังนั้นเพื่อลดการต่อต้านโครงการอาณานิคมโดยผลผลิตอ้างศาสนา ( มัลลาลี่ 2004 : 676 ) แต่ในมืออื่น ๆ , colonisers โดยรวมมีการปฏิบัติตามศาสนาผ่านกฎหมายที่ถูกพบโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติธรรม " ย้อนกลับ " หรือ " ป่าเถื่อน " และที่ไม่มี ( กล่าวหา ) การสนับสนุนของชนชั้นนำท้องถิ่นหรือบางท้องถิ่นปฏิรูป . นอกจากนี้ แน่นอนพวกเขามีกฎหมายผ่านการตีความโดยผู้พิพากษาอังกฤษ