Diesel oxidation catalysts (DOCs) a

Diesel oxidation catalysts (DOCs) are the most common aftertreatment emissions
control technology found in current diesel vehicles. DOCs are very similar to the earliest catalysts used for gasoline engines. Oxidation catalysts work by oxidizing CO, HC and the soluble organic fraction of the PM to CO2 and H2O in the oxygen rich exhaust stream of the diesel engine.
When sulfur is present in the fuel, DOCs also increase the oxidation rate of SO2, leading to dramatic increases in sulfate nanoparticle emissions. Sulfate conversion depends on overall catalyst efficiency, with more efficient catalysts capable of converting nearly 100% of the SO2 in the exhaust to sulfate. Generally, one should restrict the use of DOCs to areas which have fuel sulfur levels of 500 PPM or below. With low sulfur fuel, a DOC can reduce PM emissions by 25 to 30%.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตัวเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันของน้ำมันดีเซล (เอกสาร) จะปล่อย aftertreatment ที่พบมากที่สุดเทคโนโลยีการควบคุมที่พบในรถดีเซลปัจจุบัน เอกสารจะคล้ายกับตัวเร่งปฏิกิริยาเร็วใช้สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ตัวเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ทำงาน โดยการออกซิไดซ์ CO, HC และเศษอินทรีย์ละลายของ PM เป็น CO2 และ H2O ในกระแสไอเสียที่อุดมไปด้วยออกซิเจนของเครื่องยนต์ดีเซลเมื่อซัลเฟอร์มีอยู่ในน้ำมันเชื้อเพลิง เอกสารยังเพิ่มอัตราการเกิดออกซิเดชันของ SO2 นำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของซัลเฟต nanoparticle สูงปล่อย ซัลเฟตแปลงขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพเศษโดยรวม มีประสิทธิภาพมากขึ้นสามารถแปลงเกือบ 100% ของ SO2 ในไอเสียกับซัลเฟตสิ่งที่ส่งเสริม โดยทั่วไป หนึ่งควรจำกัดการใช้งานของเอกสารไปยังพื้นที่ ซึ่งมีกำมะถันในเชื้อเพลิงระดับ 500 PPM หรือด้านล่าง เชื้อเพลิงต่ำ เอกสารสามารถลดการปล่อย PM 25-30%

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตัวเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชั่ดีเซล (เอกสาร) ที่มีการปล่อย aftertreatment ที่พบมากที่สุด
เทคโนโลยีการควบคุมที่พบในรถยนต์ดีเซลในปัจจุบัน เอกสารจะคล้ายกับตัวเร่งปฏิกิริยาที่เก่าแก่ที่สุดที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ตัวเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันทำงานโดยการออกซิไดซ์ CO, HC และส่วนอินทรีย์ละลายน้ำส่วนตัวเพื่อ CO2 และ H2O ในออกซิเจนกระแสไอเสียที่อุดมไปด้วยของเครื่องยนต์ดีเซล.
เมื่อกำมะถันมีอยู่ในน้ำมันเชื้อเพลิง, เอกสารยังเพิ่มอัตราการเกิดออกซิเดชันของ SO2 ที่นำไปสู่ เพิ่มขึ้นอย่างมากในการปล่อยอนุภาคนาโนซัลเฟต แปลงซัลเฟตขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาโดยรวมกับตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นความสามารถในการแปลงเกือบ 100% ของ SO2 ในไอเสียซัลเฟต โดยทั่วไปหนึ่งควร จำกัด การใช้เอกสารไปยังพื้นที่ที่มีกำมะถันน้ำมันเชื้อเพลิง 500 PPM หรือต่ำกว่า กับน้ำมันเชื้อเพลิงกำมะถันต่ำ DOC สามารถลดการปล่อยก๊าซ PM 25 ถึง 30%