This is a pretty popular question t

This is a pretty popular question that comes up with believers and non-believers. I asked the same question myself years ago and luckily was pointed to the Bible for answers. Sometimes it’s difficult to answer something like this and I think it takes a little more discussion than just answering this one question. In my experience, it typically involves a similar question that goes something like “How far is too far?” or “When does sin actually become sin?”

In any case, let’s look and see what Scripture says about this. Let’s see how God defines marriage and why it would be wrong to live together before getting married.

The Bible describes marriage as a committed relationship between one man and one woman that is sanctioned and blessed by God (Genesis 2:22-24). Furthermore, God instituted marriage to be between two people, a male and a female. Jesus added that it is to be permanent (Mark 10:7-9 – ‘Therefore a man shall leave his father and mother and hold fast to his wife, and the two shall become one flesh.’ So they are no longer two but one flesh. What therefore God has joined together, let not man separate).

The divine institution of marriage suggests a covenant among the man, the woman, and God. The marital relationship is more important than any other relationship except one’s relationship with God. It is modeled after God’s relationship with His people, the Church. Jesus is the bride-groom, and the Church is His bride. The unique, committed setting of marriage is also the place God designed for the expression of sex. In 1 Corinthians 6:15-18 (Do you not know that your bodies are members of Christ? Shall I then take the members of Christ and make them members of a prostitute? Never! Or do you not know that he who is joined to a prostitute becomes one body with her? For, as it is written, “The two will become one flesh.” But he who is joined to the Lord becomes one spirit with him. Flee from sexual immorality. Every other sin a person commits is outside the body, but the sexually immoral person sins against his own body), Paul discusses the sinfulness of all sexual relations outside of marriage. In addition to outward sinfulness, sexual sin is a sin against one’s own body. This makes sexual sin uniquely destructive, a clear reason to follow God’s plan for sex.

When it comes to living together before marriage, you may think you are fine just because you are “living together” and nothing more, but I would suggest that you are not. In the midst of living together, you are also opening the door to even more temptation between you two, and hurting any testimony you may have of following Christ as you proclaim that it is a God glorifying thing to live together before marriage. You are also in danger of leading others down a similar path towards sin because of your example (Romans 14:13-22).

Living together before marriage doesn’t reflect the commitment that God instituted and ordained. The good news is that it is never too late to make a change. God forgives sin. That’s what He’s all about. He wants to have a relationship with us, and no situation or sin is too great for Him to forgive. If we want His forgiveness, we must stop committing the sinful act (1 John 3:6 – No one who abides in Him keeps on sinning; no one who keeps on sinning has either seen Him or known Him) and ask God for forgiveness. He will be faithful to forgive us (1 John 1:9 – If we confess our sins, He is faithful and just to forgive us our sins and to cleanse us from all unrighteousness).

“

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นี้เป็นคำถามยอดนิยมสวยที่มากับผู้เชื่อและไม่ใช่ผู้เชื่อ ฉันถามคำถามเดียวกันตัวเองปีที่ผ่านมา และโชคดีชี้ไปยังพระคัมภีร์สำหรับคำตอบ บางครั้งจะยากที่จะตอบอะไรเช่นนี้และฉันคิดว่า จะอภิปรายเพิ่มเติมกว่าเพียงตอบคำถามนี้หนึ่งเล็กน้อย ในประสบการณ์ของฉัน มันมักจะเกี่ยวข้องกับคำถามเหมือนที่ไปบางอย่าง เช่น "วิธีไกล คือไกล หรือ"ไม่บาป เป็น บาปหรือไม่"ลองดู และเห็นสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลองดูวิธีที่พระเจ้ากำหนดแต่งงานทำไมมันจะไม่ถูกต้องอยู่ร่วมกันก่อนการแต่งงานพระคัมภีร์อธิบายถึงการแต่งงานเป็นความสัมพันธ์ที่ผูกมัดระหว่างชายหนึ่งและหญิงหนึ่งที่อนุมัติ และให้พรจากพระเจ้า (ปฐมกาล 2:22-24) นอกจากนี้ พระเจ้าโลกแต่งงานระหว่างคนสองคน ชาย และหญิง พระเยซูเพิ่มว่า จะถาวร (เครื่องหมาย 10:7-9 – 'ดังนั้น คนจะปล่อยให้พ่อและแม่ของเขา และกดค้างไว้เพื่อภรรยาของเขาอย่างรวดเร็ว และทั้งสองจะเป็น เนื้อเดียวกัน' ดังนั้น จะไม่สองยาวแต่เนื้อหนึ่ง อะไรดังนั้นพระเจ้าได้ร่วมกัน ให้คนแยกไม่)สถาบันสมรสพระเจ้าแนะนำพันธสัญญาระหว่างมนุษย์ ผู้หญิง และพระเจ้า ความสัมพันธ์สมรสนั้นสำคัญกว่าความสัมพันธ์อื่น ๆ ยกเว้นของความสัมพันธ์กับพระเจ้า มันจะจำลองหลังจากความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับคนของเขา คริสตจักร พระเยซูเจ้าสาวเจ้าบ่าว และคริสตจักรเป็นเจ้าสาวของเขา การตั้งค่าเฉพาะ ความมุ่งมั่นของการแต่งงานเป็นพระเจ้าออกแบบมาสำหรับค่าของเพศ ใน 1 โครินธ์ 6:15-18 (คุณไม่รู้ว่า ร่างกายของคุณเป็นสมาชิกของคริสต์ จะฉันแล้วใช้ของพระคริสต์ และให้สมาชิกของโสเภณี ไม่เคย หรือคุณไม่ทราบว่า ผู้ที่เข้าร่วมกับโสเภณีกลายเป็นร่างเดียวกับเธอ สำหรับ เป็นมันเขียน "ทั้งสองจะกลายเป็นเนื้อเดียว" แต่ผู้ที่เข้าร่วมกับพระเจ้ากลายเป็นจิตวิญญาณเดียวกับเขา หนีจากศีลธรรมทางเพศ อื่น ๆ ความบาปทุกคนทำอยู่นอกร่างกาย แต่บาปบุคคล immoral ทางเพศกับร่างกายของเขาเอง), Paul กล่าวถึงบาปทั้งหมดเพศสัมพันธ์นอกสมรส นอกจากบาปภายนอก ความบาปทางเพศคือ ทำบาปต่อหนึ่งของร่างกาย ทำให้เพศบาปทำลายเฉพาะ เหตุผลที่ชัดเจนตามแผนการของพระเจ้าสำหรับเพศเมื่อมาถึงห้องนั่งเล่นด้วยกันก่อนแต่งงาน คุณอาจคิดว่า คุณจะปรับเพียง เพราะคุณ "อาศัยอยู่ร่วมกัน" และไม่มีอะไรมากขึ้น แต่ฉันจะแนะนำคุณจะไม่ กลางอาศัยอยู่ร่วมกัน นอกจากนี้คุณยังกำลังเปิดประตูเพื่อทดลองเพิ่มเติมระหว่างคุณสอง และทำร้ายพยานหลักฐานใด ๆ คุณอาจได้ของพระคริสต์ต่อไปนี้คุณประกาศว่า เป็นพระเจ้า glorifying สิ่งที่อยู่กันก่อนแต่งงาน คุณจะยังอยู่ในอันตรายชั้นนำอื่น ๆ ลงเส้นคล้ายไปทางบาปเนื่องจากตัวอย่าง (โรม 14:13-22)อาศัยอยู่ร่วมกันก่อนแต่งงานไม่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่พระเจ้าโลก และออกบวช ข่าวดีคือ ว่า จะไม่สายเกินไปการเปลี่ยนแปลง พระเจ้า forgives บาป นั่นคือสิ่งเขาเป็นทั้งหมดเกี่ยวกับ อยากมีความสัมพันธ์กับเรา และไม่มีสถานการณ์หรือบาปมากเกินไปสำหรับเขาที่จะยกโทษให้ ถ้าเราต้องให้อภัยเขา เราต้องหยุดการยอมรับการกระทำบาป (1 ยอห์น 3:6 – ไม่หนึ่งที่ abides ในเขาเก็บใน sinning ไม่มีใครเก็บใน sinning ได้เห็นเขา หรือรู้จักเขา) และขอพระเจ้าให้อภัย เขาจะยกโทษให้เราซื่อสัตย์ (1 ยอห์น 1:9 – ถ้าเรารับสารภาพบาป เขาเป็นซื่อสัตย์ และเพียงยกโทษความบาปของเรา และลบเราจากความชั่วร้ายทั้งมวลทั้งหมด)“

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นี้เป็นคำถามที่ได้รับความนิยมสวยที่เกิดขึ้นกับผู้เชื่อและศรัทธาที่ไม่ใช่ ผมถามคำถามเดียวกันปีที่ผ่านมาตัวเองและโชคดีที่ได้รับการชี้ไปที่พระคัมภีร์สำหรับคำตอบ บางครั้งก็ยากที่จะตอบบางอย่างเช่นนี้และผมคิดว่ามันใช้เวลาน้อยการอภิปรายมากกว่าเพียงแค่การตอบคำถามนี้ จากประสบการณ์ของผมก็มักจะเกี่ยวข้องกับคำถามที่คล้ายกันที่จะไปบางอย่างเช่น "ไกลเท่าไหร่อยู่ไกลเกินไป?" หรือ "เมื่อความผิดไม่กลายเป็นจริงบาป?" ในกรณีใด ๆ ให้ดูและดูสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ . ลองมาดูกันว่าพระเจ้าทรงกำหนดแต่งงานและทำไมมันจะผิดที่จะอยู่ด้วยกันก่อนที่จะแต่งงานกับพระคัมภีร์อธิบายการแต่งงานเป็นความมุ่งมั่นระหว่างชายและหญิงหนึ่งที่ถูกทำนองคลองธรรมและมีความสุขโดยพระเจ้า(ปฐมกาล 2: 22-24) นอกจากนี้พระเจ้าก่อตั้งแต่งงานจะเป็นระหว่างคนสองคนเป็นเพศชายและเพศหญิง พระเยซูเสริมว่ามันคือการเป็นแบบถาวร (มาระโก 10: - '. ดังนั้นมนุษย์จะจากบิดามารดาของเขาและยึดมั่นกับภรรยาของเขาและทั้งสองจะเป็นเนื้อหนึ่ง' 7-9 ดังนั้นพวกเขาจะไม่เป็นสองต่อไป แต่อย่างหนึ่ง เนื้อ. สิ่งที่พระเจ้าจึงได้เข้าร่วมด้วยกันอย่าให้คนที่แยกต่างหาก). สถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ของการแต่งงานที่แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาในหมู่คนที่เป็นผู้หญิงและพระเจ้า ความสัมพันธ์สมรสมีความสำคัญมากกว่าความสัมพันธ์ใด ๆ อื่น ๆ ยกเว้นความสัมพันธ์ของคนกับพระเจ้า มันเป็นแบบจำลองหลังจากความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับคนของเขาคริสตจักร พระเยซูทรงเป็นเจ้าสาวเจ้าบ่าวและคริสตจักรเป็นเจ้าสาวของเขา ที่ไม่ซ้ำกันการตั้งค่าความมุ่งมั่นของการแต่งงานยังเป็นสถานที่พระเจ้าได้รับการออกแบบสำหรับการแสดงออกของเพศ ใน 1 โครินธ์ 6: 15-18 (คุณไม่ได้รู้ว่าร่างกายของท่านเป็นอวัยวะของพระคริสต์ที่ข้าจะนำอวัยวะของพระคริสต์และทำให้พวกเขาเป็นสมาชิกของโสเภณีไม่เคยหรือคุณไม่ได้รู้ว่าเขาคนที่ผูกพันกับ?! โสเภณีกลายเป็นหนึ่งในร่างกายกับเธอหรือไม่ในขณะที่มันถูกเขียนว่า "ทั้งสองจะเป็นเนื้อหนึ่ง." แต่เขาคนที่ผูกพันกับพระเจ้ากลายเป็นหนึ่งในจิตวิญญาณกับเขา. หนีจากการผิดศีลธรรมทางเพศ. ทุกคนบาปอื่น ๆ เป็นคนที่มุ่งมั่นที่จะเป็น นอกร่างกาย แต่คนบาปผิดศีลธรรมทางเพศต่อร่างกายของตัวเอง), พอลกล่าวถึงความชั่วร้ายของความสัมพันธ์ทางเพศทั้งหมดนอกสมรส นอกเหนือไปจากความชั่วร้ายออกไปด้านนอกบาปทางเพศเป็นบาปต่อร่างกายของตัวเองหนึ่งของ นี้จะทำให้บาปทางเพศการทำลายล้างที่ไม่ซ้ำกันด้วยเหตุผลที่ชัดเจนในการปฏิบัติตามแผนการของพระเจ้าสำหรับการมีเซ็กซ์. เมื่อมาถึงการอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานคุณอาจคิดว่าคุณจะมีการปรับเพียงเพราะคุณ "อยู่ด้วยกัน" และไม่มีอะไรเพิ่มเติม แต่ผมจะขอแนะนำให้คุณ ไม่ ในท่ามกลางการอยู่ด้วยกันคุณนอกจากนี้ยังมีการเปิดประตูที่จะได้สิ่งล่อใจมากขึ้นระหว่างคุณสองคนและทำร้ายพยานหลักฐานที่คุณอาจจะมีดังต่อไปนี้คริสต์ใด ๆ ตามที่คุณประกาศว่ามันเป็นสิ่งที่พระเจ้าถวายพระเกียรติที่จะอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน คุณยังตกอยู่ในอันตรายของคนอื่น ๆ ที่นำลงเส้นทางที่คล้ายกันต่อบาปเพราะตัวอย่างของคุณ (โรม 14: 13-22). อยู่ร่วมกันก่อนแต่งงานไม่ได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่พระเจ้าทรงก่อตั้งและออกบวช ข่าวดีก็คือว่ามันไม่สายเกินไปที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลง พระเจ้าให้อภัยบาป นั่นคือสิ่งที่เขาทุกอย่างเกี่ยวกับ เขาต้องการที่จะมีความสัมพันธ์กับเราและไม่มีสถานการณ์หรือบาปมากเกินไปสำหรับเขาที่จะให้อภัย ถ้าเราต้องการการให้อภัยของพระองค์เราจะต้องหยุดการกระทำการกระทำบาป (1 ยอห์น 3: 6 - ไม่มีใครที่อาศัยอยู่ในพระองค์ช่วยในบาปไม่มีใครที่ช่วยในการบาปได้เห็นพระองค์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรู้จักพระองค์) และขอให้พระเจ้าให้อภัย เขาจะซื่อสัตย์ต่อให้อภัยเรา (1 ห์น 1: 9 - ถ้าเราสารภาพบาปของเราพระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเราและจะทรงชำระเราจากการอธรรมทั้งหมด). "

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นี้เป็นคำถามที่ค่อนข้างโด่งดังขึ้นมาด้วยศรัทธาและไม่ศรัทธา ผมถามคำถามเดียวกันตัวเองปีที่ผ่านมา และโชคดีที่ได้ชี้ไปที่พระคัมภีร์สำหรับคำตอบ บางครั้งมันก็ยากที่จะตอบอะไรแบบนี้ และฉันคิดว่า มันใช้เวลาอภิปรายมากกว่าแค่การตอบคำถามหนึ่ง . ในประสบการณ์ของฉันมันมักจะเกี่ยวข้องกับคำถามที่คล้ายกันไปคล้าย " ไกลไกลเกินไป ? " หรือ " เมื่อไม่บาปบาปกลายเป็นจริง ? "

ในกรณีใด ๆ ดู และดูสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรามาดูว่าพระเจ้ากำหนดแต่งงานและทำไมมันจะผิดที่จะอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน

พระคัมภีร์อธิบายการแต่งงานเป็นความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงที่อนุมัติและได้รับพรจากพระเจ้า ( ปฐมกาล 2:22-24 ) นอกจากนี้ พระเจ้าทำให้การแต่งงานเป็นระหว่างคน 2 คน ชายและหญิง พระเยซูกล่าวว่ามันเป็นถาวร ( มาร์ค 10:7-9 – ' เหตุฉะนั้นผู้ชายจะจากบิดามารดาของเขา และยึดมั่นต่อภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน' ดังนั้นพวกเขาจะไม่มีสอง แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์แยกต่างหาก )

สถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ของการแต่งงานชี้ให้เห็นพันธสัญญาระหว่างผู้ชาย ผู้หญิง และพระเจ้า สัมพันธภาพระหว่างคู่สมรส สำคัญกว่าอื่นใด ๆยกเว้นความสัมพันธ์ของความสัมพันธ์กับพระเจ้า มันเป็น modeled หลังจากความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับคนของเขา , โบสถ์พระเยซูเป็นเจ้าสาวเจ้าบ่าวและคริสตจักรเป็นเจ้าสาวของเขา เอกลักษณ์มุ่งมั่นการตั้งค่าของการแต่งงานยังเป็นสถานที่ที่พระเจ้าทรงออกแบบมาสำหรับการแสดงออกของเพศ ใน 1 โครินธ์ 6:15-18 ( คุณไม่ทราบว่าร่างกายของคุณเป็นอวัยวะของพระคริสต์ ข้าจะเอาอวัยวะของพระคริสต์และให้สมาชิกของโสเภณี ไม่ !หรือคุณไม่ทราบว่าคนที่ผูกพันกับหญิงโสเภณีจะกลายเป็นร่างเดียว กับเธอ เพราะมันเขียนว่า " สองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน แต่คนที่ผูกพันกับองค์พระผู้เป็นเจ้า กลายเป็นวิญญาณกับเขา หนีจากการผิดศีลธรรมทางเพศ . ทุก ๆคนก็เป็นบาปอยู่ภายนอกร่างกาย แต่คนไร้ศีลธรรมทางเพศบาปกับร่างกายของเขาเอง )พอลอธิบายถึงความบาปของการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส นอกจากภายนอกความบาปทางเพศ บาปคือบาป กับ หนึ่งของร่างกาย นี้จะทำให้บาปทางเพศทำลายเอกลักษณ์ที่ชัดเจนตามแผนการของพระเจ้าสำหรับเพศ .

เมื่อมันมาถึงการอยู่ร่วมกันก่อนการแต่งงาน คุณอาจคิดว่าคุณจะปรับเพียง เพราะคุณเป็น " อยู่ด้วยกัน " และไม่มีอะไรเพิ่มเติมแต่ผมแนะนำว่า คุณไม่ได้เป็น ในท่ามกลางของการอยู่ร่วมกัน คุณยังเปิดประตูให้มากขึ้นการทดลองระหว่างคุณสองคน และทำร้ายพยานใด ๆที่คุณอาจต้องติดตามพระคริสต์ ตามที่คุณประกาศว่า มันเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้เกียรติอยู่ร่วมกันก่อนแต่งงาน คุณก็อยู่ในอันตรายชั้นนำของผู้อื่นลงคล้ายกับเส้นทางสู่ความบาป เพราะตัวอย่างของคุณ ( 14 โรมัน :13-22 ) .

อยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่พระเจ้าจัดให้ และบวช ข่าวดีก็คือว่ามันไม่เคยสายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลง พระเจ้าอภัยบาป นั่นคือสิ่งที่เขาเป็น เขาต้องการมีความสัมพันธ์กับเรา และไม่มีสถานการณ์หรือบาปมันยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับเขาที่จะให้อภัย ถ้าเราอยากให้เขายกโทษให้ เราต้องหยุดการกระทำที่โง่เขลา ( 1 ยอห์น 3 :6 ) คนที่ปฏิบัติเขาก็บาป ไม่มีใครที่ทำให้บาปได้เจอหรือรู้จักเขา ) และขอให้พระเจ้ายกโทษให้ เขาจะซื่อสัตย์กับอภัย ( 1 ยอห์น 1 : 9 ) ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและการยกโทษบาปของเราและชำระเราจากความอธรรม

" )