ศาลาแก้วกู่สร้างขึ้นโดยการนำของ

ศาลาแก้วกู่สร้างขึ้นโดยการนำของ "ปู

ศาลาแก้วกู่สร้างขึ้นโดยการนำของ "ปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์" หรือ "ปู่เหลือ" (พ.ศ. 2476–2539) ซึ่งมีประวัติชีวิต
และผลงานอัศจรรย์เกินกว่าจะประมวลได้ จึงขอเก็บความจากหนังสือ "ศาลาแก้วกู่" ฉบับ พ.ศ. 2540 พิมพ์ครั้งที่ 3 มาไว้พอสังเขป

"เมื่อนางคำปลิว สุรีรัตน์ (พี่สาวคนโต) ชาวหนองคาย แต่งงานได้ระยะหนึ่งก็ฝันว่ามีชีปะขาวนำนาคมรกตมามอบให้ แต่บอกว่าอีก 7 เดือน ค่อยไปรับมาเป็นของตน
ต่อมาแม่ตั้งท้องลูกคนที่เจ็ดในวัยสูงอายุ และหมดประจำเดือนแล้ว และคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้ 7 เดือน ทุกคนจึงเชื่อว่าเป็นไปตามนิมิตในฝัน นางคำปลิวและสามีจึง
รับน้องชายมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่แรกเกิด

ด.ช.บุญเหลือ ชอบเข้าวัดมาแต่เด็ก พออายุได้ 6 ปี นางคำปลิวเสียชีวิตลง สามีนางคำปลิวมีภรรยาใหม่ ด.ช.บุญเหลือ จึงกลับไปอยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แต่มักขัดขวาง
ห้ามปรามผู้ใหญ่ในทางบาปต่างๆ จึงไม่เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้อง ครั้นอายุ 12 ปี ทนความกดดันรอบข้างไม่ไหว จึงหนีออกจากบ้านรอนแรมไปจนพบสำนักอาศรมแก้วกู่
ในเขตแดนลาว และได้ฝากตัวศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรมอยู่กับพระมุนีที่นั่น จนอายุครบ 20 ปี พระมุนีจึงให้ออกจากสำนักไปจาริกแสวงบุญโปรดญาติโยมทั้งใกล้และไกล
เมื่ออายุ 30 ปี จึงได้กลับมาปรนนิบัติตอบแทนคุณในวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อแม่ ก่อนแม่สิ้นบุญในปี 2507 ได้มอบที่ดิน 8 ไร่ ณ บ้านเชียงควาน เมืองท่าเดื่อ เวียงจันท์
ไว้เป็นมรดก

ปี พ.ศ. 2513 ปู่เหลือได้พัฒนาที่ดินดังกล่าวสร้างเป็น "ปูชนียสถานเทวาลัยอย่างมหึมา" พุทธศาสนิกชนทั้งในภาคพื้นยุโรป และเอเชียเลื่อมใสมาก แต่เมื่อเกิดเหตุ
วิกฤตในราชอาณาจักรลาวเมื่อปี พ.ศ. 2518 หลวงปู่จึงพาลูกศิษย์ข้ามโขงมา และรวมกันจัดตั้งเป็น "พุทธมามกสมาคมจังหวัดหนองคาย" โดยกรมการศาสนารับรองให้
ในปี พ.ศ. 2519 ปี พ.ศ. 2521 สานุศิษย์ได้จัดซื้อที่ดินราว 41 ไร่ ในเขตบ้านสามัคคี ต.หาดคำ ถวายให้เป็นที่ตั้งสำนักจวบจนปัจจุบัน ต้นปี พ.ศ. 2527 ปู่เหลือถูกใส่ความ
และมีผู้ไปแจ้งตำรวจตั้งข้อหาฉกรรจ์ (ซึ่งทางสำนักขอสงวนไว้) ต้องอยู่ในเรือนจำจนถึงปลายปี 2529 เมื่อออกมาแล้วก็สร้างเทวรูปอีกมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่
และทั้งขนาดที่สูงถึง 33 เมตร เมื่อสร้างทั้งพุทธรูปและเทวรูปถึง 209 ปางแล้ว ก็สร้างศาลาแก้วกู่หลังใหม ่โดยรื้อหลังเก่า (พ.ศ. 2523–2538) ที่ทรุดโทรมลง
ขณะก่อสร้างศาลาหลังใหม่ ปู่เหลือก็ล้มป่วยและต่อมาได้เสียชีวิตลงในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2539 สานุศิษย์ได้นำผอบแก้วใส่ร่างของท่านไว้ตามความประสงค์ก่อนสิ้นชีวิต
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ซึ่งมีประวัติชีวิตศาลาแก้วกู่สร้างขึ้นโดยการนำของ "ปู่บุญเหลือสุรีรัตน์" หรือ "ปู่เหลือ" (พ.ศ. 2476 – 2539)และผลงานอัศจรรย์เกินกว่าจะประมวลได้จึงขอเก็บความจากหนังสือ "ศาลาแก้วกู่" ฉบับพ.ศ. 2540 พิมพ์ครั้งที่ 3 มาไว้พอสังเขป "เมื่อนางคำปลิวสุรีรัตน์ (พี่สาวคนโต) ชาวหนองคายแต่งงานได้ระยะหนึ่งก็ฝันว่ามีชีปะขาวนำนาคมรกตมามอบให้แต่บอกว่าอีก 7 เดือนค่อยไปรับมาเป็นของตนต่อมาแม่ตั้งท้องลูกคนที่เจ็ดในวัยสูงอายุและหมดประจำเดือนแล้วและคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้ 7 เดือนทุกคนจึงเชื่อว่าเป็นไปตามนิมิตในฝันนางคำปลิวและสามีจึงรับน้องชายมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่แรกเกิด ด.ช.บุญเหลือชอบเข้าวัดมาแต่เด็กพออายุได้ 6 ปีนางคำปลิวเสียชีวิตลงสามีนางคำปลิวมีภรรยาใหม่ด.ช.บุญเหลือจึงกลับไปอยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดแต่มักขัดขวางห้ามปรามผู้ใหญ่ในทางบาปต่าง ๆ จึงไม่เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้องครั้นอายุ 12 ปีทนความกดดันรอบข้างไม่ไหวจึงหนีออกจากบ้านรอนแรมไปจนพบสำนักอาศรมแก้วกู่ในเขตแดนลาวและได้ฝากตัวศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรมอยู่กับพระมุนีที่นั่นจนอายุครบ 20 ปีพระมุนีจึงให้ออกจากสำนักไปจาริกแสวงบุญโปรดญาติโยมทั้งใกล้และไกลเมื่ออายุ 30 ปีจึงได้กลับมาปรนนิบัติตอบแทนคุณในวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อแม่ก่อนแม่สิ้นบุญในปี 2507 ได้มอบที่ดิน 8 ไร่ณบ้านเชียงควานเมืองท่าเดื่อเวียงจันท์ไว้เป็นมรดก ปีพ.ศ. 2513 ปู่เหลือได้พัฒนาที่ดินดังกล่าวสร้างเป็น "ปูชนียสถานเทวาลัยอย่างมหึมา" พุทธศาสนิกชนทั้งในภาคพื้นยุโรปและเอเชียเลื่อมใสมากแต่เมื่อเกิดเหตุวิกฤตในราชอาณาจักรลาวเมื่อปีพ.ศ. 2518 หลวงปู่จึงพาลูกศิษย์ข้ามโขงมาและรวมกันจัดตั้งเป็น "พุทธมามกสมาคมจังหวัดหนองคาย" โดยกรมการศาสนารับรองให้ในปีพ.ศ. 2519 ปีพ.ศ. 2521 สานุศิษย์ได้จัดซื้อที่ดินราว 41 ไร่ในเขตบ้านสามัคคีต.หาดคำถวายให้เป็นที่ตั้งสำนักจวบจนปัจจุบันต้นปีพ.ศ. 2527 ปู่เหลือถูกใส่ความทั้งเล็กและใหญ่เมื่อออกมาแล้วก็สร้างเทวรูปอีกมากมายต้องอยู่ในเรือนจำจนถึงปลายปี 2529 และมีผู้ไปแจ้งตำรวจตั้งข้อหาฉกรรจ์ (ซึ่งทางสำนักขอสงวนไว้)และทั้งขนาดที่สูงถึง 33 เมตรเมื่อสร้างทั้งพุทธรูปและเทวรูปถึง 209 ปางแล้วก็สร้างศาลาแก้วกู่หลังใหม่โดยรื้อหลังเก่า (พ.ศ. 2523 – 2538) ที่ทรุดโทรมลงขณะก่อสร้างศาลาหลังใหม่ปู่เหลือก็ล้มป่วยและต่อมาได้เสียชีวิตลงในเดือนสิงหาคมพ.ศ. 2539 สานุศิษย์ได้นำผอบแก้วใส่ร่างของท่านไว้ตามความประสงค์ก่อนสิ้นชีวิต
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ศาลาแก้วกู่สร้างขึ้นโดยการนำของ "ปู่บุญเหลือสุรีรัตน์" หรือ "ปู่เหลือ" ( พ.ศ. 2476-2539) มีประวัติซึ่งชีวิต
และผลงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายอัศจรรย์เกินกว่าจะประมวลได้จึงขอเก็บความสามารถจากเนชั่หนังสือ " ศาลาแก้วกู่ "ฉบับ พ.ศ. 2540 พิมพ์ครั้งที่ 3 มาไว้พอสังเขป

"เมื่อนางคำปลิวสุรีรัตน์ (พี่สาวคนโต) ชาวหนองคายแต่งงานได้ระยะหนึ่งก็ฝัน ว่ามีชีปะขาวนำนาคมรกตมามอบให้ แต่บอกว่าอีก 7 เดือนค่อยไปรับมา เป็นของตน
ต่อมาคุณแม่ตั้งท้องที่คุณลูกของคุณคนที่คุณเจ็ดในห้างหุ้นส่วนจำกัดวัยสูงอายุและหมดประจำเดือนแล้วและคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้ 7 เดือนระเบียนทุกของคุณคนจึงเชื่อว่าได้เป็นไปตามนิมิตในห้างหุ้นส่วนจำกัดฝันคุณนางคำปลิวและสามีจึง
รับที่คุณน้องคุณชายมาเลี้ยงเป็น บุตรบุญธรรมตั้งแต่แรกเกิด

ด. ช. บุญเหลือชอบเข้าวัดมา แต่เด็ก พออายุได้ 6 ปีนางคำปลิวเสียชีวิตลงสามี นางคำปลิวมีภรรยาใหม่ด . ช. บุญเหลือจึงกลับไปอยู่กับพ่อ แม่ผู้ให้กำเนิด แต่มักขัดขวาง
ห้ามปรามผู้ใหญ่ในห้างหุ้นส่วนจำกัดทางบาปต่างๆจึงไม่เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้องครั้นอายุ 12 ปีคุณทนความสามารถกดดันรอบข้างไม่ไหวจึงหนีออกจากเนชั่ร้านบ้านรอนแรมไปจนพบสำนักอาศรมคุณแก้วกู่
ในห้างหุ้นส่วนจำกัดเขตแดนลาวและได้ฝากตัวศึกษาเป็นเล่าเรียน ปฏิบัติธรรมอยู่กับพระมุนีที่นั่นจน อายุครบ 20 ปีที่คุณพระมุนีจึงให้ออกจากเนชั่สำนักไปจาริกแสวงคุณบุญโปรดญาติโยมทั้งใกล้และไกล
เมื่ออายุ 30 ปีจึงได้กลับมาปรนนิบัติตอบแทนคุณ ในวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อแม่ก่อนแม่สิ้นบุญ ในปี 2507 ได้มอบที่ดิน 8 ณ ร้านบ้านไร่เชียงควานเมืองท่าเดื่อเวียงจันท์
ไว้เป็นมรดก

ปี พ.ศ. 2513 ปู่เหลือได้พัฒนาที่ดินดังกล่าวสร้างเป็น "ปูชนียสถานเทวาลัยอย่างมหึมา" ทั้งในห้างหุ้นส่วนจำกัดพุทธศาสนิกชนภาคพื้นยุโรปและเอเชียเลื่อมใสมาก แต่เมื่อเกิดเหตุ
วิกฤตในห้างหุ้นส่วนจำกัดราชอาณาจักรลาวเมื่อปี พ.ศ. 2518 หลวงปู่จึงพาลูกศิษย์ข้ามโขงมา และรวมกันจัดตั้งเป็น "พุทธมามกสมาคมจังหวัดหนองคาย" Author กรมการศาสนาโดยรับรองให้
ในห้างหุ้นส่วนจำกัดปี พ.ศ. ปี พ.ศ. 2519 2521 สานุศิษย์ได้จัดซื้อที่ดินราว 41 ไร่ในเขตบ้านสามัคคีต. หาดคำถวายให้เป็นที่ตั้งสำนัก จวบจนปัจจุบันต้นปี พ.ศ. 2527 ปู่เหลือถูกใส่ความสามารถ
และมีคุณผู้ไปครูตำรวจตั้งข้อหาฉกรรจ์ (ซึ่งทางสำนักขอสงวนไว้) ต้องอยู่ในเรือนจำจนถึงปลายปี 2529 เมื่อออกมาแล้วก็สร้างเทวรูปอีกมากมายทั้งเพิ่มข้อมูลที่และใหญ่
และทั้งขนาดที่สูงสุดสูงถึง 33 เมตรเมื่อสร้างทั้งพุทธรูปและเทวรูป ถึง 209 ปางแล้วก็สร้างศาลาแก้วกู่หลัง ใหม่โดยรื้อหลังเก่า ( พ.ศ. 2523-2538) ทรุดโทรมลงที่
ขณะก่อสร้างศาลาหลังใหม่ปู่เหลือก็ล้มป่วยและต่อ มาได้เสียชีวิตลงในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2539 สานุศิษย์ได้นำผอบแก้วใส่ร่างของ ท่านไว้ตามความประสงค์ก่อนสิ้นชีวิต
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ศาลาแก้วกู่สร้างขึ้นโดยการนำของ " ปู่บุญเหลือสุรีรัตน์ " ค็อค " ปู่เหลือ " ( พ . ศ . พ.ศ. 2476 – 2539 ) ซึ่งมีประวัติชีวิตและผลงานอัศจรรย์เกินกว่าจะประมวลได้จึงขอเก็บความจากหนังสือ " ศาลาแก้วกู่ " ฉบับพ . ศ . 2540 พิมพ์ครั้งที่ 3 มาไว้พอสังเขป" เมื่อนางคำปลิวสุรีรัตน์ ( พี่สาวคนโต ) ชาวหนองคายแต่งงานได้ระยะหนึ่งก็ฝันว่ามีชีปะขาวนำนาคมรกตมามอบให้แต่บอกว่าอีก 7 เดือนค่อยไปรับมาเป็นของตนต่อมาแม่ตั้งท้องลูกคนที่เจ็ดในวัยสูงอายุและหมดประจำเดือนแล้วและคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้ 7 เดือนทุกคนจึงเชื่อว่าเป็นไปตามนิมิตในฝันนางคำปลิวและสามีจึงรับน้องชายมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่แรกเกิดด . แล้ว . บุญเหลือชอบเข้าวัดมาแต่เด็กพออายุได้ 6 . นางคำปลิวเสียชีวิตลงสามีนางคำปลิวมีภรรยาใหม่ด . แล้วบุญเหลือจึงกลับไปอยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดแต่มักขัดขวาง .ห้ามปรามผู้ใหญ่ในทางบาปต่างๆจึงไม่เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้องครั้นอายุ 12 ทนความกดดันรอบข้างไม่ไหวจึงหนีออกจากบ้านรอนแรมไปจนพบสำนักอาศรมแก้วกู่ .ในเขตแดนลาวและได้ฝากตัวศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรมอยู่กับพระมุนีที่นั่นจนอายุครบพระมุนีจึงให้ออกจากสำนักไปจาริกแสวงบุญโปรดญาติโยมทั้งใกล้และไกล 20 .เมื่ออายุ 30 . จึงได้กลับมาปรนนิบัติตอบแทนคุณในวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อแม่ก่อนแม่สิ้นบุญในปี 2507 ได้มอบที่ดิน 8 ไร่ณบ้านเชียงควานเมืองท่าเดื่อเวียงจันท์ไว้เป็นมรดก. พ . ศ . 2513 ปู่เหลือได้พัฒนาที่ดินดังกล่าวสร้างเป็น " ปูชนียสถานเทวาลัยอย่างมหึมา " พุทธศาสนิกชนทั้งในภาคพื้นยุโรปและเอเชียเลื่อมใสมากแต่เมื่อเกิดเหตุวิกฤตในราชอาณาจักรลาวเมื่อปีพ . ศ . 2518 หลวงปู่จึงพาลูกศิษย์ข้ามโขงมาและรวมกันจัดตั้งเป็น " พุทธมามกสมาคมจังหวัดหนองคาย " โดยกรมการศาสนารับรองให้สามารถพ . ศ . พ.ศ. 2519 . พ . ศ . 2521 สานุศิษย์ได้จัดซื้อที่ดินราว 41 ไร่ในเขตบ้านสามัคคีต . หาดคำถวายให้เป็นที่ตั้งสำนักจวบจนปัจจุบันต้นปีพ . ศ . ปู่เหลือถูกใส่ความ 2527และมีผู้ไปแจ้งตำรวจตั้งข้อหาฉกรรจ์ ( ซึ่งทางสำนักขอสงวนไว้ ) ต้องอยู่ในเรือนจำจนถึงปลายปีเมื่อออกมาแล้วก็สร้างเทวรูปอีกมากมายทั้งเล็ก 2529
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: