การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นเสียงภาษาอังกฤษ Th-, L- และ R- ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่งนา ที่เรียนด้วยวิธีการสอนโดยใช้สื่อ VIDEO และ AUDIO และวิธีการสอนแบบปกติ
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่งนา ตำบลเขาบางแกรก อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ที่ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) 2 ห้องเรียน ได้แก่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 20 คน และ 2/2 25 คน รวมทั้งหมด 45 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อ VIDEO และ AUDIO แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน และสื่อ VIDEO และ AUDIO ช่วยสอน ดำเนินการสอนโดยใช้การจัดการเรียนรู้ตามปรกติ และใช้สื่อ VIDEO และ AUDIO จำนวน 3 คาบ แบบแผนการวิจัยเป็นแบบ Two-Group Pretest-Posttest Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ t-test for Dependent Sample และ t-test for independent Sample.
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลสัมฤทธิ์ในการอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-,L- และ R- ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มทดลอง หลังการจัดการเรียนรู้โดยการใช้สื่อ VIDEO และ AUDIO สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้โดยการใช้สื่อ VIDEO และ AUDIO อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่า การจัดการเรียนรู้โดยการใช้สื่อ VIDEO และ AUDIO ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ในการอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-,L- และ R- สูงขึ้น
2. ผลสัมฤทธิ์ในการอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-,L- และ R- ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังได้รับการจัดการการเรียนรู้โดยการสอนตามปรกติ สูงกว่าก่อนได้รับการจัดการเรียนรู้ตามปรกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่า การจัดการเรียนรู้โดยการสอนตามปรกติ ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์การอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-,L- และ R- สูงขึ้น แต่ไม่มากเท่าที่ควร
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้านการอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-,L- และ R- ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ก่อนการใช้สื่อ VIDEO และ AUDIO ไม่ต่างกับการสอนตามปรกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระกับ .05 แสดงว่า แตกต่างกันไม่มากหรือไม่แตกต่างเลย
4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้านการอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-,L- และ R- ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อ VIDEO และ AUDIO สูงกว่าหลังการสอนตามปรกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระกับ .05 แสดงว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อ VIDEO และ AUDIO ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ในการอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-,L- และ R- มากกว่าการจัดการการเรียนรู้โดยการสอนตามปรกติ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์การอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นเสียงภาษาอังกฤษ Th-, L- และ R- ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่งนาที่เรียนด้วย วิธีการสอนโดยใช้สื่อ วิดีโอและเสียง และวิธีหัวเรื่อง: การสอนแบบปกติ
กลุ่มตัวอย่าง arrow ที่ใช้ในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การศึกษาเป็นค้นคว้าครั้งนี้เป็นนักเรียนเป็นชั้นประถมศึกษาเป็นปีที่ 2 โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่งนาตำบลเขาบาง แกรกอำเภอหนองฉางจังหวัดอุทัยธานีภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ที่ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster สุ่ม) 2 ห้องเรียน ได้แก่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 20 คนและ 2/2 25 คนรวมทั้งหมด 45 คนเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อ วิดีโอและเสียงแบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียนและสื่อวิดีโอและเสียงช่วยสอนดำเนินการสอนโดยใช้การ จัดการเรียนรู้ตามปรกติและใช้สื่อ วิดีโอและเสียงจำนวน 3 คาบแบบแผนการวิจัยเป็นแบบสองกลุ่ม Pretest-Posttest ออกแบบสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ t-test Dependent สำหรับตัวอย่างและ t-test สำหรับตัวอย่างที่เป็นอิสระ.
ผลการศึกษาพบว่า
1 ผลสัมฤทธิ์ในการอ่านออกเสียงพยัญชนะต้น คำ TH-, L- และ R- ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มทดลองหลังการจัดการเรียนรู้โดย การใช้สื่อ วิดีโอและเสียงสูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้โดย การใช้สื่อ วิดีโอและเสียงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ. 05 แสดงว่าการจัดการเรียนรู้โดยการ ใช้สื่อ วิดีโอและเสียงส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ใน การอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-, L- และ R- สูงขึ้น
2 ผลสัมฤทธิ์ในการอ่านออกเสียงพยัญชนะต้น คำ TH-, L- และ R- ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังได้รับการจัดการการเรียนรู้ โดยการสอนตามปรกติสูงกว่าก่อนได้รับการจัดการเรียนรู้ตามปรกติอย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ. 05 แสดงว่าการจัดการเรียนรู้โดยการ สอนตามปรกติส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์การอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-, L- และ R- สูงขึ้น แต่ไม่มากเท่าที่ควร
3 . ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้าน การอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-, L- และ R- ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมก่อนการ ใช้สื่อ วิดีโอและเสียงไม่ต่างกับการสอนตามปรกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระ กับ . 05 แสดงว่าแตกต่างกันไม่มากหรือ ไม่แตกต่างเลย
4 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้าน การอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-, L- และ R- ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวิดีโอและเสียงสูงกว่าหลังการสอนตามปรกติอย่าง มี นัยสำคัญทางสถิติที่ระกับ. 05 แสดงว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้ สื่อ วิดีโอและเสียงส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ใน การอ่านออกเสียงพยัญชนะต้นคำ TH-, L- และ R- มากกว่าการจัดการการเรียนรู้โดย การสอนตามปรกติ
การแปล กรุณารอสักครู่..
