is interesting to note that in seve

is interesting to note that in several epidemiological studies, incense burning had shown no harmful effect. In their study of the association of indoor and outdoor environmental exposures and physician-diagnosed asthma, Lee et al. surveyed 35,036 6- to 15-year-old school children in Taiwan. They reported that daily cigarette consumption in families and incense burning at home showed negative effects to the occurrence of childhood asthma. They proposed a possible explanation for their finding; cigarette smoking and incense use might have been decreased in families with children with atopic disease and thus had less atopic asthma [63]. In another study, Koo et al., analyzed data from an air pollution cross-sectional study of 346 primary school children and their 293 non-smoking mothers, and a lung cancer case-control study of 189 female patients and 197 district matched controls. They found that there was no association between exposure to incense burning and respiratory symptoms like chronic cough, chronic sputum, chronic bronchitis, runny nose, wheezing, asthma, allergic rhinitis, or pneumonia among the primary school children, their non-smoking mothers, or district matched controls. Incense burning also did not affect lung cancer risk among non-smokers, but it significantly reduced risk among smokers, even after adjusting for lifetime smoking amount. They suggested a likely explanation for this unexpected finding: incense burning was associated with certain dietary habits, i.e. more fresh fish, more retinol, and less alcohol, which have been associated with lower lung cancer risk in this population. Thus, their results indicate that diet can be a significant confounder of epidemiological studies on air pollution and respiratory health [64].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

น่าสนใจที่จะทราบว่า ในการศึกษาทางระบาดวิทยาหลาย ธูปเขียนแสดงผลไม่เป็นอันตราย ในการศึกษาของสมาคมในร่ม และกลางแจ้งรับแสงสิ่งแวดล้อมและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์โรคหอบหืด Lee et al.สำรวจเด็กนักเรียน 6 กับ 15-ปี 35,036 ในไต้หวัน เขารายงานว่า การบริโภคบุหรี่ประจำวันในครอบครัวและการเผาไหม้ธูปที่บ้านแสดงให้เห็นว่าผลกระทบเชิงลบที่เกิดโรคหืดในวัยเด็ก พวกเขานำเสนอคำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับการค้นหาของพวกเขา ใช้ธูปบุหรี่บุหรี่อาจมีลดลงในครอบครัวที่มีเด็กเข้าใจโรค และมีโรคหอบหืดน้อยเข้าใจ [63] ในการศึกษาอื่น Koo et al. วิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาหน้าตัดมลพิษทางอากาศของแม่ห้อง 293 และเด็กประถม 346 และการควบคุมกรณีศึกษาโรคมะเร็งปอดของผู้ป่วยหญิง 189 และ 197 อำเภอตรงควบคุม พวกเขาพบว่า มีไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างการเตรียมการเขียนไว้นับพันและอาการทางเดินหายใจเช่นไอเรื้อรัง เสมหะเรื้อรัง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง น้ำมูก หายใจดังเสียงฮืด หอบหืด แพ้อากาศ หรือโรคปอดอักเสบในหมู่เด็กประถม แม่ของพวกเขาเป็นเขตปลอดบุหรี่ หรือย่านตรงควบคุม เผาธูปยังไรเสี่ยงมะเร็งปอดในกลุ่มไม่สูบบุหรี่ แต่มันลดความเสี่ยงในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ หลังจากปรับจำนวนบุหรี่อายุการใช้งาน พวกเขาแนะนำการอธิบายแนวโน้มการค้นพบนี้ไม่คาดคิด: ธูปเผาไหม้ถูกเชื่อมโยง กับบาง พฤติกรรมการบริโภคอาหาร เช่นปลาสด retinol เพิ่มเติม และ น้อย แอลกอฮอล์ ที่เกี่ยวเนื่องกับการลดความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดในประชากรนี้ ดังนั้น ผลบ่งชี้ว่า อาหารสามารถ confounder ที่สำคัญของการศึกษามลพิษทางอากาศและทางเดินหายใจ [64]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เป็นที่น่าสนใจที่จะทราบว่าในการศึกษาทางระบาดวิทยาหลายธูปไหม้ได้แสดงให้เห็นไม่มีผลกระทบที่เป็นอันตราย ในการศึกษาของพวกเขาจากความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมในร่มและกลางแจ้งและแพทย์วินิจฉัยโรคหอบหืด, Lee et al, สำรวจเด็กนักเรียน 35,036 6- 15 ปีในไต้หวัน พวกเขาได้รายงานว่าการบริโภคบุหรี่ในชีวิตประจำวันในครอบครัวและการเผาไหม้ธูปที่บ้านพบว่ามีผลกระทบเชิงลบที่จะเกิดขึ้นของโรคหอบหืดในวัยเด็ก พวกเขาเสนอคำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับการค้นพบของพวกเขา; การสูบบุหรี่และการใช้ธูปอาจได้รับการลดลงในครอบครัวที่มีเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้และทำให้มีโรคหอบหืดภูมิแพ้น้อย [63] ในการศึกษาอื่น Koo et al., การวิเคราะห์ข้อมูลจากมลพิษทางอากาศการศึกษาภาคตัดขวางของ 346 เด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาและ 293 แม่ไม่สูบบุหรี่ของพวกเขาและมะเร็งปอดกรณีศึกษาการควบคุมของผู้ป่วยเพศหญิง 189 และ 197 อำเภอที่ตรงกับการควบคุม พวกเขาพบว่ามีการเชื่อมโยงระหว่างการสัมผัสกับการเผาไหม้ธูปและอาการระบบทางเดินหายใจเช่นไอเรื้อรังมีเสมหะเรื้อรัง, โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังน้ำมูกไหลหายใจมีเสียง, หอบหืด, โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้หรือโรคปอดบวมในหมู่เด็กประถมมารดาไม่สูบบุหรี่ของพวกเขาหรือ อำเภอที่ตรงกับการควบคุม ธูปไหม้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดในหมู่ผู้ไม่สูบบุหรี่ แต่ก็มีความเสี่ยงลดลงอย่างมากในหมู่ผู้สูบบุหรี่แม้หลังจากปรับจำนวนการสูบบุหรี่อายุการใช้งาน พวกเขาบอกเป็นคำอธิบายที่มีแนวโน้มสำหรับการค้นพบที่ไม่คาดคิดนี้: ธูปไหม้มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภคอาหารบางปลา IE สด, เรตินมากขึ้นและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อยลงซึ่งได้รับการเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดลดลงในประชากรกลุ่มนี้ ดังนั้นผลของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าอาหารที่สามารถเป็นปัจจัยรบกวนที่สำคัญของการศึกษาทางระบาดวิทยาในมลพิษทางอากาศและสุขภาพทางเดินหายใจ [64]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นที่น่าสนใจที่จะทราบว่าในการศึกษาระบาดวิทยาหลาย ธูปไหม้ได้แสดงให้เห็นว่า ไม่มีผลที่เป็นอันตราย ในการศึกษาของสมาคมในร่มและกลางแจ้ง ด้านสิ่งแวดล้อม และแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคหอบหืด ลี และคณะ สำรวจ 35036 6 - 15 ปี เด็กโรงเรียนในไต้หวัน พวกเขารายงานว่าทุกวัน บุหรี่ การบริโภคในครอบครัวและธูปไหม้ที่บ้านพบว่าผลกระทบเชิงลบที่จะเกิดโรคหืดในวัยเด็ก พวกเขาเสนอคำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับการค้นหาของพวกเขา การสูบบุหรี่และเครื่องหอมที่ใช้อาจจะถูกลดลงในครอบครัวที่มีลูกเป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด ผื่นภูมิแพ้น้อยลงและดังนั้นจึงมี [ 63 ] ในอีกการศึกษา คู et al . , วิเคราะห์ข้อมูลจากมลพิษทางอากาศระดับการศึกษาของนักเรียนระดับประถมศึกษา และมารดาเป็น 346 ห้องของพวกเขา และโรคมะเร็งปอด การศึกษาระบาดวิทยาของผู้ป่วยหญิงและ 197 ตำบลการจับการควบคุม พวกเขาพบว่า ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างแสงธูปไหม้และอาการทางระบบหายใจ เช่น ไอเรื้อรัง มีเสมหะเรื้อรัง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง น้ํามูก หอบ หืด โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือปอดบวมในเด็กประถมศึกษา อำเภอมารดาปลอด หรือการจับการควบคุม ธูปไหม้ ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดในหมู่ผู้ไม่สูบบุหรี่ แต่มันสามารถลดความเสี่ยงของการสูบบุหรี่ แม้หลังจากการปรับปริมาณการใช้งานสูบบุหรี่ พวกเขาแนะนำอธิบายแนวโน้มสำหรับการค้นหาที่ไม่คาดคิดนี้ : ธูปไหม้ได้เกี่ยวข้องกับบริโภคนิสัย บางอย่าง เช่น ปลายิ่งสด , เรตินอล และดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง ซึ่งได้รับการเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดในประชากรนี้ ดังนั้น ผลของพวกเขาบ่งชี้ว่า อาหารสามารถเป็น confounder สําคัญของการศึกษาทางระบาดวิทยาของมลพิษทางอากาศและสุขภาพระบบทางเดินหายใจ [ 64 ]