One of Chiang Mai’s most important

One of Chiang Mai’s most important temples is the Wat Chedi Luang located in the ancient walled part of the city.
The Wat Chedi Luang, also known as the Jedi Luang and “The temple of the Great Stupa” initially consisted of two more temples named Wat Ho Tham and Wat Sukmin, that were all merged into one.
Wat Chedi Luang (a.k.a. Jedi Luang) was built in 1391 during the reign of King Saen Muang Ma, 8th ruler of the Mengrai dynasty. He intended the structure to house the ashes of his father, Ku Na. Appropriately, the site was designated as a 'ku luang' instead of a chedi since it was not intended to house relics of the Buddha.
The massive reliquary was expanded over the centuries, until it reached its final form in 1475, when King Tilokaraj made it the home of the Emerald Buddha, the most important cultural treasure in Thailand. At one point the reliquary--which had come to be known as a chedi--was 144 feet wide and 282 feet tall. Unfortunately, the pagoda was heavily damaged in the 1545 earthquake during the reign of Queen Mahadevi. The Emerald Buddha remained here for about six years after the earthquake, whereupon it was brought to Luang Prabang (in today's Laos) by King Setthathirat, who ruled Chiang Mai for a short period in the years following the earthquake.
The viharn, or worship hall, is a much newer structure decorated with naga (water snake) and peacock motifs.
According to Roy Hudson, visitors entering this temple should take note of the massive tree to the left of the entrance. Legend says that if this tree should ever fall, a great catastrophe will occur. A small building near the tree enshrines the "Spirit of the City" (Sao Intakin) that was moved from its original site in 1775.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หนึ่งในวัดสำคัญของเชียงใหม่คือวัดเจดีย์หลวงตั้งอยู่ในส่วนกำแพงโบราณของเมืองวัดเจดีย์หลวง เป็นหลวงเจไดและ "วัดเจดีย์ดี" เริ่มต้นประกอบด้วยสองเพิ่มเติมวัดชื่อวัดถ้ำโฮจิมินห์และวัด Sukmin ที่ทั้งหมดได้ผสานเป็นหนึ่งวัดเจดีย์หลวง (หรือเวสท์วูดเจดีย์หลวง) ถูกสร้างขึ้นใน 1391 รัชกาลพระแสนเมืองมา ไม้บรรทัดที่ 8 ในราชวงศ์เม็งราย เขาตั้งใจโครงสร้างกับบ้านขี้เถ้าของบิดา เรี่ยมคูสม เว็บไซต์ถูกกำหนดเป็นการ 'กู่หลวง' แทนเจดีย์เนื่องจากมันไม่ได้ทำให้บ้านธาตุพระ หีบวัตถุมงคลใหญ่ถูกขยายมากกว่าศตวรรษ จนมาถึงรูปแบบสุดท้ายใน 1475 เมื่อกษัตริย์ Tilokaraj ทำบ้านของศาสดา สมบัติวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย ที่จุดหีบวัตถุมงคล - ซึ่งมาเรียกเจดีย์ - มี 144 ฟุตสูงฟุต 282 อับ เจดีย์ถูกมากเสียหายในแผ่นดินไหว 1545 ในรัชสมัยของควีน Mahadevi พระยังคงที่นี่ประมาณ 6 ปีหลังจากแผ่นดินไหว whereupon จะถูกนำไปยังหลวงพระบาง (ประเทศลาวในปัจจุบัน) โดย Setthathirat กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองเชียงใหม่ในระยะสั้น ๆ ในปีต่อไปนี้แผ่นดินไหว องค์ หรือหอบูชา เป็นโครงสร้างใหม่มากตกแต่ง ด้วยนกยูงลงและพญานาค (งู) ตามรอยฮัดสัน นักท่องเที่ยวเข้าวัดควรจะทราบของต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ด้านซ้ายของทางเข้า ตำนานได้กล่าวว่า ถ้าแผนภูมินี้จะเคยตก แผ่นดินไหวที่ดีจะเกิดขึ้น อาคารขนาดเล็กใกล้ต้น enshrines "จิตวิญญาณของเมือง" (เซาทขิล) ที่ถูกย้ายจากไซต์ของเดิมใน 1775 แอดเด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หนึ่งในวัดที่สำคัญที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่เป็นวัดเจดีย์หลวงตั้งอยู่ในส่วนกำแพงโบราณของเมือง.
วัดเจดีย์หลวงยังเป็นที่รู้จักเจดีย์หลวงและ "วิหารแห่งมหาเจดีย์" ในขั้นต้นประกอบด้วยสองวัดมากขึ้นชื่อวัด โฮถ้ำและวัด Sukmin ที่ทุกคนรวมเป็นหนึ่ง.
วัดเจดีย์หลวง (หรือที่รู้จักเจดีย์หลวง) ถูกสร้างขึ้นใน 1391 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระแสนเมืองมาผู้ปกครองที่ 8 แห่งราชวงศ์เม็งราย เขาตั้งใจโครงสร้างบ้านเถ้าถ่านของพ่อของเขากู่นา เหมาะสมเว็บไซต์ถูกกำหนดให้เป็น 'ku หลวง' แทนเจดีย์ตั้งแต่มันก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะพระธาตุบ้านของพระพุทธเจ้า.
สถูปขนาดใหญ่ได้มีการขยายศตวรรษที่ผ่านมาจนกว่าจะถึงรูปแบบสุดท้ายใน 1475 เมื่อกษัตริย์ Tilokaraj ทำ บ้านพระศรีรัตนศาสดาราม, สมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญมากที่สุดในประเทศไทย เมื่อถึงจุดหนึ่งสถูป - ซึ่งได้มาเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเจดีย์ - เป็น 144 ฟุตกว้าง 282 ฟุตสูง แต่น่าเสียดายที่พระเจดีย์ได้รับความเสียหายอย่างมากในการเกิดแผ่นดินไหว 1545 ในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินี Mahadevi พระแก้วมรกตยังคงอยู่ที่นี่ประมาณหกปีหลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวครั้นแล้วมันจะถูกนำไปยังหลวงพระบาง (ในวันนี้ประเทศลาว) โดยกษัตริย์ Setthathirat ผู้ปกครองเชียงใหม่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ในปีต่อไปนี้แผ่นดินไหว.
วิหารหรือห้องโถงนมัสการ เป็นโครงสร้างใหม่มากตกแต่งด้วยนาค (น้ำงู) และลวดลายนกยูง.
ตามรอยฮัดสันผู้เข้าชมเข้าวัดนี้ควรทราบของต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ด้านซ้ายของทางเข้า ตำนานกล่าวว่าถ้าต้นไม้ต้นนี้เคยจะลดลงเป็นภัยพิบัติที่ดีจะเกิดขึ้น เป็นอาคารขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ต้นไม้ประดิษฐาน "จิตวิญญาณของเมือง" (เซา Intakin) ที่ถูกย้ายจากเว็บไซต์เดิมใน 1775

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หนึ่งในเชียงใหม่ที่สำคัญที่สุดของวัดคือ วัดเจดีย์หลวง ตั้งอยู่ใน โบราณ ผนังส่วนหนึ่งของเมืองวัดเจดีย์หลวง เรียกว่า เจดีย์หลวง และ วัดพระเจดีย์ใหญ่ " ตอนแรกมีอีก 2 วัด ชื่อวัดถ้ำและวัด sukmin โฮที่ถูกผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียววัดเจดีย์หลวง ( a.k.a . เจดีย์หลวง ) สร้างขึ้นในรัชสมัยของบุคคลแสนเมืองมา ผู้ปกครองของราชวงศ์เม็งราย 8 . เขาตั้งใจโครงสร้างบ้านอัฐิของพ่อกู นา เหมาะสม , เว็บไซต์ที่ถูกกำหนดให้เป็น ' กู่หลวง ' แทนที่จะเป็นเจดีย์ตั้งแต่มันไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อบ้าน พระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้าส่วนธาตุขนาดใหญ่ขยายตัวกว่าศตวรรษ จนมาถึงรูปสุดท้ายใน 843 เมื่อกษัตริย์ tilokaraj ทำบ้านพระ สมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดในไทย จุดหนึ่งที่เป็นธาตุที่ได้มาเป็นที่รู้จักกันเป็นเจดีย์ -- 144 ฟุต กว้าง 3 ฟุต แต่น่าเสียดายที่เจดีย์เสียหายอย่างหนักในการผลิตแผ่นดินไหวในช่วงรัชสมัยของราชินี mahadevi . พระแก้วมรกตอยู่มาประมาณ 6 ปี หลังเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งมันถูกนำตัวไปหลวงพระบาง ( ในวันนี้ของลาว ) โดยกษัตริย์ setthathirat ที่ปกครองเชียงใหม่เป็นระยะสั้นในปีต่อไปนี้การเกิดแผ่นดินไหวผู้ค้า หรือสถานที่นมัสการ เป็นโครงสร้างใหม่มากตกแต่งด้วยนาค ( งูน้ำ ) และนกยูงลวดลายตาม รอย ฮัดสัน , ผู้เข้าชมเข้าสู่วัดนี้ควรใช้หมายเหตุของต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ด้านซ้ายของทางเข้า ตำนานกล่าวไว้ว่า ถ้าต้นไม้ต้นนี้จะล้ม หายนะที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้น เป็นอาคารขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ต้นไม้ enshrines " จิตวิญญาณของเมือง " ( เซา Intakin ) ที่ย้ายจากที่ตั้งเดิมใน 1775 .