A Bangkok military court has indict

A Bangkok military court has indicted two men accused of carrying out the August 17 bombing at a popular shrine that killed 20 people.

The court on Tuesday indicted Bilal Mohammed and Mieraili Yusufu on 10 counts connected to the blast, including conspiracy to explode bombs and commit premeditated murder.
Thailand authorities have not officially named the bombing of Erawan Shrine an act of terror, and accordingly neither suspect was charged specifically with terrorism.
Police issued 17 arrest warrants following the bombing but only Bilal and Mieraili have been detained. They are described as ethnic Uighurs, a minority group based in China's Xinjiang region. They have been held in custody since their arrests in late August and early September.
Thai officials have said the blast was carried out by a people-smuggling gang seeking revenge on Thai authorities for cracking down on their operation.
The August 17 blast at the Erawan Shrine - a popular tourist destination - was one of the most deadly acts of violence in Bangkok in decades, and left 20 people dead and more than 120 injured. Of the dead, 14 were tourists.
The attack shocked the residents of the capital because of the apparent randomness, which drove home the point that no place is immune to acts of terror. Authorities, however, have declined to call it an act of terrorism out of apparent fear that it would hurt the country's huge tourism industry.
Police initially appeared at first to be at a loss, but soon claimed success with a series of raids and two arrests. Arrest warrants have been issued for 15 others.
The two suspects were brought to the court in handcuffs wearing brown prison garb. Members of the media were not allowed to enter the court and the indictments took place before the two suspects arrived, said defense lawyer Chuchart Kanpai.
Early speculation about the bombing had suggested it might be the work of Uighur separatists who were angry that Thailand in July forcibly repatriated more than 100 Uighurs to China, where it is feared they face persecution. The theory was bolstered by the fact that the Erawan Shrine is popular among Chinese tourists, who figured prominently among the victims of the bombing.
But Thai officials reject any political or religious motive, sticking to the theory that it was a revenge for disrupting a human-smuggling gang. Still, skepticism about the police explanation on the shrine attack has abounded because of leaks, contradictions, misstatements and secrecy surrounding the investigation.
The two suspects are being tried at a military court on an army base in Bangkok because cases of "national security" have been handled by the military since last May, when the army seized power in a coup from an elected government.
Former National Police Chief Somyot Poomphanmuang said before his retirement in September that the case against the two suspects was supported by closed-circuit television footage, witnesses, DNA matching and physical evidence, in addition to their confessions.
Security camera footage from the Erawan Shrine showed a man wearing a yellow T-shirt who sat down on a bench at the outdoor shrine, took off a black backpack and then left it behind as he stood up and walked away. Time stamps on closed circuit TV footage showed he left the shrine just minutes before the blast occurred, during evening rush hour as the area in central Bangkok was filled with people.
Police believe that Bilal is the yellow-shirted man who planted the bomb and Yusufu is believed to have detonated the bomb.
Bilal, was initially identified as Adem Karadag, which was the name on a fake Turkish passport in his possession when he was arrested Aug. 29. He was arrested at one of two apartments police raided on the outskirts of Bangkok.
Yusufu was arrested Sept. 1 near the Thai-Cambodia border, carrying a Chinese passport indicating he was from Xinjiang. Police said his DNA and fingerprints were found in both raided apartments, including on a container of gunpowder.
Police said they have confessions from the two, and Bilal's lawyer says his client admitted planting the deadly bomb at the behest of another suspect who remains a fugitive. He says Bilal was induced to carry out the action by a promise that his emigration to Turkey would be expedited.
- See more at: http://www.thailandnews.net/index.php/sid/238852011#sthash.7VaTZ8Sb.dpuf

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศาลทหารกรุงเทพมีฟ้องสองคนถูกกล่าวหาว่าดำเนินการทิ้งระเบิดที่ 17 สิงหาคมที่ศาลเจ้านิยมที่ฆ่าคน 20บิลาล Mohammed ฟ้องศาลในวันอังคาร และ Mieraili Yusufu ในการตรวจนับ 10 ที่เชื่อมต่อกับระเบิด รวมถึงการสมคบระเบิดระเบิด และกระทำฆาตกรรมล้มหน่วยงานไทยได้อย่างชื่อระเบิดของเอราวัณของก่อการร้าย และตาม คิดไม่สงสัยโดยเฉพาะกับการก่อการร้ายตำรวจออกจับกุม 17 วอร์แรนต์ต่อการระเบิด แต่เฉพาะ Bilal และ Mieraili ได้ถูกกักตัว พวกเขาจะอธิบายว่า ชาว Uighurs เป็นชนกลุ่มน้อยในภูมิภาค Xinjiang ของจีน พวกเขาได้เคยถูกจับกุมตั้งแต่การจับกุมในช่วงปลายเดือนสิงหาคมและกันยายนก่อนเจ้าหน้าที่ไทยได้กล่าวว่า การระเบิดถูกดำเนินการ โดยแก๊งลักลอบคนที่แสวงหาแก้แค้นในไทยสำหรับแตกลงในการทำงานของระเบิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ศาลพระพรหมเอราวัณ -แห่ง - ของความรุนแรงกระทำร้ายแรงที่สุดในทศวรรษ และซ้ายคน 20 กว่า 120 ที่บาดเจ็บและตาย ของคนตาย 14 ถูกนักท่องเที่ยวการโจมตี shocked ชาวเมืองหลวงเนื่องจาก randomness ชัดเจน การขับรถที่บ้านจุดที่ไม่มีภูมิคุ้มกันทำหน้าที่ของความหวาดกลัว หน่วยงาน อย่างไรก็ตาม มีปฏิเสธการเรียกว่าพระราชบัญญัติการก่อการร้ายชัดเจนกลัวว่า มันจะทำร้ายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ของประเทศตำรวจเริ่มปรากฏครั้งแรกที่สูญเสีย ความสำเร็จเร็ว ๆ นี้อ้างว่า มีชุดตรวจและจับกุมสอง ใบสำคัญแสดงสิทธิจับออก 15 คนผู้ต้องสงสัยทั้งสองถูกนำไปศาล garb คุกสีน้ำตาลสวมใส่กุญแจมือ สมาชิกของสื่อไม่ได้รับอนุญาตให้ป้อนศาล และการ indictments เกิดก่อนมาถึงผู้ต้องสงสัยสอง กล่าวว่า ทนายความป้องกัน Chuchart Kanpaiเก็งกำไรช่วงเกี่ยวกับระเบิดแนะนำอาจเป็นการทำงานของอุ้ยเหอ separatists ที่ว่า ประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม repatriated Uighurs มากกว่า 100 ประเทศจีน ที่มันจะกลัวพวกเขาเผชิญกับการเบียดเบียนบังคับให้โกรธ ทฤษฎีถูกนั้นสนับสนุนความจริงที่ว่าศาลพระพรหมเอราวัณเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีน ที่คิดจึงระหว่างเหยื่อระเบิดแต่เจ้าหน้าที่ไทยปฏิเสธใด ๆ ทางการเมือง หรือศาสนาโมทีฟ ผสานกับทฤษฎีที่ว่า เป็นการแก้แค้นสำหรับแก๊งลักลอบบุคคลควบ ยังคง สงสัยเกี่ยวกับคำอธิบายของตำรวจในการโจมตีศาลเจ้ามี abounded รั่ว ฮฺที่ misstatements และรอบการตรวจสอบความลับผู้ต้องสงสัยสองเป็นการพยายามที่ศาลทหารในกองทัพมีฐานในกรุงเทพฯ เนื่องจากกรณีของ "การรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ" ได้รับการจัดการ โดยทหารตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เมื่อกองทัพยึดอำนาจในรัฐประหารจากรัฐบาลที่ได้รับเลือกหัวหน้าตำรวจแห่งชาติอดีตสมยศ Poomphanmuang กล่าวว่า ก่อนเกษียณอายุของเขาในเดือนกันยายนที่คดีให้ผู้ต้องสงสัยทั้งสองได้รับการสนับสนุน โดยวิดีโอโทรทัศน์วงจรปิด พยาน การจับคู่ของดีเอ็นเอ และ พยาน นอกจากเสน่ห์รักสาวนักรักษาความปลอดภัยกล้องวิดีโอจากเอราวัณพบชายสวมเสื้อยืดสีเหลือง ที่นั่งลงบนม้านั่งที่ศาลกลาง เอาออกจากกระเป๋าสะพายหลังสีดำแล้ว ทิ้งมันเป็นเขาลุกขึ้นยืน และเดินไป แสตมป์เวลาในภาพโทรทัศน์วงจรปิดแสดงให้เห็นว่า เขาปล่อยศาลเจ้าเพียงไม่กี่นาทีก่อนการระเบิดเกิดขึ้น ช่วงเย็นชั่วโมงเร่งด่วนตั้งอยู่ใจกลางเมืองก็เต็มไป ด้วยคนตำรวจเชื่อว่า Bilal เหลืองกลุ่มคนปลูกระเบิด และ Yusufu เชื่อกันว่ามีระเบิดระเบิดบิลาล เริ่มต้นระบุเป็น Adem Karadag ซึ่งเป็นชื่อหนังสือตุรกีปลอมในความครอบครองของเขาเมื่อเขาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 ส.ค. เขาถูกจับที่ 2 ตำรวจอพาร์ทเมนท์เอกชนอยู่รอบนอกของกรุงเทพมหานครYusufu ถูกจับ 1 ก.ย.ใกล้ชายแดนไทยกัมพูชา แบกหนังสือเดินทางจีนเขาจาก Xinjiang บ่งชี้ ตำรวจกล่าวว่า ดีเอ็นเอและลายนิ้วมือของเขาถูกพบในอพาร์ทเมนท์ทั้ง raided รวมในคอนเทนเนอร์ของดินปืนตำรวจกล่าวว่า พวกเขามีเสน่ห์รักสาวจากทั้งสอง และทนายความของ Bilal กล่าวว่า ลูกค้าของเขายอมรับปลูกระเบิดร้ายแรงที่ behest ของสงสัยอื่นที่ยังคงเป็นผู้ต้องหา เขากล่าวว่า Bilal ถูกทำให้เกิดการดำเนินการดำเนินการ โดยสัญญาว่า จะถูกเร่งเขา emigration สู่ตุรกี-ดูเพิ่มเติมได้ที่: http://www.thailandnews.net/index.php/sid/238852011#sthash.7VaTZ8Sb.dpuf

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กรุงเทพฯศาลทหารมีความผิดทั้งสองคนที่ถูกกล่าวหาว่าการดำเนินการระเบิด 17 สิงหาคมที่ศาลเจ้าที่นิยมที่ถูกฆ่าตาย 20 คน. ศาลในวันอังคารที่ผิดบิลัลโมฮัมเหม็และ Mieraili Yusufu เมื่อวันที่ 10 นับเชื่อมต่อกับระเบิดรวมทั้งการสมรู้ร่วมคิดที่จะระเบิดระเบิดและกระทำ สังหาร. เจ้าหน้าที่ไทยยังไม่ได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการการระเบิดของศาลพระพรหมเอราวัณการกระทำของความหวาดกลัวและไม่ต้องสงสัยตามที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายโดยเฉพาะกับ. ตำรวจออกหมายจับ 17 ต่อไประเบิด แต่ Bilal Mieraili และได้รับการคุมขัง พวกเขาจะอธิบายว่าชาวอุยกูร์ชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยในประเทศจีนของภูมิภาคซินเจียง พวกเขาได้รับการจัดขึ้นในการดูแลตั้งแต่การจับกุมของพวกเขาในช่วงปลายเดือนสิงหาคมและต้นเดือนกันยายน. เจ้าหน้าที่ไทยได้กล่าวว่าการระเบิดได้ดำเนินการโดยแก๊งคนลักลอบหาทางแก้แค้นเจ้าหน้าที่ไทยแตกลงในการดำเนินงานของพวกเขา. 17 สิงหาคมระเบิดที่เอราวัณ ศาลเจ้า - สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม - เป็นหนึ่งในการกระทำที่ร้ายแรงที่สุดของความรุนแรงในกรุงเทพฯในทศวรรษที่ผ่านมาและที่เหลือ 20 คนตายและอื่น ๆ กว่า 120 คนได้รับบาดเจ็บ ของคนตาย 14 เป็นนักท่องเที่ยว. การโจมตีตกใจอาศัยอยู่ในเมืองหลวงเพราะแบบแผนชัดเจนซึ่งขับรถกลับบ้านจุดที่ไม่มีสถานที่จะรอดพ้นจากการกระทำของความหวาดกลัว เจ้าหน้าที่ แต่ได้ปฏิเสธที่จะเรียกมันว่าการกระทำของการก่อการร้ายออกจากความกลัวที่เห็นได้ชัดว่ามันจะเจ็บอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ของประเทศ. ตำรวจเริ่มปรากฏในตอนแรกจะเป็นที่สูญเสีย แต่อ้างว่าเร็ว ๆ นี้ประสบความสำเร็จกับชุดจับกุมและสองจับกุม . หมายจับได้รับการออก 15 คนอื่น ๆ . ทั้งสองผู้ต้องสงสัยที่ถูกนำตัวไปที่ศาลในการสวมใส่กุญแจมือเครื่องแบบคุกสีน้ำตาล สมาชิกของสื่อไม่ได้รับอนุญาตที่จะเข้าสู่ศาลและข้อหาที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีสองผู้ต้องสงสัยมากล่าวว่าการป้องกันทนายความชูชาติกันภัย. การเก็งกำไรในช่วงต้นเกี่ยวกับการระเบิดได้แนะนำก็อาจจะมีการทำงานของ separatists อุยกูร์ที่กำลังโกรธที่ประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม ส่งตัวบังคับมากกว่า 100 ชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีนซึ่งจะมีการกลัวว่าพวกเขาต้องเผชิญการประหัตประหาร ทฤษฎีที่ได้รับการหนุนจากความจริงที่ว่าศาลพระพรหมเอราวัณเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีนที่คิดว่าสำคัญในหมู่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของระเบิด. แต่เจ้าหน้าที่ไทยปฏิเสธแรงจูงใจทางการเมืองหรือศาสนาใด ๆ ติดกับทฤษฎีที่ว่ามันเป็นแก้แค้นให้กระทบกับมนุษย์ได้ แก๊ง -smuggling ยังคงสงสัยเกี่ยวกับคำอธิบายของตำรวจในการโจมตีศาลได้ต่าง ๆ นานาเพราะการรั่วไหลขัดแย้ง misstatements และความลับโดยรอบการตรวจสอบ. สองผู้ต้องสงสัยที่มีการพยายามที่ศาลทหารบนฐานทหารในกรุงเทพฯเพราะกรณีของ "ความมั่นคงของชาติ" มี รับการจัดการโดยทหารตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเมื่อกองทัพเข้ายึดอำนาจในการทำรัฐประหารจากรัฐบาลเลือกตั้ง. อดีตตำรวจแห่งชาติหัวหน้าสมยศ Poomphanmuang กล่าวว่าก่อนที่จะเกษียณอายุในเดือนกันยายนว่ากรณีกับสองผู้ต้องสงสัยได้รับการสนับสนุนจากภาพโทรทัศน์วงจรปิด, พยานการจับคู่ดีเอ็นเอและหลักฐานทางกายภาพที่นอกเหนือไปจากคำสารภาพของพวกเขา. ภาพจากกล้องรักษาความปลอดภัยจากศาลพระพรหมเอราวัณพบว่ามีชายคนหนึ่งสวมเหลืองเสื้อยืดที่ทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งที่ศาลกลางแจ้ง, เอาออกกระเป๋าเป้สะพายหลังสีดำแล้วทิ้งมัน ที่อยู่เบื้องหลังในขณะที่เขายืนขึ้นและเดินออกไป แสตมป์เวลาบนวงจรปิดภาพข่าวโทรทัศน์แสดงให้เห็นว่าเขาออกจากศาลเจ้าเพียงไม่กี่นาทีก่อนที่จะระเบิดที่เกิดขึ้นในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็นเป็นพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯก็เต็มไปด้วยผู้คน. ตำรวจเชื่อว่าบิลัลเป็นคนเสื้อเหลืองที่วางระเบิดและ Yusufu เชื่อว่าจะได้จุดชนวนระเบิด. บิลัลถูกระบุว่าเป็นครั้งแรก Adem Karadag ซึ่งเป็นชื่อในหนังสือเดินทางปลอมตุรกีอยู่ในความครอบครองของเขาเมื่อเขาถูกจับที่ 29 สิงหาคมเขาถูกจับที่หนึ่งในสองตำรวจบุกเข้าไปในอพาร์ทเมนในเขตชานเมือง กรุงเทพฯ. Yusufu ถูกจับ 1 กันยายนใกล้ชายแดนไทยกัมพูชาถือหนังสือเดินทางจีนแสดงให้เห็นเขามาจากซินเจียง ตำรวจกล่าวว่าดีเอ็นเอและรอยนิ้วมือของเขาถูกพบได้ทั้งในพาร์ทเมนท์บุกเข้าไปรวมในภาชนะบรรจุดินปืนก. ตำรวจกล่าวว่าพวกเขามีคำสารภาพจากทั้งสองและทนายความบิลัลกล่าวว่าลูกค้าของเขาเข้ารับการรักษาปลูกระเบิดร้ายแรงตามคำสั่งของผู้ต้องสงสัยอีกคนที่ยังคงหลบหนี . เขาบอกว่า Bilal ถูกชักนำให้ดำเนินการกระทำโดยสัญญาที่อพยพไปยังตุรกีเขาจะได้รับการเร่ง. - ดูเพิ่มเติมได้ที่: http://www.thailandnews.net/index.php/sid/238852011#sthash.7VaTZ8Sb.dpuf