Composition[edit]Heavy minerals (da

Composition[edit]


Heavy minerals (dark) in a quartz beach sand (Chennai, India).


Sand from Coral Pink Sand Dunes State Park, Utah. These are grains of quartz with a hematite coating providing the orange color.


Sand from Pismo Beach, California. Components are primarily quartz, chert, igneous rock and shell fragments.
In terms of particle size as used by geologists, sand particles range in diameter from 0.0625 mm (or 1⁄16 mm) to 2 mm. An individual particle in this range size is termed a sand grain. Sand grains are between gravel (with particles ranging from 2 mm up to 64 mm) and silt (particles smaller than 0.0625 mm down to 0.004 mm). The size specification between sand and gravel has remained constant for more than a century, but particle diameters as small as 0.02 mm were considered sand under the Albert Atterberg standard in use during the early 20th century. A 1953 engineering standard published by the American Association of State Highway and Transportation Officials set the minimum sand size at 0.074 mm. A 1938 specification of the United States Department of Agriculture was 0.05 mm.[1] Sand feels gritty when rubbed between the fingers (silt, by comparison, feels like flour).
ISO 14688 grades sands as fine, medium and coarse with ranges 0.063 mm to 0.2 mm to 0.63 mm to 2.0 mm. In the United States, sand is commonly divided into five sub-categories based on size: very fine sand (1⁄16 – 1⁄8 mm diameter), fine sand (1⁄8 mm – 1⁄4 mm), medium sand (1⁄4 mm – 1⁄2 mm), coarse sand (1⁄2 mm – 1 mm), and very coarse sand (1 mm – 2 mm). These sizes are based on the Krumbein phi scale, where size in Φ = -log2D; D being the particle size in mm. On this scale, for sand the value of Φ varies from −1 to +4, with the divisions between sub-categories at whole numbers.


Close up of black volcanic sand from Perissa, in Santorini, Greece
The most common constituent of sand, in inland continental settings and non-tropical coastal settings, is silica (silicon dioxide, or SiO2), usually in the form of quartz, which, because of its chemical inertness and considerable hardness, is the most common mineral resistant to weathering.
The composition of mineral sand is highly variable, depending on the local rock sources and conditions. The bright white sands found in tropical and subtropical coastal settings are eroded limestone and may contain coral and shell fragments in addition to other organic or organically derived fragmental material, suggesting sand formation depends on living organisms, too.[2] The gypsum sand dunes of the White Sands National Monument in New Mexico are famous for their bright, white color. Arkose is a sand or sandstone with considerable feldspar content, derived from weathering and erosion of a (usually nearby) granitic rock outcrop. Some sands contain magnetite, chlorite, glauconite or gypsum. Sands rich in magnetite are dark to black in color, as are sands derived from volcanic basalts and obsidian. Chlorite-glauconite bearing sands are typically green in color, as are sands derived from basaltic (lava) with a high olivine content. Many sands, especially those found extensively in Southern Europe, have iron impurities within the quartz crystals of the sand, giving a deep yellow color. Sand deposits in some areas contain garnets and other resistant minerals, including some small gemstones.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

องค์ประกอบ [แก้ไข]


(มืด) ในควอตซ์มีแร่หนักหาดทราย (เจนไน อินเดีย)


ทรายจากปะการังสีชมพูทรายดันส์อุทยานรัฐ ยูทาห์ ได้แก่ธัญพืชของควอตซ์กับเคลือบ hematite ที่ให้ส้มสีด้วย


ทรายจาก Pismo บีช แคลิฟอร์เนีย ส่วนประกอบเป็นควอตซ์ chert อัคนี และบางส่วนของเชลล์
ในอนุภาคขนาดที่ใช้ โดยนักธรณีวิทยา ทรายช่วงอนุภาคเส้นผ่านศูนย์กลางจาก 0.0625 มม. (1⁄16 mm) 2 มม. เป็นอนุภาคแต่ละขนาดช่วงนี้เรียกว่าเม็ดทราย ทรายแป้งอยู่ระหว่างกรวด (ด้วยอนุภาคตั้งแต่ 2 มม.ถึง 64 mm) และตะกอน (อนุภาคขนาดเล็กกว่า 0.0625 มิลลิเมตรจนถึง 0.004 มิลลิเมตร) ข้อมูลจำเพาะขนาดระหว่างทรายและกรวดได้ยังคงคงที่สำหรับมากกว่าศตวรรษ แต่ปัจจุบันอนุภาคขนาดเล็กที่ 0.02 มม.ได้ถือทรายภายใต้มาตรฐาน Atterberg อัลเบิร์ตใช้ในช่วงศตวรรษที่ 20 ต้น มาตรฐานวิศวกรรม 1953 เผยแพร่ โดยสมาคมอเมริกันสถานะทางหลวงและเจ้าหน้าที่ขนส่งตั้งทรายขนาดต่ำสุดที่ 0.074 มม. ข้อมูลจำเพาะ 1938 ของกรมเกษตรสหรัฐอเมริกาได้ 0.05 mm[1] ทรายรู้สึกถึงเมื่อ rubbed ระหว่างนิ้ว (ตะกอน โดยการเปรียบเทียบ รู้สึกเหมือนแป้ง) .
ISO 14688 เกรดแซนด์เป็นสื่อที่ดี และหยาบกับช่วง 0.063 มม.มม. 0.2 มม. 0.63 2.0 มม. ในสหรัฐอเมริกา ทรายโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 5 ประเภทย่อยตามขนาด: ดีทราย (1⁄16 – 1⁄8 มม.เส้นผ่าศูนย์กลาง), (1⁄8 มม. – 1⁄4 มม.), ทรายทรายขนาดกลาง (1⁄4 มม. – 1⁄2 มม.), ทรายหยาบ (1⁄2 mm – 1 มม.), และทรายหยาบมาก (มม. 1 – 2 มม.) ขนาดเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับมาตราส่วนพีพี Krumbein ขนาดในΦ = - log2D D ที่มีขนาดอนุภาคในมม. ในระดับนี้ สำหรับทราย ค่าของΦตั้งแต่ −1 ถึง 4 ด้วยส่วนระหว่างประเภทย่อยที่จำนวนเต็มนั้น


ปิดค่าทรายภูเขาไฟสีดำจากฟิต ใน กรีซซานโตรินี
นส่วน (ซิลิคอนไดออกไซด์ หรือ SiO2), มักจะอยู่ในรูปแบบของควอตซ์ ซึ่ง inertness เคมีและความแข็งมาก มันเป็นแร่ทั่วไปทนต่อสภาพอากาศเป็นวิภาคทั่วหาดทราย คอนติเนนทัลในประเทศและไม่ใช่เขตร้อนชายฝั่งการตั้งค่า
ส่วนประกอบของแร่ทรายจะผันแปรสูง แหล่งหินในท้องถิ่นและเงื่อนไข ทรายขาวสดใสที่พบในการตั้งค่าฝั่ง ร้อนได้กัดเซาะหินปูน และอาจประกอบด้วยปะการัง และเปลือกกระจายตัวนอกอื่น ๆ อินทรีย์ หรือ organically มา fragmental วัสดุ แนะนำทรายก่อขึ้นอยู่กับชีวิต เกินไป[2] ยิปซัมทรายเที่ยวของไวท์แซนด์แห่งชาติอนุสาวรีย์ในนิวเม็กซิโกมีชื่อเสียงสำหรับการสีสดใส สีขาว Arkose เป็นทรายหรือหินทรายพร้อมเนื้อหา เฟลด์สปาร์มากได้มาจากสภาพอากาศและการกัดเซาะของก้อนหิน granitic (มักจะใกล้เคียง) หินโผล่ บางทรายประกอบด้วย magnetite, chlorite, glauconite หรือยิปซัม อุดม magnetite แซนด์จะเข้มเป็นสีดำในสี เป็นแซนด์มาจากภูเขาไฟ basalts และ obsidian แซนด์เรือง chlorite glauconite เป็นสีเขียวปกติสี เป็นทรายมา basaltic (ลาวา) กับเนื้อหาโอลิวีนสูงขึ้น แซนด์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พบอย่างกว้างขวางในยุโรปใต้ เตารีดสิ่งสกปรกภายในผลึกควอตซ์ทราย สีเหลืองลึกให้ได้ ทรายเงินฝากในบางพื้นที่ประกอบด้วยโกเมนและแร่อื่น ๆ ทน รวมถึงอัญมณีบางขนาดเล็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

องค์ประกอบ [ แก้ไข ]


หนัก MINERALS ( มืด ) ในชายหาดทรายควอทซ์ ( Chennai , อินเดีย )


ทรายจากปะการังสีชมพูเนินทรายอุทยานแห่งชาติ ยูทาห์ เหล่านี้เป็นเม็ดควอตซ์ที่มีแร่เหล็กเคลือบให้ สีส้ม


ทรายจากปริสโมบีช , แคลิฟอร์เนีย ส่วนประกอบหลักของควอตซ์ หินเชิร์ต หินหินอัคนี และเศษเปลือก .
ในแง่ของขนาดอนุภาคที่ใช้โดยนักธรณีวิทยา ,อนุภาคทรายในช่วงเส้นผ่าศูนย์กลางจากผลมม. ( หรือ 1 ⁄ 16 มม. ) ถึง 2 มิลลิเมตร เป็นอนุภาคแต่ละตัวในช่วงนี้ ขนาดเป็น termed เป็นทรายเม็ด เม็ดทรายอยู่ระหว่างกรวด ( ที่มีอนุภาคตั้งแต่ 1 มม. ถึง 64 มม. ) และตะกอน ( อนุภาคขนาดเล็กกว่าผลมม. ลงไป 0.004 มิลลิเมตร ) ขนาดสเปคระหว่างทรายและกรวดได้คงที่กว่าศตวรรษแต่อนุภาคขนาดเล็กเป็น 0.02 มิลลิเมตร ถือว่าเป็นทรายใต้ Albert แอตเทอร์เบิร์กมาตรฐานใช้ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็น 1953 วิศวกรรมมาตรฐานเผยแพร่โดยอเมริกันสมาคมขนส่งทางหลวงและเจ้าหน้าที่รัฐตั้งทรายขนาดต่ำสุดที่ 0.074 มิลลิเมตร 2481 เป็นสเปคของสหรัฐอเมริกากรมวิชาการเกษตรคือ 0.05 มิลลิเมตร[ 1 ] ทรายรู้สึกกล้าหาญเมื่อถูระหว่างนิ้ว ( ตะกอน โดยเปรียบเทียบเหมือนแป้ง ) .
ISO 14688 ทรายเป็นเกรดดี ปานกลางและหยาบ กับช่วงที่ 0.063 มิลลิเมตร 0.2 มม. ถึง 0.63 มม. 2.0 มิลลิเมตร ในสหรัฐอเมริกา , ทราย โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นห้าประเภทย่อยตามขนาดทรายละเอียดมาก ( 1 ⁄ 16 – 1 ⁄ 8 มม. เส้นผ่าศูนย์กลาง ) ทราย ( 1 ⁄ 8 มม. ( 1 ⁄ 4 มม. ) , ทรายกลาง ( 1 ⁄ 4 มม. ( 1 ⁄ 2 มม. )ทรายหยาบ ( 1 ⁄ 2 มม. และ 1 มม. ) และทรายหยาบมาก ( 1 มิลลิเมตร ( 2 มม. ) ขนาดเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับ krumbein พีพีขนาด ซึ่งขนาดในΦ = - log2d ; D เป็นอนุภาคขนาดมม. ในระดับนี้ สำหรับทรายค่าΦแตกต่างกันจาก− 1 , กับหน่วยงานระหว่างประเภทย่อยที่ตัวเลขทั้งหมด


ปิดขึ้นภูเขาไฟสีดำทรายจากเพริสซา ใน ซานโตรินี ประเทศกรีซ
องค์ประกอบที่พบมากที่สุดของทราย ในการตั้งค่าและการตั้งค่าเขตร้อนชายฝั่งทะเลแบบไม่จืด มีซิลิกา ( SiO2 ซิลิคอนไดออกไซด์หรือ ) , มักจะอยู่ในรูปของผลึก ซึ่งเพราะมี inertness เคมีและความแข็งมาก เป็นแร่ที่พบมากที่สุดที่ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ
ส่วนประกอบของแร่ทรายเป็นตัวแปรมาก ขึ้นอยู่กับท้องถิ่นแหล่งหินและเงื่อนไขที่สดใสหาดทรายสีขาวที่พบในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนตั้งค่าชายฝั่งกัดเซาะหินปูนและอาจประกอบด้วยปะการังและเปลือกหอย เศษนอกเหนือจากอื่น ๆอินทรีย์หรืออินทรีย์ได้ fragmental วัสดุ แนะนำการสร้างทรายขึ้นอยู่กับสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน . [ 2 ] ยิปซัมทรายของหาดทรายขาว อนุสาวรีย์แห่งชาติในเม็กซิโกที่มีสีขาวของพวกเขา จ้าเป็นทรายหรือหินทรายอาร์โคส มีเนื้อหาเฟลด์สปาร์มากได้มาจากสภาพอากาศ และการพังทลายของหินแกรนิตที่โผล่ขึ้นมา ( ปกติใกล้เคียง ) . บางทรายประกอบด้วยแม่เหล็ก , คลอกลอโคไนต์ , หรือยิปซัม ทรายที่อุดมไปด้วยแมกนีไทต์มีสีเข้ม ดำ สี เป็นทรายที่มาจากภูเขาไฟหินบะซอลต์ และซิเดียน คลอกลอโคไนต์แบกทรายเป็นสีเขียว โดยทั่วไปสีเป็นทรายมาจากหินบะซอลต์ ( ลาวา ) กับเนื้อหาโอลิวีนสูง ทราย หลายคนโดยเฉพาะผู้ที่พบอย่างกว้างขวางในภาคใต้ของยุโรป มีสิ่งสกปรกเหล็กภายในผลึกของควอตซ์ทรายให้ลึก สีเหลือง ทรายฝากในบางพื้นที่ประกอบด้วยโกเมนและแร่ธาตุป้องกันอื่น ๆรวมทั้งอัญมณีเล็ก ๆบาง