MRI stands for “magnetic resonance

MRI stands for “magnetic resonance imaging” and is a technique used to take images of the human body using a strong magnet and radio waves. Although it can be used to take images of any part of the body, it is commonly used to image soft tissue organs, such as the brain, lungs, or liver.MRI works by sending radio signals to a location of interest (e.g., brain) and receiving radio waves emitted back from that location within a large magnet. The properties of the received radio wave signals are different depending on the type of tissues being scanned.These signals are later transformed into a single grayscale image by a computer, in which different features of the organ (e.g., gray matter and white matter in the brain) can be identified.Learn moreWhen placed in the presence of the strong magnetic field found in an MRI machine, the spin (or magnetic moment) of hydrogen atoms align themselves in the direction of the magnetic field. In short, they “line up.” To create brain images using MRI, short bursts of radio waves “flip” the hydrogen atoms over, knocking them out of alignment with the magnetic field.Gradually, the hydrogen atoms line up again with the magnetic field, and as they do, they act as a small radio transmitter. Their signal is then picked up by the MRI machine.Different tissues in the body take different amounts of time to realign. Dense tissue, for example, takes longer to realign than soft tissue.To create a 3-D image as is commonly required for MRI studies of the brain, magnetic gradients of different strengths and different directions are applied on top of the main magnetic field and are turned on and off during the scan.Thus, an MRI image is the result of a complicated interplay between radio frequency pulses and intermittently activated gradient fields, all of which are under computer control. Later, a mathematical technique called "Fourier transform" is used to translate the values obtained by the MRI machine into grayscale images.MRI has a wide range of applications in medical diagnosis and over 25,000 scanners are estimated to be in use worldwide.[1] MRI has an impact on diagnosis and treatment in many specialties although the effect on improved health outcomes is uncertain.[2] Since MRI does not use any ionizing radiation, its use is generally favored in preference to CT when either modality could yield the same information.[3] (In certain cases, MRI is not preferred as it can be more expensive, time-consuming, and claustrophobia-exacerbating).
Medical uses
MRI is in general a safe technique but the number of incidents causing patient harm has risen.[4] Contraindications to MRI include most cochlear implants and cardiac pacemakers, shrapnel and metallic foreign bodies in the eyes. The safety of MRI during the first trimester of pregnancy is uncertain, but it may be preferable to other options.[5] The sustained increase in demand for MRI within the healthcare industry has led to concerns about cost effectiveness and overdiagnosis

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

MRI ถึง "ภาพการสั่นพ้องแม่เหล็ก" และเป็นเทคนิคที่ใช้ในการนำภาพของร่างกายมนุษย์โดยใช้แรงแม่เหล็กและคลื่นวิทยุ แม้ว่าจะสามารถใช้นำภาพส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย มันมักจะใช้กับอวัยวะเนื้อเยื่ออ่อนรูป เช่นสมอง ปอด ตับ MRI ทำงาน โดยการส่งสัญญาณวิทยุไปยังตำแหน่งที่น่าสนใจ (เช่น สมอง) และรับคลื่นวิทยุที่ปล่อยออกจากตำแหน่งที่ตั้งภายในแม่เหล็กขนาดใหญ่ คุณสมบัติของสัญญาณคลื่นวิทยุได้รับแตกต่างกันตามชนิดของเนื้อเยื่อที่ถูกสแกนได้ สัญญาณเหล่านี้ในภายหลังจะเปลี่ยนเป็นรูปสีเทาเดียวคอมพิวเตอร์ สามารถระบุคุณลักษณะต่าง ๆ ของอวัยวะ (เช่น เรื่องสีเทาและขาวเรื่องในสมอง) เรียนรู้ moreWhen วางในต่อหน้าของสนามแม่เหล็กแรงที่พบในเครื่อง MRI การ หมุน (หรือช่วงเวลาที่แม่เหล็ก) ของไฮโดรเจนอะตอมจัดตัวเองในทิศทางของสนามแม่เหล็ก ในระยะสั้น พวกเขา "แถวนั้น" สร้างสมองรูปภาพ MRI, bursts สั้นของคลื่นวิทยุ "พลิก" อะตอมไฮโดรเจนมากกว่า เคาะพวกเขาออกจากตำแหน่งด้วยสนามแม่เหล็ก ค่อย ๆ อะตอมไฮโดรเจนเรียงอีกครั้ง กับสนามแม่เหล็ก และพวกเขาทำ พวกเขาทำหน้าที่เป็นสัญญาณวิทยุขนาดเล็ก แล้วได้รับค่าสัญญาณของพวกเขา ด้วยเครื่อง MRI เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายมีจำนวนแตกต่างของเวลาในการจัด เนื้อเยื่อที่หนาแน่น เช่น ใช้เวลาจัดกว่าเนื้อเยื่ออ่อน การสร้างภาพ 3 มิติเป็นประจำจำเป็นศึกษา MRI ของสมอง ไล่ระดับสีที่แม่เหล็กของจุดแข็งที่แตกต่างกันและทิศใช้บนสนามแม่เหล็กหลัก และเปิด และปิดในระหว่างการสแกน ดังนั้น ภาพ MRI เป็นผลของล้อที่ซับซ้อนระหว่างคลื่นความถี่วิทยุกะพริบ และไล่ระดับเขต ทั้งหมดภายใต้การควบคุมของคอมพิวเตอร์ที่เรียกใช้เป็นระยะ ๆ ต่อ เทคนิคทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า "แปลงฟูรีเย" ใช้เพื่อแปลค่าที่รับ โดยเครื่อง MRI เป็นภาพสีเทา MRI มีความหลากหลายของโปรแกรมประยุกต์ในการวินิจฉัยแพทย์ และสแกนเนอร์ 25000 ไว้จะถูกใช้ทั่วโลก [1] MRI มีผลในการตรวจวินิจฉัยและรักษาในอาหารมากแม้ผลสุขภาพดีผลที่ได้ไม่แน่นอน [2] เนื่องจาก MRI ใช้รังสีใด ๆ ionizing ใช้ได้โดยทั่วไปปลอด in preference to CT เมื่อ modality ทั้งได้ผลตอบแทนกัน [3] (ในบางกรณี MRI ไม่ได้ต้องการให้มีราคาแพง เวลา และ claustrophobia ดี)ใช้ทางการแพทย์MRI เป็นเทคนิคที่ปลอดภัยโดยทั่วไป แต่หมายเลขของเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดอันตรายที่ผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น [4] ข้อห้ามใช้การ MRI รวมสุด cochlear implants และ pacemakers หัวใจ กระสุน และโลหะร่างกายในสายตา ความปลอดภัยของ MRI ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ไม่แน่นอน แต่มันอาจจะดีกว่าตัวเลือกอื่น ๆ [5] การเพิ่มขึ้นของ sustained ความต้อง MRI ภายในอุตสาหกรรมการแพทย์ได้นำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนประสิทธิผลและ overdiagnosis

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

MRI ย่อมาจาก "การถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก" และเป็นเทคนิคที่ใช้ในการถ่ายภาพของร่างกายมนุษย์โดยใช้แม่เหล็กที่แข็งแกร่งและคลื่นวิทยุ แม้ว่าจะสามารถใช้ในการใช้ภาพของส่วนหนึ่งของร่างกายใด ๆ ก็เป็นที่นิยมใช้กับภาพอวัยวะเนื้อเยื่ออ่อนเช่นสมองปอดหรือ liver.MRI ทำงานโดยการส่งสัญญาณวิทยุไปยังสถานที่ที่น่าสนใจ (เช่นสมอง ) และรับคลื่นวิทยุที่ปล่อยออกมากลับมาจากสถานที่นั้นภายในแม่เหล็กขนาดใหญ่ คุณสมบัติของสัญญาณคลื่นวิทยุที่ได้รับจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อเยื่อเป็นสัญญาณ scanned.These ภายหลังกลายเป็นสีเทาภาพเดียวโดยคอมพิวเตอร์ซึ่งคุณสมบัติที่แตกต่างของอวัยวะ (เช่นเรื่องสีเทาและสารสีขาวใน สมอง) สามารถ identified.Learn moreWhen วางไว้ในที่ที่มีสนามแม่เหล็กที่แข็งแกร่งที่พบในเครื่อง MRI, สปิน (หรือช่วงเวลาที่แม่เหล็ก) ของอะตอมไฮโดรเจนปรับตัวในทิศทางของสนามแม่เหล็ก ในระยะสั้นจะ "เริ่มขึ้น." เพื่อสร้างภาพโดยใช้สมอง MRI, ระเบิดสั้นของคลื่นวิทยุ "พลิก" อะตอมไฮโดรเจนไปเคาะพวกเขาออกจากการจัดตำแหน่งกับแม่เหล็ก field.Gradually, อะตอมไฮโดรเจนแถวอีกครั้งกับแม่เหล็ก สนามและในขณะที่พวกเขาพวกเขาทำหน้าที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณวิทยุขนาดเล็ก สัญญาณของพวกเขาจะเลือกแล้วขึ้นโดยเนื้อเยื่อ MRI machine.Different ในร่างกายใช้จำนวนแตกต่างของเวลาที่จะปรับเปลี่ยน เนื้อเยื่อที่หนาแน่นตัวอย่างเช่นใช้เวลานานกว่าที่จะปรับเปลี่ยนนุ่ม tissue.To สร้างภาพ 3 มิติเป็นที่จำเป็นสำหรับการศึกษาทั่วไป MRI ของสมองไล่ระดับแม่เหล็กของจุดแข็งที่แตกต่างกันและทิศทางที่แตกต่างถูกนำมาใช้ที่ด้านบนของสนามแม่เหล็กหลักและ มีการเปิดและปิดในช่วง scan.Thus, ภาพ MRI เป็นผลมาจากการมีปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างพัลส์คลื่นความถี่วิทยุและเปิดใช้งานเป็นระยะ ๆ ทุ่งลาดซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ ต่อมาเป็นเทคนิคทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า "ฟูเรียร์" ถูกนำมาใช้ในการแปลค่าที่ได้จากเครื่อง MRI เข้ามาในโทนสีเทา images.MRI มีความหลากหลายของการใช้งานในการวินิจฉัยทางการแพทย์และกว่า 25,000 สแกนเนอร์คาดว่าจะมีการใช้งานทั่วโลก. [1] MRI มีผลกระทบต่อการวินิจฉัยและการรักษาในพิเศษจำนวนมากแม้ว่าผลต่อผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ดีขึ้นมีความไม่แน่นอน. [2] ตั้งแต่ MRI ไม่ใช้รังสีใด ๆ การใช้งานเป็นที่ชื่นชอบโดยทั่วไปในการตั้งค่า CT เมื่อทั้งกิริยาได้ผลข้อมูลเดียวกัน . [3] (ในบางกรณี MRI ไม่ได้ต้องการที่จะสามารถจะมีราคาแพงมากขึ้นใช้เวลานานและทึบ-รุนแรง).
การแพทย์ใช้
MRI คือโดยทั่วไปเทคนิคที่ปลอดภัย แต่จำนวนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดอันตรายของผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น [4] ข้อห้ามที่จะ MRI รวมถึงประสาทหูเทียมมากที่สุดและเครื่องกระตุ้นหัวใจหัวใจกระสุนและหน่วยงานต่างประเทศโลหะในสายตา ความปลอดภัยของ MRI ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์มีความไม่แน่นอน แต่มันอาจจะดีกว่าที่จะเลือกอื่น ๆ . [5] ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในความต้องการสำหรับ MRI ในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพได้นำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพและ overdiagnosis

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

MRI คือ “การสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก " และเป็นเทคนิคที่ใช้ในการถ่ายภาพของร่างกายมนุษย์โดยใช้แม่เหล็กที่แข็งแกร่ง และคลื่นวิทยุ ถึงแม้ว่ามันสามารถใช้ถ่ายภาพในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย นิยมใช้ภาพอวัยวะเนื้อเยื่ออ่อน เช่น สมอง ปอด หรือ liver.mri ทำงานโดยส่งสัญญาณวิทยุไปยังสถานที่ที่น่าสนใจ ( เช่น สมอง ) และรับคลื่นวิทยุที่ปล่อยออกมาจากสถานที่ที่ภายในแม่เหล็กขนาดใหญ่ คุณสมบัติของคลื่นสัญญาณวิทยุที่ได้รับจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของอวัยวะที่ถูกสแกน สัญญาณเหล่านี้ต่อมากลายเป็นภาพระดับสีเทาเดียวโดยคอมพิวเตอร์ ซึ่งคุณลักษณะที่แตกต่างกันของอวัยวะ ( เช่นเรื่องสีเทาและสีขาวในสมอง ) สามารถระบุได้ เรียนรู้ morewhen วางไว้ต่อหน้าสนามแม่เหล็กที่แข็งแกร่งที่พบในเครื่อง MRI , หมุน ( หรือโมเมนต์แม่เหล็กของอะตอมไฮโดรเจนจัดตัวเองไปในทิศทางของสนามแม่เหล็ก ในสั้นพวกเขา " เข้าแถว " ในการสร้างรูปโดยใช้สมอง MRI ระเบิดสั้นของคลื่นวิทยุ " พลิก " ไฮโดรเจนอะตอมมาเคาะพวกเขาออกจัดกับสนามแม่เหล็ก ค่อย ๆ อะตอมไฮโดรเจนขึ้นมาอีกครั้งกับสนามแม่เหล็ก และตามที่พวกเขาทำ พวกเขาทำหน้าที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณวิทยุขนาดเล็ก . สัญญาณของพวกเขาจะเลือกขึ้นโดยเครื่อง MRI เครื่อง เนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ใช้ยอดเงินที่แตกต่างกันของเวลาที่จะปรับ . ทิชชู่ หนาแน่น ตัวอย่างเช่น ใช้เวลานานในการปรับมากกว่าเนื้อเยื่ออ่อน เพื่อสร้างเป็นภาพสามมิติที่เป็นที่นิยมใช้สำหรับการศึกษาสมอง MRI แม่เหล็ก การไล่สีของจุดแข็งและทิศทางที่แตกต่างกันที่แตกต่างกันจะใช้ด้านบนของสนามแม่เหล็กหลักและเปิดและปิดในการสแกน จึงเป็นภาพ MRI คือ ผลของ interplay ที่ซับซ้อนระหว่างพัลส์ความถี่วิทยุ และเป็นช่วงเปิดไล่ระดับเขต ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของคอมพิวเตอร์ ต่อมา เทคนิคทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า " การแปลงฟูรีเย " ใช้แปลได้ด้วยเครื่อง MRI เครื่องเป็นสีเทา images.mri มีช่วงกว้างของการประยุกต์ใช้ในการวินิจฉัยทางการแพทย์และกว่า 25 , 000 เครื่องสแกนประเมินสามารถใช้ทั่วโลก [ 1 ] MRI มีผลกระทบในการวินิจฉัย และ รักษา อาหาร แม้ว่าผลในการปรับปรุงหลาย ผลลัพธ์ด้านสุขภาพคือความไม่แน่นอน [ 2 ] เนื่องจาก MRI ไม่ได้ใช้รังสี การใช้โดยทั่วไปที่ชื่นชอบในการตั้งค่า CT เมื่อทั้งกิริยา ต่อข้อมูลเดียวกัน . [ 3 ] ( ในกรณีบาง MRI มีไม่ใช้ มันสามารถจะมีราคาแพงมากขึ้นและใช้เวลานาน , claustrophobia ความโกรธ )ใช้ในทางการแพทย์MRI โดยทั่วไปเทคนิคที่ปลอดภัย แต่จำนวนของเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น . [ 4 ] ข้อห้ามการ MRI รวมถึงที่สุด cochlear implants และหัวใจไปซะกระสุนโลหะ และต่างประเทศ , ศพในดวงตา ความปลอดภัยของ MRI ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ คือไม่แน่ใจ แต่มันอาจจะดีกว่าเพื่อตัวเลือกอื่น ๆ . [ 5 ] ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของความต้องการสำหรับ MRI ในอุตสาหกรรมการแพทย์ได้นำความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนประสิทธิผลและ overdiagnosis