The ash content of the jams ranged

The ash content of the jams ranged from 0.12 g/100 g to
0.25 g/100 g which is comparable to that of pineapple, jackfruit
and mango jams (0.15–0.49 g/100 g) (Eke-Ejiofor and
Owuno, 2013; Kansci et al., 2003). Apricot jam had the highest
ash content while the blueberry jam had the lowest and the differences
were found to be statistically significant. The findings
were comparable to the ash content of apricot jam (0.2 g/
100 g) (FSANZ, 2010; Sartaj et al., 2011). Generally, low ash
content indicates that all of the jams analyzed are not a rich
source of minerals.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เนื้อหาของเถ้าติดขัดตั้งแต่ 0.12 กรัม / 100 กรัม
0.25 กรัม / 100 กรัมซึ่งเทียบได้กับที่ของสับปะรดขนุน
และมะม่วงแยม (0.15-0.49 กรัม / 100 กรัม) (Eke-Ejiofor และ
Owuno, 2013; Kansci et al., 2003) แยม apricot มีสูงสุด
ปริมาณเถ้าขณะที่แยมบลูเบอร์รี่มีต่ำสุดและความแตกต่าง
พบว่ามีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการวิจัย
มีความใกล้เคียงกับปริมาณเถ้าของแยม apricot (0.2 กรัม /
100 กรัม) (FSANZ 2010. Sartaj et al, 2011) โดยทั่วไปเถ้าต่ำ
เนื้อหาแสดงให้เห็นว่าทุกติดขัดวิเคราะห์ไม่ได้เป็นที่อุดมไปด้วย
แหล่งที่มาของแร่ธาตุ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เถ้าเนื้อหาของแยมอยู่ระหว่าง 0.12 กรัม / 100 กรัม0.25 กรัม / 100 กรัม ซึ่งเมื่อเทียบกับ สับปะรด ขนุนและแยมมะม่วง ( 0.15 ) 0.49 กรัม / 100 กรัม ) ( ซีค ejiofor และowuno 2013 ; kansci et al . , 2003 ) แยม apricot มีสูงสุดเถ้าขณะที่บลูเบอร์รี่แยมได้ต่ำสุด และความแตกต่างพบว่ามีนัยสำคัญทางสถิติ ข้อมูลโดยเปรียบเทียบกับปริมาณเถ้าของแยม apricot ( 0.2 กรัมต่อลิตร100 กรัม ) ( สำนักงาน , 2010 ; ซาร์ตัช et al . , 2011 ) โดยทั่วไป , เถ้าต่ำเนื้อหาระบุว่าทั้งหมดของแยมที่ได้มาจะไม่รวยแหล่งที่มาของแร่