To better understand hotspots, we c

To better understand hotspots, we can turn to Routine Activity Theory (Cohen & Felson, 1979) which explains how offenders, targets and locations converge to create opportunities for crime. For example, Clarke and Eck's (2003) crime triangle explains that crime occurs when a motivated offender and suitable target converge in an opportune place in the absence of effective guardianship. Crime Pattern Theory explains that crimes do not occur randomly across geographical and temporal contexts, but that pattern of convergence can be seen in the existence of 'hotspots' (Brantingham & Brantingham, 2008).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพื่อเข้าใจฮอตสปอ เราสามารถเปลี่ยนการประจำกิจกรรมทฤษฎี (โคเฮนและ Felson, 1979) อธิบายว่าผู้กระทำผิด เป้าหมาย และสถานจึงทำให้สร้างโอกาสสำหรับอาชญากรรม ตัวอย่าง คลาร์กและ Eck ของสามเหลี่ยมอาชญากรรม (2003) อธิบายว่า อาชญากรรมเกิดขึ้นเมื่อผู้ที่แรงจูงใจและเป้าหมายที่เหมาะสมมาบรรจบกันในสถานที่เหมาะสมของประสิทธิภาพ guardianship อาชญากรรมรูปแบบทฤษฎีอธิบายว่า อาชญากรรมเกิดขึ้นแบบสุ่มในบริบททางภูมิศาสตร์ และขมับ แต่สามารถเห็นได้ว่ารูปแบบของการเข้าหาในการดำรงอยู่ของ 'ฮอตสปอ' (Brantingham & Brantingham, 2008)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่อทำความเข้าใจจุดที่เราสามารถเปิดให้ทฤษฎีกิจกรรมประจำ (โคเฮนและ Felson, 1979) ซึ่งอธิบายถึงวิธีการกระทำผิดเป้าหมายและสถานที่มาบรรจบกันเพื่อสร้างโอกาสในการก่ออาชญากรรม ตัวอย่างเช่นคลาร์กและเอคของ (2003) สามเหลี่ยมอาชญากรรมอธิบายว่าอาชญากรรมที่เกิดขึ้นเมื่อผู้กระทำผิดมีแรงจูงใจและเป้าหมายที่เหมาะสมมาบรรจบกันในสถานที่ที่เหมาะสมในกรณีที่ไม่มีผู้ปกครองที่มีประสิทธิภาพ ทฤษฎีอาชญากรรมแบบอธิบายว่าการก่ออาชญากรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่มข้ามบริบททางภูมิศาสตร์และชั่วขณะ แต่รูปแบบของการบรรจบกันที่สามารถมองเห็นได้ในการดำรงอยู่ของ 'ฮอตสปอต (Brantingham และ Brantingham 2008)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพื่อให้เข้าใจจุดที่เราสามารถเปิดทฤษฎีกิจกรรมตามปกติ ( โคเฮน&เฟลสัน , 1979 ) ซึ่งอธิบายว่า ผู้กระทำความผิด เป้าหมายและสถานที่บรรจบกันเพื่อสร้างโอกาสในการเกิดอาชญากรรม ตัวอย่างเช่น คลาร์กและเอ็ก ( 2003 ) สามเหลี่ยมอาชญากรรมอธิบายว่า อาชญากรรมเกิดขึ้นเมื่อมีผู้กระทำความผิดและเป้าหมายที่เหมาะสมกันในสถานที่ที่เหมาะสมในการขาดประสิทธิภาพของความคุ้มครองอาชญากรรมรูปแบบทฤษฎีอธิบายว่าคดีไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่มในบริบททางภูมิศาสตร์และเวลา แต่รูปแบบการบรรจบกันของที่สามารถเห็นได้ในการดำรงอยู่ของ ' จุด ' ( brantingham & brantingham , 2008 )