Primary schoolchildren in Grade 3 a

Primary schoolchildren in Grade 3 and 4 in the selected
schools were recruited at the start of the study. Only
children who lived in the same district as their schools for
a continuous period not less than 12 months were included
in the final analysis. The baseline study was carried out
from September to November 2006, and follow-up was done
6 months later, from April to June 2007. Informed consent
was obtained from the parents prior to the survey. This
study has been approved by the Medical Research Ethics
Committee of Sun Yat-sen University

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Schoolchildren หลักในเกรด 3 และ 4 ในการเลือกโรงเรียนได้พิจารณาที่จุดเริ่มต้นของการศึกษา เท่านั้นเด็กที่อาศัยอยู่ในเขตเดียวกันเป็นโรงเรียนสำหรับระยะเวลาต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 12 เดือนได้รวมในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย การศึกษาพื้นฐานได้ดำเนินจากเดือนกันยายนถึง 2006 พฤศจิกายน และติดตามผลทำ6 เดือน หลังจากเดือนเมษายนถึง 2550 มิถุนายน แจ้งความยินยอมได้รับจากผู้ปกครองก่อนการสำรวจ นี้การศึกษาได้รับอนุมัติ โดยจรรยาบรรณการวิจัยทางการแพทย์คณะกรรมการของมหาวิทยาลัยซุนยัดเซ็นซัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นักเรียนประถมศึกษาในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4 ในการคัดเลือก
โรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา เฉพาะ
เด็กที่อาศัยอยู่ในย่านเดียวกับโรงเรียนของพวกเขาสำหรับ
ระยะเวลาที่ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 12 เดือนถูกรวมอยู่
ในการวิเคราะห์สุดท้าย การศึกษาพื้นฐานได้ดำเนินการ
ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน 2006 และติดตามได้ทำ
6 เดือนต่อมาตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน 2007 ยินยอม
ที่ได้รับจากพ่อแม่ก่อนที่จะมีการสำรวจ นี้
การศึกษาได้รับการอนุมัติโดยจริยธรรมการวิจัยทางการแพทย์
คณะกรรมการของซุนยัตเซ็นมหาวิทยาลัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เด็กนักเรียนระดับประถมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4 ในโรงเรียนคัดเลือกคัดสรร
ที่เริ่มต้นของการศึกษา เท่านั้น
เด็กที่อาศัยอยู่ในย่านเดียวกัน เป็นโรงเรียนสำหรับ
เป็นระยะเวลาต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 12 เดือน รวม
ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย เริ่มต้นศึกษา
ตั้งแต่เดือนกันยายน ถึง เดือนพฤศจิกายน 2549 และติดตามเสร็จ
6 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน - มิถุนายน 2550ความยินยอม
ได้มาจากผู้ปกครองก่อนที่จะสำรวจ การศึกษา
ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมวิจัยทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยเซนยัด
ซัน