Just as the turmoil of the Later Mi

Just as the turmoil of the Later Middle Ages had cleared the way for sweeping economic, cultural, and technological changes in Western Europe, it likewise produced significant political changes that led to the emergence of a new type of state in Western Europe: the nation state. It did this along five lines of development, four of them corresponding to various nation-states in Europe and the other having to do with the overall decline of the Church and nobles which helped lead to the revival of towns and middle class allied to the kings.

The later 1400's saw kings in Western Europe picking up the pieces left by the turmoil of the last century in order to build stronger states. However, this process of unification, or in some cases reunification, involved more violence and warfare. In England, the aftermath of the Hundred Years War saw a period of civil strife known as the Wars of the Roses (1455-85) over control of the throne. In the end, Henry Tudor, who became Henry VII, triumphed and restored order with such new government institutions as the Star Chamber.

France, badly hurt by the Hundred Years War, gradually reunified as the Valois kings regained control of Picardy (1477), Anjou (1481), and Brittany (1491). The greatest challenge to the French kings came from the powerful and aggressive Charles the Bold of Burgundy. Charles controlled both Burgundy and the Low Countries (Flanders and the Netherlands) and threatened to become a major power in his own right until he met disaster at the hands of the Swiss pikemen at the Battle of Nancy (1477). With this potent threat removed and Burgundy also back under French control, a strong unified French state was emerging by 1500 after some 150 years of conflict.

A unified Spain also was born by 1500. The key event here was the marriage in 1469 of Isabella of Castile to Ferdinand of Aragon, which united most of Spain under their joint rule. (However, the two states continued to function largely as separate administrative entities for generations to come.) The final piece of the puzzle was put into place when the last of the Spanish Muslim states, Granada, was conquered in 1492. Among other things, this freed the new Spanish state to fund the voyage of a Genoese captain named Christopher Columbus who was looking for new routes to the spices of the East.

Even Germany, fragmented after centuries of feudal strife and the emperors' struggle with the Papacy, saw its fortunes seem to revive with the rise of the Hapsburg Dynasty that controlled the imperial throne at this time. This family, through a number of astute marriage alliances, would come to control Austria, the Low Countries, Hungary, and Spain along with its Italian possessions and American colonies. In fact, as impressive as this empire looked, it worked to Germany's disadvantage since it would trigger a number of wars to crush the Hapsburg "superpower"-- wars that would use Germany as a battleground and ruin it. Therefore, by 1500, nation states were evolving, having their own strengths and problems.

Strengths of the new nation-states consisted of four main pillars of support: money, which in turn enabled kings to pay for professional bureaucracies and mercenary armies, and control of the Church. This mixture of medieval and modern elements underscores the transition of Europe from the medieval to modern era.

Finances

The old medieval sources of revenue, such as feudal dues and income from royal lands and monopolies, were totally inadequate for the greater burdens, which the new types of government and army placed on Renaissance kings. Borrowing money against future tax revenues was a dead end that just got kings into deeper trouble, although that was commonly the practice. However, more regular taxes had to be collected. In France, the "extraordinary" taxes the townsmen had granted the crown to drive out the English in the Hundred Years War were collected annually and became a permanent tax, the taille. In Spain, the crown increased sales taxes to boost revenues. In England, the king was unable to get a high permanent tax granted to him by Parliament. He did increase his control over revenues for such things as customs on wool and cloth. Luckily, England was an island and in less need of a large expensive army and bureaucracy than states on the continent. Overall, Renaissance kings by 1500 were still faced with serious financial shortcomings. However, no one else in their realms possessed the resources to effectively challenge them. Along with their bureaucracies and armies, their finances presented a picture of the European state in transition from the medieval to the modern era.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพียงแค่เป็นความวุ่นวายของในภายหลังยุคกลางมีล้างทางสำหรับกวาดทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และหากต้องการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในยุโรปตะวันตก มันทำนองเดียวกันผลิตเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญที่นำไปสู่การเกิดชนิดใหม่ของรัฐในยุโรปตะวันตก: รัฐประเทศนั้น มันไม่ได้นี้ไปพัฒนา สี่ห้าบรรทัดที่สอดคล้องกับ nation-states ต่าง ๆ ในยุโรปและอื่น ๆ ไป ด้วยโดยรวมลดลงของคริสตจักรและขุนนางที่ช่วยนำไปสู่การฟื้นฟูเมืองและชั้นกลาง พันธมิตรกับกษัตริย์1400's หลังเห็นกษัตริย์ในยุโรปตะวันตกที่หูซ้ายชิ้นด้วยความวุ่นวายของศตวรรษที่ผ่านมาเพื่อสร้างรัฐที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ของ หรือ ในบางกรณี พัก เกี่ยวข้องมากขึ้นความรุนแรงและสงคราม ในอังกฤษ ผลพวงของสงครามร้อยปีเห็นระยะของมิดแพ่งที่เรียกว่าสงครามดอกกุหลาบ (1455 นั่นเอง-85) เหนือการควบคุมของราชบัลลังก์ ในสุด เฮนรีทิวดอร์ ที่กลายเป็น Henry VII, triumphed และคืนค่าสั่งกับสถาบันเช่นรัฐบาลใหม่เป็นหอการค้าดาวฝรั่งเศส ไม่เจ็บจากสงครามปีร้อย ค่อย ๆ reunified ที่วาลัวคิงส์จากควบคุม Picardy (1477), งชู (ค.ศ. 1481), และตตานี (1491) กษัตริย์ฝรั่งเศสท้าทายมากที่สุดมาจากชาร์ลส์ก้าวร้าว และมีประสิทธิภาพหนาของเบอร์กันดี ชาร์ลส์ควบคุมเบอร์กันดีและประเทศต่ำ (จังหวัดฟลานเดอร์และเนเธอร์แลนด์) และจะเป็น กำลังสำคัญในขวาของเขาเองจนกระทั่งเขาได้พบภัยพิบัติแต่ pikemen สวิสเซอร์แลนด์ที่การต่อสู้ของ Nancy (1477) นี้คุกคามมีศักยภาพออกและกลับไปยังเบอร์กันดีภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศส รัฐฝรั่งเศสรวมที่แข็งแรงเกิดขึ้น โดย 1500 หลังบาง 150 ปีของความขัดแย้งประเทศสเปนรวมยังเกิด โดย 1500 เหตุการณ์ที่สำคัญที่นี่ได้แต่งงานในค.ศ. 1469 ของอิซาเบลลาแห่งคาสตีลกับเฟอร์ดินานด์อารากอน ที่สหรัฐมากที่สุดของสเปนภายใต้การปกครองร่วมกัน (อย่างไรก็ตาม อเมริกาสองต่อทำงานส่วนใหญ่เป็นเอนทิตีจัดการแยกต่างหากสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ มา) ชิ้นสุดท้ายของปริศนาถูกเก็บไว้ในสถานที่เมื่อสุดท้ายรัฐมุสลิมในสเปน กรานาดา ถูกแปลกใน 1492 ต่าง ๆ นี้รอดรัฐสเปนใหม่การเดินทางของกัปตัน Genoese ที่ชื่อคริสโตเฟอร์โคลัมบัสที่ถูกค้นหาเส้นทางใหม่กับเครื่องเทศตะวันออก กองทุนแม้ประเทศเยอรมัน กระจัดกระจายหลังจากศตวรรษของมิดศักดินาและดิ้นรนของจักรพรรดิหโรมัน เห็นของใหญ่ ๆ ที่ดูเหมือนจะฟื้นขึ้นราชวงศ์ Hapsburg ที่ควบคุมราชบัลลังก์อิมพีเรียลครั้งนี้ ครอบครัวนี้ ผ่านจำนวน astute สมรสพันธมิตร จะมาควบคุมประเทศออสเตรีย ประเทศต่ำ ฮังการี และสเปนของทรัพย์สินอิตาลีและอาณานิคมอเมริกัน ในความเป็นจริง ประทับใจเป็นจักรวรรดินี้ดู ทำงานกับข้อเสียของเยอรมนีเนื่องจากมันจะทำให้เกิดจำนวนสงครามขยี้ Hapsburg "มหาอำนาจ" - สงครามที่จะใช้เยอรมนีเป็นแบบ battleground และทำลายมัน ดังนั้น โดย 1500 ประเทศอเมริกาได้พัฒนา มีจุดแข็งและปัญหาของตนเองจุดแข็งของ nation-states ใหม่ประกอบด้วยเสาหลัก 4 สนับสนุน: เงิน ซึ่งจะเปิดใช้งานคิงส์จ่าย bureaucracies อาชีพรับจ้างกองทัพ และควบคุมของคริสตจักร นี้ส่วนผสมขององค์ประกอบที่ทันสมัย และยุคกลาง underscores เปลี่ยนแปลงของยุโรปจากยุคกลางยุคสมัยใหม่ด้านการเงินรายได้ กสิ่งศักดินาและรายได้จากที่ดินรอยัลและ monopolies ยุคกลางแหล่งเก่าได้ทั้งหมดไม่เพียงพอสำหรับภาระมาก ซึ่งชนิดใหม่ของรัฐบาลและกองทัพไว้บนโรงแรมคิงส์ กู้ยืมเงินกับรายได้ในอนาคตภาษีถูกตายสิ้นสุดเพียงแค่พระมหากษัตริย์เป็นเรื่องลึกซึ้ง แม้ที่ถูกปฏิบัติโดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ภาษีมากขึ้นปกติก็จะรวบรวม ในฝรั่งเศส ภาษี "พิเศษ" townsmen ที่ได้รับมงกุฎไดรฟ์ออกอังกฤษในสงครามร้อยปีถูกรวบรวมเป็นรายปี และภาษีถาวร taille กลายเป็น ในสเปน มงกุฎเพิ่มภาษีขายเพื่อเพิ่มรายได้ ในอังกฤษ พระมหากษัตริย์ไม่สามารถได้รับภาษีถาวรสูงให้กับเขา โดยรัฐสภา เขาได้เพิ่มของเขาควบคุมรายได้สำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่นศุลกากรขนสัตว์และผ้า โชคดี อังกฤษเป็นเกาะ และน้อยความต้องการของกองทัพขนาดใหญ่ที่มีราคาแพงและข้าราชการกว่าอเมริกาบนทวีป โดยรวม คิงส์เรเนซองส์ โดย 1500 ก็ยังคงประสบกับแสดงร้ายแรงทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครในอาณาจักรของพวกเขาต้องทรัพยากรท้าทายเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ Bureaucracies และกองทัพของตน เงินของพวกเขานำเสนอภาพของรัฐยุโรปในการเปลี่ยนแปลงจากยุคกลางยุคสมัยใหม่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เช่นเดียวกับความวุ่นวายของต่อมายุคกลางได้เคลียร์ทางสำหรับกวาดเศรษฐกิจวัฒนธรรมและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในยุโรปตะวันตกก็เช่นเดียวกันการผลิตการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญที่นำไปสู่การเกิดขึ้นของรูปแบบใหม่ของรัฐในยุโรปตะวันตก: รัฐชาติ . มันทำอย่างนี้ไปห้าเส้นของการพัฒนาสี่ของพวกเขาที่สอดคล้องกับรัฐชาติต่างๆในยุโรปและอื่น ๆ ที่มีจะทำอย่างไรกับการลดลงโดยรวมของคริสตจักรและขุนนางซึ่งจะช่วยนำไปสู่การฟื้นฟูเมืองและชนชั้นกลางพันธมิตรกับกษัตริย์ . ต่อมา 1400 เห็นพระมหากษัตริย์ในยุโรปตะวันตกที่ยกขึ้นชิ้นที่เหลือจากความวุ่นวายของศตวรรษที่ผ่านมาเพื่อที่จะสร้างรัฐที่แข็งแกร่ง แต่กระบวนการของการรวมกันนี้หรือในบางกรณีการชุมนุมกันใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงมากขึ้นและสงคราม ในประเทศอังกฤษผลพวงของสงครามร้อยปีเห็นเป็นระยะเวลาของความขัดแย้งที่รู้จักกันในสงครามดอกกุหลาบ (1455-1485) เหนือการควบคุมของราชบัลลังก์ ในท้ายที่สุดเฮนรีทิวดอร์ที่กลายเป็นเฮนรี่ปกเกล้าเจ้าอยู่หัวชัยชนะและสั่งคืนกับสถาบันรัฐบาลใหม่เช่นสภาดารา. ฝรั่งเศสบาดเจ็บสาหัสจากสงครามร้อยปีค่อยๆ reunified เป็นกษัตริย์วาลัวส์ควบคุมของปีการ์ดี (1477) ออง (1481) และบริตตานี (1491) ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกษัตริย์ฝรั่งเศสมาจากชาร์ลส์ที่มีประสิทธิภาพและก้าวร้าวกล้าแห่งเบอร์กันดี ชาร์ลส์ที่ควบคุมทั้งเบอร์กันดีและประเทศต่ำ (เดอร์สและเนเธอร์แลนด์) และขู่ว่าจะกลายเป็นพลังงานที่สำคัญในสิทธิของเขาจนกระทั่งเขาได้พบกับภัยพิบัติที่อยู่ในมือของหอกชาวสวิสที่รบแนนซี่ (1477) ที่มีศักยภาพกับภัยคุกคามนี้เอาออกไปและกลับยังเบอร์กันดีภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศฝรั่งเศสที่แข็งแกร่งแบบครบวงจรได้ที่เกิดขึ้นใหม่ 1500 หลังจาก 150 ปีของความขัดแย้ง. แบบครบวงจรสเปนก็เกิดจาก 1500 เหตุการณ์สำคัญที่นี่คือการแต่งงานใน 1,469 ของ Isabella ของ ติเฟอร์ดินานด์แห่งอารากอนซึ่งพร้อมใจกันมากที่สุดของสเปนภายใต้การปกครองของพวกเขาร่วมกัน (แต่ทั้งสองประเทศยังคงทำหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานบริหารที่แยกต่างหากสำหรับรุ่นมา.) ชิ้นสุดท้ายของปริศนาที่ถูกใส่ลงไปในสถานที่เมื่อคนสุดท้ายของชาวมุสลิมในสหรัฐฯสเปน, กรานาดาก็เอาชนะใน 1492 เหนือสิ่งอื่นใด นี้เป็นอิสระรัฐสเปนกองทุนเพื่อการเดินทางของกัปตัน Genoese ชื่อคริสโคลัมบัสผู้ที่กำลังมองหาเส้นทางใหม่ที่จะเครื่องเทศตะวันออก. แม้เยอรมนีแยกส่วนหลังจากศตวรรษของความขัดแย้งเกี่ยวกับระบบศักดินาและการต่อสู้จักรพรรดิกับโรมันเห็นของ โชคชะตาดูเหมือนจะฟื้นกับการเพิ่มขึ้นของราชวงศ์ Hapsburg ที่ควบคุมบัลลังก์จักรพรรดิในเวลานี้ ครอบครัวนี้ผ่านจำนวนพันธมิตรแต่งงานที่ชาญฉลาดที่จะมาควบคุมออสเตรียประเทศต่ำฮังการีและสเปนพร้อมกับดินแดนอาณานิคมของอิตาลีและอเมริกัน ในความเป็นจริงเป็นที่ประทับใจเป็นอาณาจักรนี้มองดูมันทำงานถึงข้อเสียของเยอรมนีเพราะมันจะก่อให้เกิดจำนวนของสงครามที่จะบดขยี้ Hapsburg "มหาอำนาจ" - สงครามที่จะใช้ประเทศเยอรมนีเป็นสมรภูมิและทำลายมัน ดังนั้นในการ 1500, ประเทศสหรัฐอเมริกามีการพัฒนามีจุดแข็งและปัญหาของตัวเอง. จุดแข็งของประเทศสหรัฐอเมริกาใหม่ประกอบด้วยสี่เสาหลักของการสนับสนุนเงินซึ่งจะเปิดใช้งานพระมหากษัตริย์ที่จะจ่ายสำหรับยาธิปไตมืออาชีพและกองทัพทหารรับจ้างและการควบคุม ของคริสตจักร ส่วนผสมขององค์ประกอบในยุคกลางและทันสมัยนี้ตอกย้ำการเปลี่ยนแปลงของยุโรปจากยุคสู่ยุคสมัยใหม่. การเงินแหล่งที่มาในยุคกลางเก่าของรายได้เช่นค่าธรรมเนียมศักดินาและรายได้จากที่ดินและพระราชผูกขาดอยู่ไม่เพียงพอสำหรับภาระมากขึ้นซึ่งใหม่ประเภทของรัฐบาลและกองทัพที่วางอยู่บนพระมหากษัตริย์เรเนซองส์ กู้ยืมเงินกับรายได้จากภาษีในอนาคตเป็นปลายตายที่เพิ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นปัญหาลึกแม้ว่าจะเป็นทางปฏิบัติกันทั่วไป แต่ภาษีที่มากกว่าปกติจะต้องมีการเก็บรวบรวม ในประเทศฝรั่งเศสที่ "พิเศษ" ภาษี Townsmen ได้รับมงกุฎที่จะขับรถออกมาจากภาษาอังกฤษในสงครามร้อยปีถูกเก็บเป็นประจำทุกปีและกลายเป็นภาษีถาวร taille ในสเปนมงกุฎเพิ่มขึ้นภาษีการขายเพื่อเพิ่มรายได้ ในประเทศอังกฤษพระมหากษัตริย์ก็ไม่สามารถที่จะได้รับภาษีถาวรสูงให้แก่เขาโดยรัฐสภา เขาไม่เพิ่มการควบคุมของเขามากกว่ารายได้สำหรับสิ่งต่างๆเช่นศุลกากรขนสัตว์และผ้า โชคดีที่อังกฤษเป็นเกาะและอยู่ในความต้องการน้อยของกองทัพที่มีขนาดใหญ่มีราคาแพงและระบบราชการกว่ารัฐในทวีปยุโรป โดยรวม, พระมหากษัตริย์เรเนซองส์ 1500 กำลังเผชิญกับข้อบกพร่องที่ยังคงทางการเงินอย่างรุนแรง แต่ไม่มีใครในอาณาจักรของพวกเขามีทรัพยากรที่จะท้าทายพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับธิปไตยและกองทัพของพวกเขานำเสนอการเงินของพวกเขาภาพของรัฐในยุโรปในการเปลี่ยนผ่านจากยุคสู่ยุคสมัยใหม่