In addition, the study shows that t

In addition, the study shows that the bacteria now believed to have participated in that problem are even more widespread and deadly than the previous suspect.
Although the hatchery industry has largely recovered, primarily by better control of ocean water acidity that was also part of the problem, the bacterial pathogens remain a significant concern for wild oysters along the coast, researchers said.
For many years, it had been believed that the primary bacteria causing oyster larval death in the Pacific Northwest was Vibrio tubiashii. Now, scientists say that most, or possibly all of the bacterial problem was caused by a different pathogen, Vibrio coralliilyticus, a close cousin that's now known to be even more virulent to Pacific oysters.
The findings were published in Applied and Environmental Microbiology, by researchers from the College of Veterinary Medicine at Oregon State University, the U.S. Department of Agriculture, and Rutgers University. The research was supported by the USDA.
"These bacteria are very similar, they're close cousins," said Claudia Häse, an OSU associate professor and expert in microbial pathogenesis. "V. coralliilyticus was believed to primarily infect warm water corals and contributes to coral bleaching around the world. It shares some gene sequences with V. tubiashii, but when we finally were able to compare the entire genomes, it became apparent that most of what we're dealing with in the Pacific Northwest is V. coralliilyticus."
Scientists now say that V. coralliilyticus is not only far more widespread than previously believed, but that it can infect a variety of fish, shellfish and oysters, including rainbow trout and larval brine shrimp. And it appears to be the primary offender in bacterial attacks on Pacific Northwest oyster larvae.
OSU experts have developed a rapid diagnostic assay for this bacteria that is nearing commercialization, and it may help assess problems both in oyster and coral health, Häse said.
"Although we've largely addressed the problems the hatcheries face, these bacteria continue to pose threats to wild oysters," Häse said. "And corals are still declining in many places, the Great Barrier Reef in Australia is dying at an alarming rate. Better diagnostics might help in all of these situations."
In what's now understood to be a problem with multiple causes, these pathogenic bacteria were involved in major crashes of oyster hatcheries, causing shortages in seed oysters for commercial producers. Dramatic losses were suffered in a Netarts Bay, Oregon, hatchery in 2005, and Washington hatcheries were also hard hit. Bacterial infection, water acidity, oxygen depletion and rising seawater temperatures are all believed to have been part of the problem.
By better monitoring and control of water acidity, which was one serious concern, hatcheries have been able to regain most of their productive capabilities. Wild oysters, however, continue to face the multiple pressures from rising acidity, pathogenic bacteria and other forces that have led to serious hatchery mortality.
Those problems have not been made any easier by the lack of funding for identification and studies of the bacteria that researchers now know to be causing infection.
In laboratory tests, strains of V. tubiashii did not show significant pathogenicity to Pacific oysters. V. coralliilyticus, by contrast, is highly infectious to both Pacific and Eastern oyster larvae, and perhaps other shellfish species.
"The Vibrio genus and many bacteria associated with it are a huge problem in fish and shellfish aquaculture, and we should be studying them more aggressively," Häse said. "V. coralliilyticus, in particular, has a very powerful toxin delivery system, and vibrios are some of the smartest of all bacteria. They can smell, sense things and swim toward a host."
It's believed that increasing environmental stresses may make oysters and other marine life more vulnerable to these types of bacterial infection, researchers say.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นอกจากนี้ จากการศึกษาพบว่าแบคทีเรียในขณะนี้เชื่อว่าจะต้องมีส่วนร่วมในปัญหาที่ยิ่งแพร่หลายและร้ายแรงกว่าสงสัยก่อนหน้า
ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมโรงเพาะฟักส่วนใหญ่ได้กู้ เป็นหลัก โดยการควบคุมที่ดีของน้ำในมหาสมุทรเมนั่นคือส่วนหนึ่งของปัญหา , เชื้อโรคแบคทีเรียยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญสำหรับหอยป่าตาม ชายฝั่งนักวิจัยกล่าวว่า .
เป็นเวลาหลายปี มันถูกเชื่อว่าหลักเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดหอยนางรมตายหนอนในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือคือ Vibrio tubiashii . ขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ส่วนใหญ่ หรืออาจจะทั้งหมดของปัญหาแบคทีเรียที่เกิดจากเชื้อโรคต่าง ๆ จำนวน coralliilyticus เป็นญาติใกล้ชิดที่รู้จักกันตอนนี้จะยิ่งรุนแรงกับหอยนางรมแปซิฟิก .
ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในประยุกต์และจุลชีววิทยาสิ่งแวดล้อม โดยนักวิจัยจากวิทยาลัยสัตวแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกากรมวิชาการเกษตร และมหาวิทยาลัยรัทเกอร์ส . การวิจัยสนับสนุนโดย USDA .
" แบคทีเรียเหล่านี้จะคล้ายกันมาก พวกเขาเป็นญาติใกล้ชิด " คลอเดีย H และเซ , โอสศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญในการเกิดจุลินทรีย์” โวลต์coralliilyticus เชื่อว่าปะการังเป็นหลัก ติดน้ำอุ่นและก่อให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวทั่วโลก มันหุ้นบางยีน ลำดับด้วยวี tubiashii แต่เมื่อในที่สุดเราก็สามารถที่จะเปรียบเทียบจีโนมทั้งหมด มันเป็นที่ชัดเจนว่าส่วนใหญ่ของสิ่งที่เรากำลังเผชิญในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือเป็น V . coralliilyticus "
นักวิทยาศาสตร์แล้วว่า V .coralliilyticus เป็นไม่เพียง แต่ที่แพร่หลายมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เชื่อกันว่า แต่มันสามารถให้ความหลากหลายของปลา หอย และ หอย รวมทั้งปลาสายรุ้งและตัวอ่อนกุ้งน้ำเค็มชนิดหนึ่ง และจะปรากฏเป็นผู้ต้องหาหลักในการโจมตีแบคทีเรียในภาคตะวันตกเฉียงเหนือแปซิฟิกหอยนางรม )
โอสผู้เชี่ยวชาญได้พัฒนาทดสอบวินิจฉัยอย่างรวดเร็วนี้แบคทีเรียที่ใกล้เชิงพาณิชย์และมันอาจช่วยในการประเมินปัญหาสุขภาพทั้งในหอยนางรมและปะการัง , H และ เซ กล่าวว่า " แม้ว่าเราจะไป
แก้ไขปัญหาหน้าโรงเพาะฟัก แบคทีเรียเหล่านี้ยังก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อหอยป่า " H และ เซ กล่าว และแนวปะการังที่ยังคงลดลงในหลายสถานที่ , Great Barrier Reef ในออสเตรเลีย กำลังจะตายในอัตราที่น่าตกใจ การวินิจฉัยที่ดีอาจช่วยในทุกสถานการณ์เหล่านี้ "
.ในตอนนี้อะไรก็เข้าใจเป็นปัญหากับหลายสาเหตุ แบคทีเรีย เชื้อโรคเหล่านี้มีส่วนร่วมในปัญหาหลักของโรงเพาะฟักหอยนางรม ก่อให้เกิดการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์หอยที่ผลิตเชิงพาณิชย์ ขาดทุนอย่างมากมีความเดือดร้อนใน netarts เบย์ , ออริกอน , วอชิงตันโรงเพาะฟักและอนุบาล ในปี 2005 มีชนหนัก การติดเชื้อเมน้ำแบคทีเรียการพร่องออกซิเจน และอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ทั้งหมดเชื่อว่าจะได้รับส่วนหนึ่งของปัญหา .
โดยการตรวจสอบที่ดีและควบคุมความเป็นกรดของน้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งร้ายแรงเกี่ยวกับโรงเพาะฟักได้คืนมากที่สุดของความสามารถในการผลิต ป่าหอยนางรม อย่างไรก็ตาม ยังคงเผชิญแรงกดดันจากหลายขึ้นเมเชื้อโรคแบคทีเรียและบังคับอื่น ๆ ที่ได้นำปัญหาที่ฟักไข่อัตราการตาย .
ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้ทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น โดยขาดทุนสำหรับการจำแนกและการศึกษาแบคทีเรียที่นักวิจัยขณะนี้ทราบว่าจะก่อให้เกิดการติดเชื้อ .
ในห้องทดลอง สายพันธุ์ของโวลต์ tubiashii ไม่ได้ พบว่า มีการไปหอยนางรมแปซิฟิก โวลต์ coralliilyticus ในทางกลับกันเป็นติดเชื้อสูงทั้งหอยนางรมแปซิฟิกและตัวอ่อนหอยชนิดอื่น ๆตะวันออกและบางที .
" สกุลวิบริโอและแบคทีเรียมากมายที่เกี่ยวข้องกับมันเป็นปัญหาใหญ่มากในปลาและหอยที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และเราควรจะศึกษาให้มากขึ้น " H และ เซ กล่าว coralliilyticus โวลต์ โดยเฉพาะ มีอำนาจมากสารพิษจัดส่งระบบสายพันธุ์ที่ฉลาดและมีบางส่วนของแบคทีเรีย พวกเขาได้กลิ่น เรื่องความรู้สึก และว่ายไปทางโฮสต์ "
เชื่อกันว่าเพิ่มความเครียดสิ่งแวดล้อมอาจทำให้หอยนางรมและชีวิตทางทะเลอื่น ๆความเสี่ยงเหล่านี้ชนิดของการติดเชื้อแบคทีเรีย , นักวิจัยกล่าวว่า