เรือมอันเร
เรือม แปลว่า "รำ" อันเร แปลว่า "สาก" ดังนั้น เรือมอันเรจึงแปลว่า การรำสาก การเรือมอันเรนั้นจะเล่นกันในช่วงของวันหยุดสงกรานต์โดยชาวบ้านจะเล่นเรือมอันเรที่ลานบ้านหรือว่าลานวัด
เครื่องดนตรี การเรือมอันเรมีการใช้เครื่องดนตรีประกอบคือ กลองโทน 1 คู่ ปี่ใน 1 เลา ซออู้เสียงกลาง 1 คัน ฉิ่ง กรับ ฉาบ อย่างละ 1 คู่ และมีอุปกรณ์ประกอบการเล่นเรือมอันเรคือ สาก 2 อัน ยาวประมาณ 2-3 เมตร ทำจากไม้เนื้อแข็ง มีหมอนวางรองหัว- ท้ายสาก มีความยาว 1.50 เมตร สูงประมาณ 3-4 นิ้ว
การแต่งกาย แต่เดิมไม่พิถีพิถัน แต่งกายตามสบาย แต่หากแต่งให้สวยงามตามประเพณีแต่โบราณ คือ ชายโจงกระเบน สวมเสื้อคอกลมแขนสั้น ผ้าขาวม้าคาดเอวและพาดไหล่ หญิงนุ่งผ้าไหมพื้นเมือง เรียกว่า "ซัมป็วตโฮล" สวมเสื้อแขนกระบอกมีสไบพาดไหล่มามัดรวบไว้ที่ด้านข้าง สวมเครื่องประดับ และมีดอกไม้ทัดหู
ทำนองและจังหวะในการรำ ในการรำในสมัยก่อนมีเพียง 3 จังหวะ คือ จังหวะจืงมูย(ขาเดียว) จังหวะมลปโดง(ร่มมะพร้าว) จังหวะจืงปีร์(สองขา) ต่อมามีการพัฒนาท่ารำเพิ่มขึ้นรวมเป็น 5 จังหวะ ดังนี้
จังหวะไหว้ครู
จังหวะกัจปกา
จังหวะจืงมูย
จังหวะมลปโดง
จังหวะจืงปีร์
ท่ารำ ในสมัยก่อนไม่มีท่ารำที่เป็นแบบแผนแน่นอน เพราะว่าเป็นการรำเพื่อความสนุกสนานในยามพักผ่อน ส่วนมากผู้ที่อยู่ในวงรำสากจะเป็นหญิงล้วน ส่วนหนุ่มๆจะมาเป็นกลุ่มยืนชมสาวที่กำลังรำอยู่ หากชอบคนไหนก็เข้าไปรำด้วย แต่ในปัจจุบันการเรือมอันเรได้มีการพัฒนาไปสู่แบบแผน และเนื่องจากมีการส่งเสริมและฟื้นฟูประเพณีคล้องช้างประจำปี(งานแสดงช้าง) การเล่นเรือมอันเรจึงกลายเป็นส่วน ประกอบสำคัญของงาน เพราะมีการนำเอาเรือมอันเรมาแสดงในงานช้างทุกปี แลยังใช้แสดงเพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือนอีกด้วย