Fig. 6 shows the variation of the a

Fig. 6 shows the variation of the average evaporator
pressure with heat source temperature for superheating at
the compressor inlet ranging between 4 and 8 8C for
different heat sink temperatures of 27, 32, and 37 8C. Fig.
6 also compares the average evaporator pressure obtained
from the TPERC with that obtained from the CRC. The
graph shows that the TPERC has a higher evaporator
pressure than the CRC. The flooding refrigerant in the
evaporator in the TPERC is the subcooled and two-phase
mixture, while that in CRC is the two-phase mixture and
superheated vapour. This results in the higher heat transfer
rate in TPERC causing the average evaporator pressure to be
higher than that in the CRC. This means that the
corresponding evaporator temperature of the TPERC is
also higher than that of the CRC, resulting in a small
temperature difference between the refrigerant and the heat
transfer fluid (water). This is desirable from a thermodynamic
point of view in that the system should be run at as high
an evaporator pressure as possible in order to obtain the
highest possible COP.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Fig. 6 แสดงรูปแบบของ evaporator เฉลี่ยความดันกับอุณหภูมิแหล่งความร้อนสำหรับ superheating ที่ทางเข้าของปั๊มระหว่าง 4 และ 8 8C สำหรับอ่างความร้อนต่างกันอุณหภูมิ 27, 32 และ 37 8C. ฟิก6 เปรียบเทียบความดัน evaporator เฉลี่ยที่ได้รับยังจาก TPERC ที่ได้รับจากการ CRC ที่กราฟแสดงว่า TPERC ที่มี evaporator สูงความกดดันมากกว่า CRC แบบน้ำท่วมในevaporator ใน TPERC เป็น subcooled และ two-phaseส่วนผสม ในขณะที่ใน CRC ผสม two-phase และsuperheated ไอ ซึ่งผลการถ่ายโอนความร้อนสูงใน TPERC ที่ก่อให้เกิดความดันเฉลี่ย evaporator จะสูงกว่าว่า CRC นี้หมายความ ว่า การอุณหภูมิ evaporator ที่สอดคล้องกันของ TPERCยังสูงกว่าของ CRC ผลขนาดเล็กความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างการออกแบบและความร้อนโอนย้ายของเหลว (น้ำ) นี้เป็นต้องจากที่ขอบมองที่ระบบควรจะรันที่สูงดัน evaporator ที่สุดเพื่อรับการตำรวจได้สูงสุด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มะเดื่อ 6 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของระเหยเฉลี่ย
ความดันกับอุณหภูมิแหล่งความร้อนสำหรับ superheating ที่
ตั้งแต่เข้าคอมเพรสเซอร์ระหว่างวันที่ 4 และ 8 8C สำหรับ
ระบายความร้อนที่มีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน 27, 32 และ 37 8C รูปที่.
6 ยังเปรียบเทียบความดันระเหยเฉลี่ยที่ได้รับ
จาก TPERC กับที่ได้รับจากซีอาร์ซี
กราฟแสดงให้เห็นว่ามี TPERC ระเหยที่สูง
กว่าความดันซีอาร์ซี สารทำความเย็นน้ำท่วมใน
ระเหยใน TPERC เป็น subcooled และสองเฟส
ส่วนผสมในขณะที่ในซีอาร์ซีเป็นส่วนผสมสองเฟสและ
ไอน้ำร้อนยวดยิ่ง ซึ่งจะส่งผลในการถ่ายเทความร้อนที่สูงขึ้น
ในอัตรา TPERC ก่อให้เกิดความดันระเหยเฉลี่ยจะ
สูงกว่าในซีอาร์ซี ซึ่งหมายความว่า
อุณหภูมิระเหยที่สอดคล้องกันของ TPERC เป็น
ยังสูงกว่าของซีอาร์ซีมีผลในขนาดเล็ก
แตกต่างของอุณหภูมิระหว่างสารทำความเย็นและความร้อน
ของเหลวโอน (น้ำ) นี้เป็นที่น่าพอใจจากทางอุณหพลศาสตร์
มุมมองในการที่ระบบควรจะทำงานที่สูงที่สุดเท่าที่
ความดันระเหยที่เป็นไปได้ในการที่จะได้รับ
เป็นไปได้สูงสุด COP

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ภาพที่ 6 แสดงการเปลี่ยนแปลงของความดันเฉลี่ยเท่ากับ
กับแหล่งความร้อนที่อุณหภูมิ superheating
คอมเพรสเซอร์ขาเข้า ช่วงระหว่าง 4 และ 8 8C สำหรับ
อุณหภูมิความร้อนอ่างที่แตกต่างกันของ 27 , 32 และ 37 8C . มะเดื่อ
6 เปรียบเทียบความดันเฉลี่ยระเหยได้
จาก tperc กับที่ได้รับจากข้อ .
กราฟแสดงให้เห็นว่า tperc มี
ระเหยสูงความดันมากกว่า 5 . น้ำท่วมสารทำความเย็นใน
ระเหยใน tperc เป็น subcooled ผสม 2
, ขณะที่ในข้อเป็นแบบผสม และไอร้อนยวดยิ่ง
. ผลนี้ในการถ่ายโอนความร้อนในอัตราที่สูง
tperc ก่อให้เกิดความดันระเหยเฉลี่ยจะสูงกว่าใน CRC
. ซึ่งหมายความว่าที่อุณหภูมิของ tperc ระเหย

คือยังสูงกว่าของ CRC , ส่งผลให้เล็ก
ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิสารทำความเย็นและความร้อน
โอนของเหลว ( น้ำ ) นี้เป็นที่พึงปรารถนาจากอุณหพลศาสตร์
มุมมองในที่ระบบควรจะทำงานที่ความดันสูง
evaporator ที่เป็นไปได้เพื่อให้ได้
สูงสุดที่เป็นไปได้ของตำรวจ