Howeler et al. (1993)observed simil

Howeler et al. (1993)observed similarity in the yield of cassava in
NT treatment and tilled treatment on a sandy loam soil of Zaire.
Similar observation were reported byMaurya and Lal (1979)and
Raros (1985). NT significantly decrease yield of cassava in mulch
and unmulched plots of Kimpese, Zaire (Ezumah and Okigbo, 1980)
but an experiment conducted byOhiri and Ezumah (1990)in a
sandy clay loam Ultisol in humid south-east Nigeria showed that
NT and MT had no significant effect on cassava root yield, but
significantly increased top yields in the second year, compared
with conventional tillage (Table 5).Ofori (1973)in Ghana reported
that ploughing increased cassava yield compared with superficial
hoeing, while, Okigbo (1979)at Nsukka, Nigeria found that
ploughing significantly increased yield only in the first one year
out of three years, and that benefits from mulching were
significant in all three years. Findings of these researchers implies
that NT contribute significantly to above ground biomass yield but
the conventional tillage is mostly beneficial in terms of root yield
and this may have resulted from pulverization of soil up to the
subsurface layer, thus, giving room for ease of cassava root
penetration into soil.
Cadavid et al. (1998)on long-term effects of mulch, fertilization
and tillage on cassava in a sandy loam soil confirmed an increase in
top biomass production of cassava by mulching in every cropping
cycle, regardless of tillage and fertilization treatment (Table 6).
They concluded that mulching was beneficial for above ground
biomass production (stem), which serve as planting material for
subsequent cropping season. Mulching is generally known to
reduce soil temperature, improve moisture availability to crop and
improve the organic matter content of the soil.
5. Conclusion
Our study reviewed and investigated soil conservation techniques, i.e. no-till and minimum tillage systems relatively with the
conventional tillage method and soil under compaction, from the
reappraisal of the of the different tillage systems on soil physical
properties (bulk density, total porosity and penetration resistance)
in a field cultivated on cassava. Our research review showed that
the NT treatment is characterized with reduced bulk density
principally at the surface soil, i.e. 0–5 cm and sometimes up to the

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Howeler et al, (1993) สังเกตเห็นความคล้ายคลึงกันในผลผลิตของมันสำปะหลังใน
การรักษา NT และไถพรวนรักษาดินดินร่วนปนทรายของซาอีร์.
สังเกตที่คล้ายกันได้รับรายงาน byMaurya และ Lal (1979) และ
Raros (1985) NT อย่างมีนัยสำคัญลดลงผลผลิตของมันสำปะหลังในคลุมด้วยหญ้า
และแปลง unmulched ของ Kimpese ซาอีร์ (Ezumah และ Okigbo, 1980)
แต่การทดลองดำเนินการ byOhiri และ Ezumah (1990) ใน
ดินร่วนปนดินเหนียวปนทรายชื้น Ultisol ในทางตะวันออกเฉียงใต้ประเทศไนจีเรียพบว่า
NT และมีมอนแทนา ไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตมันสำปะหลัง แต่
เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอัตราผลตอบแทนสูงสุดในปีที่สองเมื่อเทียบ
กับดินแบบธรรมดา (ตารางที่ 5) .Ofori (1973) ในประเทศกานารายงาน
ว่าผลผลิตมันสำปะหลังไถเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับตื้น
hoeing ขณะที่ Okigbo (1979) ที่ Nsukka ไนจีเรียพบว่า
การไถผลผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพียงในครั้งแรกเป็นเวลาหนึ่งปี
ในสามปีที่ผ่านมาและได้รับประโยชน์จากการคลุมดินได้
อย่างมีนัยสำคัญในทุกสามปี ผลการวิจัยของนักวิจัยเหล่านี้หมายถึงการ
ที่เอ็นทีมีส่วนสำคัญต่อผลผลิตมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน แต่
ดินแบบธรรมดาส่วนใหญ่จะเป็นประโยชน์ในแง่ของผลผลิตหัว
และอาจมีผลมาจากบดดินขึ้นไปที่
ชั้นใต้ผิวดินจึงทำให้ห้องพักเพื่อความสะดวกในมันสำปะหลัง
เจาะลงไปในดิน.
Cadavid et al, (1998) เกี่ยวกับผลกระทบในระยะยาวของวัสดุคลุมดินใส่ปุ๋ย
และดินแบบในมันสำปะหลังในดินดินร่วนปนทรายได้รับการยืนยันการเพิ่มขึ้นของ
การผลิตมวลชีวภาพด้านบนของมันสำปะหลังโดยการคลุมดินในการปลูกพืชทุก
รอบโดยไม่คำนึงถึงการไถพรวนและการรักษาปฏิสนธิ (ตารางที่ 6).
พวกเขาสรุป คลุมดินที่เป็นประโยชน์สำหรับบนพื้นดิน
การผลิตชีวมวล (ต้นกำเนิด) ซึ่งทำหน้าที่เป็นวัสดุปลูกสำหรับ
การปลูกพืชฤดูที่ตามมา คลุมดินเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปจะ
ลดอุณหภูมิของดินปรับปรุงความพร้อมความชุ่มชื้นให้กับพืชผลและ
ปรับปรุงเนื้อหาอินทรียวัตถุของดิน.
5 สรุป
การศึกษาของเราตรวจสอบและการตรวจสอบเทคนิคการอนุรักษ์ดินเช่นไม่มีการไถพรวนดินแบบและระบบที่ค่อนข้างต่ำสุดด้วย
วิธีการไถพรวนดินธรรมดาและอยู่ภายใต้การบดอัดจาก
การประเมินราคาใหม่ของระบบดินแบบแตกต่างกันในทางกายภาพของดิน
คุณสมบัติ (ความหนาแน่นพรุนรวมและ ต้านทานการรุก)
ในด้านการเพาะปลูกมันสำปะหลังใน ทบทวนการวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่า
การรักษา NT เป็นลักษณะที่มีความหนาแน่นที่ลดลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผิวดินคือ 0-5 ซม. และบางครั้งถึง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รศ et al . ( 1993 ) สังเกตความเหมือนในผลผลิตมันสำปะหลัง ในการรักษาและการรักษา
NT เพาะปลูกในดินร่วนทรายของซาอีร์ .
สังเกตที่คล้ายกันและมีรายงาน bymaurya ลัล ( 1979 ) และ
raros ( 1985 ) NT ลดผลผลิตมันสำปะหลังในแปลงหญ้า และ unmulched
kimpese ซาอีร์ ( ezumah okigbo , และ , 1980 )
แต่การทดลองและดำเนินการ byohiri ezumah ( 1990 ) ใน
ดินร่วนเหนียว ปนทรายอุลติซอลในตะวันออกเฉียงใต้ชื้นไนจีเรียพบว่า
NT และ MT ไม่มีผลกระทบต่อผลผลิตมันสำปะหลัง แต่ด้านบน
เพิ่มขึ้นผลผลิตในปีที่สอง เปรียบเทียบกับการไถพรวนปกติ
( ตารางที่ 5 ) ofori ( 1973 ) ในกานารายงาน
ละเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังเมื่อเทียบกับผิวเผิน
hoeing ในขณะที่ okigbo ( 1979 ) , ที่พบว่า
Nsukka , ไนจีเรียไถเพิ่มขึ้นผลผลิตเฉพาะในหนึ่งปี
ออกไป 3 ปี และได้รับประโยชน์จากการคลุมดินถูก
) ทุกสามปี พบนักวิจัยเหล่านี้หมายถึง
ที่ NT สนับสนุนอย่างมากให้ผลผลิตมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน แต่การไถพรวนปกติเป็นประโยชน์

ส่วนใหญ่ในแง่ของผลผลิตและนี้อาจมีสาเหตุมาจาก pulverization ดินขึ้นไป
ดินชั้นจึงให้ห้องเพื่อความสะดวกในการสอดใส่ รากมันลงดิน
.
cadavid et al . ( 1998 ) เกี่ยวกับผลกระทบในระยะยาวของ ปุ๋ย และ ดินปุ๋ย
มันสำปะหลัง ในดินร่วนทราย ยืนยันการเพิ่มขึ้นในการผลิตมันสำปะหลัง โดยด้านบนของชีวมวล

รอบการปลูกพืชคลุมทุก ไม่ว่าการไถพรวนและการรักษา ( ตารางที่ 6 ) .
พวกเขาสรุปว่า การคลุมดินจะเป็นประโยชน์ต่อการผลิตมวลชีวภาพเหนือพื้นดิน
( ต้น ) ซึ่งใช้เป็นวัสดุปลูก สำหรับการปลูกพืชฤดูต่อมา
. การคลุมดินเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป

ลดอุณหภูมิของดิน ปรับปรุงห้องพักความชื้นและสารอินทรีย์ที่พืช
ปรับปรุงเนื้อหาของดิน .
5 การศึกษาทบทวนและทำการสรุป
เทคนิคการอนุรักษ์ดิน ได้แก่ไม่จนและต่ำสุดของระบบการไถพรวนค่อนข้างกับ
ปกติ ) และดินใต้ดินถม จาก
โพล่งของระบบการไถพรวนที่แตกต่างกันต่อคุณสมบัติทางกายภาพของดิน ( ความหนาแน่น , ความพรุนรวม
และความต้านทานการเจาะกลุ่ม )
ในเขตปลูกมันสำปะหลัง . การทบทวนงานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่า
NT เป็นลักษณะที่มีการลดความหนาแน่น
หลักที่พื้นผิวดิน เช่น 0 – 5 เซนติเมตร และบางครั้งถึง