as heapsort, partial_sort() has the

as heapsort, partial_sort() has the better complexity, but sort() has the better runtime in most cases. The advantage of partial_sort() is that it guarantees n∗log(n) complexity in any case, so it never reaches quadratic complexity. In addition, partial_sort() has the special ability to stop sorting when only the first n elements need to be sorted. To sort all the elements, you have to pass the end of the sequence as second and last argument:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เป็น heapsort, partial_sort() มีความซับซ้อนที่ดีขึ้น แต่ sort() มีรันไทม์ดีใหญ่ ประโยชน์ของ partial_sort() คือ ว่า มันรับประกันความซับซ้อน n∗log(n) ดังนั้นมันไม่ถึงความซับซ้อนของกำลังสอง นอกจากนี้ partial_sort() มีความสามารถพิเศษหยุดเรียงเฉพาะ first n องค์ประกอบจำเป็นต้องเรียงลำดับ การเรียงลำดับทั้งหมดองค์ประกอบ คุณต้องผ่านตามลำดับเป็นอาร์กิวเมนต์ที่สอง และครั้งสุดท้าย:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เป็น heapsort, partial_sort () มีความซับซ้อนดีขึ้น แต่การจัดเรียง () มีรันไทม์ที่ดีขึ้นในกรณีส่วนใหญ่ ประโยชน์ของ partial_sort () เป็นว่ามันรับประกัน n * log (n) ความซับซ้อนในกรณีใด ๆ ดังนั้นจึงไม่เคยถึงความซับซ้อนของสมการกำลังสอง นอกจากนี้ partial_sort () มีความสามารถพิเศษที่จะหยุดการเรียงลำดับเมื่อเพียงองค์ประกอบ n แรกจะต้องมีการเรียงลำดับ การจัดเรียงองค์ประกอบทั้งหมดที่คุณต้องผ่านจุดสิ้นสุดของลำดับเป็นอาร์กิวเมนต์ที่สองและครั้งสุดท้าย:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นฮีปซอร์ต partial_sort() มีความซับซ้อน , ดีกว่า , แต่ sort() มีดี Runtime ในกรณีส่วนใหญ่ ประโยชน์ของ partial_sort() คือมันรับประกัน∗ n log ( n ) ความซับซ้อน ในกรณีใด ๆ มันไม่เคยถึงความซับซ้อนกำลังสอง . นอกจากนี้ partial_sort() มีความสามารถที่จะหยุดการเมื่อเฉพาะของ RST จึงต้องเรียงลําดับ การจัดเรียงองค์ประกอบทั้งหมดคุณต้องผ่านปลายลำดับเป็นครั้งที่สอง และสุดท้าย
อาร์กิวเมนต์ :