In 1951, the Nepali monarch ended t

In 1951, the Nepali monarch ended the century-old system of rule by hereditary premiers and instituted a cabinet system of government. Reforms in 1990 established a multiparty democracy within the framework of a constitutional monarchy. An insurgency led by Maoist extremists broke out in 1996. The ensuing 10-year civil war between insurgents and government forces witnessed the dissolution of the cabinet and parliament and assumption of absolute power by the king. Several weeks of mass protests in April 2006 were followed by several months of peace negotiations between the Maoists and government officials, and culminated in a November 2006 peace accord and the promulgation of an interim constitution. Following a nationwide election in April 2008, the newly formed Constituent Assembly declared Nepal a federal democratic republic and abolished the monarchy at its first meeting the following month. The Constituent Assembly elected the country's first president in July. Between 2008 and 2011 there have been four different coalition governments, led twice by the United Communist Party of Nepal-Maoist, which received a plurality of votes in the Constituent Assembly election, and twice by the Communist Party of Nepal-United Marxist-Leninist. In August 2011, Baburam BHATTARAI of the United Communist Party of Nepal (Maoaist) became prime minister. After the Constituent Assembly (CA) failed to draft a constitution by the May 2012 deadline, BHATTARAI dissolved the CA and called for new elections. Despite months of negotiations, the parties have not yet agreed to a new election date. In the meantime, BHATTARAI leads a caretaker government.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 1951 พระมหากษัตริย์เนปาลสิ้นสุดระบบกฎโดย premiers รัชทายาทแห่งศตวรรษเก่า และระบบคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลโลก การปฏิรูปในปี 1990 ก่อตั้งขึ้นภายใต้กรอบของระบอบรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย multiparty แดนที่นำ โดยพวกหัวรุนแรง Maoist ร้องไห้ในปี 1996 สงครามกลางเมือง 10 ปีเพราะพวกก่อการร้ายและกองกำลังของรัฐบาลเห็นการยุบคณะรัฐมนตรี และรัฐสภาและอัสสัมชัญของอำนาจโดยพระมหากษัตริย์ หลายสัปดาห์ของการประท้วงใหญ่ใน 2549 เมษายนตามหลายเดือนของการเจรจาสันติภาพระหว่าง Maoists และเจ้าหน้าที่ของรัฐ และ culminated ในแอคคอร์ดเป็นสันติภาพ 2549 พฤศจิกายนและ promulgation ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวเป็นการ ต่อการเลือกตั้งทั่วประเทศในเดือนเมษายนปี 2008 ธรรมนูญรูปแบบใหม่ประกาศเนปาลเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยของรัฐบาลกลาง และยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นก่อนประชุมเดือนต่อไป การร่างรัฐธรรมนูญเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกของประเทศในเดือนกรกฎาคม 2008 และ 2011 ได้มีรัฐบาลพรรคร่วมแตกต่างกัน 4, led สองครั้งโดยที่สหคอมมิวนิสต์พรรคของเนปาล-Maoist ซึ่งรับได้โหวต ในการเลือกตั้งรัฐธรรมนูญ และสอง Marxist-Leninist สหพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล สิงหาคม 2554, BHATTARAI Baburam สหรัฐคอมมิวนิสต์พรรคของเนปาล (Maoaist) เป็น นายกรัฐมนตรี หลังจากที่ร่างรัฐธรรมนูญ (CA) ล้มเหลวในการร่างรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดเวลาสิ้นสุด 2012 พฤษภาคม BHATTARAI ส่วนยุบ CA และเรียกว่าการเลือกตั้งใหม่ แม้เดือนเจรจา ฝ่ายไม่ได้ตกลงวันเลือกตั้งใหม่ ในขณะเดียวกัน BHATTARAI นำรัฐบาลรักษาการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 1951 พระ​​มหากษัตริย์เนปาลสิ้นสุดวันที่ระบบศตวรรษเก่าของการปกครองโดยนายกรัฐมนตรีทางพันธุกรรมและการก่อตั้งระบบคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล การปฏิรูปในปี 1990 จัดตั้งระบอบประชาธิปไตยหลายภายในกรอบของระบอบรัฐธรรมนูญ ก่อความไม่สงบนำโดยหัวรุนแรงชาวเมารีโพล่งออกมาในปี 1996 ต่อมา 10 ปีสงครามกลางเมืองระหว่างพวกก่อการร้ายและกองกำลังของรัฐบาลร่วมเป็นสักขีพยานการสลายตัวของคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาและข้อสันนิษฐานของอำนาจกษัตริย์ หลายสัปดาห์ของการประท้วงในเมษายน 2006 ตามมาด้วยหลายเดือนของการเจรจาสันติภาพระหว่างกลุ่มลัทธิเหมาและเจ้าหน้าที่ของรัฐและ culminated ในพฤศจิกายน 2006 ตกลงสันติภาพและประกาศใช้รัฐธรรมนูญระหว่างกาล ต่อไปนี้การเลือกตั้งทั่วประเทศในเดือนเมษายนปี 2008 สภาร่างรัฐธรรมนูญที่จัดตั้งขึ้นใหม่ประกาศเนปาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยของรัฐบาลกลางและยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ในการประชุมครั้งแรกของเดือนถัดไป สภาร่างรัฐธรรมนูญได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศในเดือนกรกฎาคม ระหว่างปี 2008 และ 2011 มีการสี่รัฐบาลรัฐบาลที่แตกต่างกันนำครั้งที่สองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศเนปาล-เมารีซึ่งได้รับส่วนใหญ่ของคะแนนในการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญและครั้งที่สองโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล-ยูไนเต็ดมาร์กซ์-นิสต์ ในเดือนสิงหาคม 2011, Baburam Bhattarai ของพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศเนปาล (Maoaist) กลายเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากที่สภาร่างรัฐธรรมนูญ (CA) ล้มเหลวในการร่างรัฐธรรมนูญโดยพฤษภาคม 2012 เส้นตาย Bhattarai ละลาย CA และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ แม้จะมีเดือนของการเจรจาทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ตกลงยังไม่ได้วันที่การเลือกตั้งใหม่ ในขณะเดียวกัน Bhattarai นำไปสู่​​รัฐบาลดูแล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในปี 1951 , พระมหากษัตริย์เนปาลสิ้นสุดระบบเก่าศตวรรษของการปกครองโดยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ยื่นทางระบบของรัฐบาล การปฏิรูปใน 1990 สร้างระบอบประชาธิปไตยภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ ก่อความไม่สงบที่นำโดยชาวเมารีหัวรุนแรงโพล่งออกมาในปี 1996 หลังจาก 10 ปีสงครามระหว่างกองกำลังรัฐบาลและกบฏเห็นการละลายของคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา และสมมติฐานของอำนาจจากกษัตริย์ หลายสัปดาห์ของการประท้วงมวลในเดือนเมษายน 2006 ตามมาด้วยหลายเดือนของการเจรจาสันติภาพระหว่างกลุ่มกบฏลัทธิเหมา และเจ้าหน้าที่ของรัฐ และ culminated ในเดือนพฤศจิกายน 2006 ข้อตกลงสร้างสันติภาพ และการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว ต่อไปนี้การเลือกตั้งทั่วประเทศในเดือนเมษายน 2008 , เพิ่งก่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญประกาศเนปาลรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยและยกเลิกระบอบที่พบกันครั้งแรก เดือนต่อไป สภาร่างรัฐธรรมนูญ ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ ในเดือนกรกฎาคม ระหว่าง 2008 และ 2011 มีสี่รัฐบาลที่แตกต่างกัน , LED สองครั้งโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาลลัทธิเหมาซึ่งได้รับเสียงข้างมากของคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ และครั้งที่สองโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล ( ลัทธิมาร์กซ์ leninist . ในเดือนสิงหาคม 2011 , บาบูราม ภัทราไลย แห่งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล ( maoaist ) เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากที่สภาร่างรัฐธรรมนูญ ( CA ) ล้มเหลวในการร่างรัฐธรรมนูญโดยพฤษภาคม 2012 กำหนด ราม ภัทราไลยในแคลิฟอร์เนีย และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ แม้เดือนของการเจรจา ทั้งสองฝ่ายยังตกลงวันเลือกตั้งใหม่ ในขณะเดียวกัน ราม ภัทราไลยนำรัฐบาล .