To investigate the impact of ADHD a

To investigate the impact of ADHD and class context on children's on-task behavior, generalized estimation equation (GEE)
models with an exchangeable working correlation matrix were used. GEE is an appropriate technique to take account of the
correlations among repeated observations of the same participant without the covariance structure being of central interest
(Zeger & Liang, 1986). The most popular form of inference on GEE regression parameters is the Wald Chi-square test. As the dependent variables, we used two continuous scores: (a) the proportion of time on-task and (b) the duration of each on-task interval (i.e., on-task span). In a first set of analyses, predictors were class structure (whole group vs. small group vs. individual work), group (ADHD vs. control), and the group x class context condition interaction term. The standardized mean difference between groups (i.e., Cohen's d = (M1 − M2) divided by the SDpooled) was additionally calculated and defined as small (0.2), moderate (0.5), and large (0.8) effect sizes. Although effect size is not strictly speaking the same thing as clinical significance, we assume that they will be strongly correlated. In contrast to statistical power, the effect size is independent of sample size and varies with precision of measurement (Swanson et al., 2001). Precision in this study was increased by averaging observation data across four time blocks. In a second set of analyses, the analyses above were repeated with academic content (highly academic vs. academic vs. nonacademic vs. instructional transitions) as the context condition. In these two sets of analyses, we additionally controlled for ODD problems and averaged academic performance as these variables may also contribute to variations in classroom on-task behavior.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การตรวจสอบผลกระทบของภาระผูกพันและชั้นบริบทในพฤติกรรมของเด็กในงาน การประมาณการสมการ (GEE) ที่ตั้งค่าทั่วไป
รุ่นกับเมทริกซ์สหสัมพันธ์ทำการแลกเปลี่ยนเป็นใช้ GEE เป็นเทคนิคที่เหมาะสมที่จะใช้บัญชีของการ
เป็นของเซ็นทรัลสนใจโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างข้อสังเกตร่วมกันโดยไม่มีการแปรปรวนซ้ำ
(Zeger &เหลียง 1986) รูปแบบนิยมของข้อ GEE พารามิเตอร์ถดถอยเป็นการทดสอบ Wald Chi-square เป็นตัวแปรขึ้นอยู่กับ เราใช้คะแนนต่อเนื่องสอง: สัดส่วน (ก) (ข) ระยะเวลาแต่ละช่วงในงาน (เช่น ในงานระยะ) และเวลาในงาน ในชุดแรกของวิเคราะห์ predictors มีคลาสโครงสร้าง (ทั้งหมดเทียบกับกลุ่มขนาดเล็กเทียบกับแต่ละงาน), กลุ่ม (ภาระผูกพันเทียบกับควบคุม), และกลุ่ม x ระดับบริบทเงื่อนไขโต้ตอบคำ มาตรฐานหมายถึงข้อแตกต่างระหว่างกลุ่ม (เช่น ของโคเฮน d = (M1 − M2) หาร ด้วย SDpooled) นอกจากนี้จากการคำนวณ และกำหนดเป็นขนาดเล็ก (0.2), ปานกลาง (0.5), และขนาดผล (0.8) ขนาดใหญ่ แม้ว่าขนาดผลไม่พัฒนเหมือนกับความสำคัญทางคลินิก เราคิดว่า พวกเขาจะสามารถขอ correlated ตรงข้ามพลังทางสถิติ ขนาดผลจะขึ้นอยู่กับขนาดตัวอย่าง และความแม่นยำของการวัด (Swanson et al., 2001) แตกต่างกันไป ความแม่นยำในการศึกษานี้ตั้งขึ้น โดยหาค่าเฉลี่ยการสังเกตข้อมูลในช่วงเวลา 4 ในชุดที่สองของวิเคราะห์ วิเคราะห์ข้างต้นถูกซ้ำ ด้วยเนื้อหาเชิงวิชาการ (วิชาการสูงเทียบกับวิชาการเทียบกับเทียบกับ nonacademic สอนเปลี่ยน) เป็นเงื่อนไขบริบท ในนี้สองชุดวิเคราะห์ เรานอกจากนี้ควบคุมปัญหาแปลก และ averaged ผลการศึกษา ตามตัวแปรเหล่านี้ยังอาจนำไปเปลี่ยนแปลงในลักษณะการทำงานในห้องเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่อตรวจสอบผลกระทบของโรคสมาธิสั้นและชั้นบริบทที่เด็กในงานพฤติกรรมของสมการประมาณค่าทั่วไป (GEE)
รุ่นที่มีเมทริกซ์ความสัมพันธ์การทำงานที่แลกเปลี่ยนได้ถูกนำมาใช้ GEE เป็นเทคนิคที่เหมาะสมในการคำนึงถึง
ความสัมพันธ์ระหว่างการสังเกตซ้ำของผู้เข้าร่วมที่เหมือนกันโดยไม่ต้องโครงสร้างความแปรปรวนเป็นที่น่าสนใจกลาง
(Zeger และเหลียง, 1986) รูปแบบที่นิยมมากที่สุดของการอนุมานในพารามิเตอร์การถดถอย GEE คือการทดสอบ Wald ไคสแควร์ ในฐานะที่เป็นตัวแปรตามเราใช้สองคะแนนอย่างต่อเนื่อง (ก) สัดส่วนของเวลาในงานและ (ข) ระยะเวลาของแต่ละช่วงเวลาในงาน (เช่นในช่วงงาน) ในชุดแรกของการวิเคราะห์พยากรณ์เป็นโครงสร้างชั้น (ทั้งกลุ่มเมื่อเทียบกับกลุ่มเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับการทำงานของแต่ละคน) กลุ่ม (ADHD เทียบกับการควบคุม) และกลุ่ม x บริบทชั้นระยะปฏิสัมพันธ์สภาพ ความแตกต่างที่ค่าเฉลี่ยมาตรฐานระหว่างกลุ่ม (เช่นโคเฮน d = (M1 - M2) หารด้วย SDpooled) ได้นอกจากนี้การคำนวณและกำหนดให้เป็นขนาดเล็ก (0.2) ปานกลาง (0.5) และขนาดใหญ่ (0.8) ขนาดของผลกระทบ แม้ว่าขนาดของผลจะไม่พูดอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งเดียวกับความสำคัญทางคลินิกเราคิดว่าพวกเขาจะได้รับการความสัมพันธ์อย่างมาก ในทางตรงกันข้ามกับอำนาจทางสถิติขนาดของผลที่เป็นอิสระจากขนาดของกลุ่มตัวอย่างและขึ้นอยู่กับความแม่นยำของการวัด (สเวนสัน et al., 2001) ความแม่นยำในการศึกษานี้ได้เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยข้อมูลการสังเกตข้ามสี่บล็อกเวลา ในชุดที่สองของการวิเคราะห์การวิเคราะห์ดังกล่าวข้างต้นได้รับการทำซ้ำที่มีเนื้อหาทางวิชาการ (การเปลี่ยนการเรียนการสอนทางวิชาการที่สูงเมื่อเทียบกับนักวิชาการเทียบกับ nonacademic) ตามเงื่อนไขบริบท ในทั้งสองชุดของการวิเคราะห์เรายังควบคุมปัญหา ODD และเฉลี่ยผลการเรียนเป็นตัวแปรเหล่านี้ยังอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในห้องเรียนในงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพื่อศึกษาผลกระทบของอาการสมาธิสั้นและบริบทของเด็ก พฤติกรรมงานทั่วไปการประมาณค่าสมการ ( Gee )
รุ่นที่มี Correlation Matrix ทำงานแลกเปลี่ยนมาใช้ ว้าว เป็นเทคนิคที่เหมาะสมที่จะใช้บัญชีของ
สังเกตความสัมพันธ์ระหว่างซ้ำของผู้เข้าร่วมเดียวกันโดยไม่ต้องทดสอบโครงสร้างของ
ดอกกลาง ( & เซเกอร์ เหลียง , 1986 )รูปแบบที่นิยมมากที่สุดของการอนุมานใน Gee ถดถอยพารามิเตอร์คือ Wald Chi square test เป็นตัวแปร เราใช้ต่อเนื่อง 2 คะแนน : ( ) สัดส่วนของเวลา กับงาน และ ( ข ) ในช่วงระยะเวลาของแต่ละงาน เช่น ในช่วงงาน ) ในชุดแรกของการวิเคราะห์ตัวแปร ได้แก่ โครงสร้างชั้น ( ทั้งกลุ่ม กับ กลุ่มเล็ก ๆ และงานบุคคล ) , กลุ่ม ( ADHD และการควบคุม )และกลุ่ม X ชั้นบริบทเงื่อนไขการปฏิสัมพันธ์ในระยะ มาตรฐานหมายถึงความแตกต่างระหว่างกลุ่ม ( เช่น โคเฮน D = ( − M1 M2 ) หารด้วย sdpooled ) นอกจากนี้ คำนวณและกำหนดเป็นขนาดเล็ก ( 0.2 ) ปานกลาง ( 0.5 ) และขนาดใหญ่ ( 1 ) ขนาดผล ถึงแม้ว่าขนาดผลไม่พูดเหมือนกันกับความสำคัญทางคลินิก เราสันนิษฐานว่า พวกเขาจะมีความสัมพันธ์อย่างยิ่ง .ในทางตรงกันข้ามกับพลังงานทางสถิติ ผลขนาดเป็นอิสระของขนาดตัวอย่างและขึ้นอยู่กับความแม่นยำของการวัด ( Swanson et al . , 2001 ) ความแม่นยำในการศึกษานี้ คือ เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยข้อมูลการสังเกตผ่านสี่บล็อกครั้ง ในชุดที่สองของการวิเคราะห์ , การวิเคราะห์ข้างต้นซ้ำกับเนื้อหาวิชาการ ( ขอวิชาการและวิชาการกับทาง .สอนการเปลี่ยน ) เป็นบริบทเงื่อนไข ในทั้งสองชุดของการวิเคราะห์เรายังควบคุมปัญหาจากการปฏิบัติงานวิชาการ เป็น คี่ และ ตัวแปรเหล่านี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชั้นเรียนในงาน