Home
เทคนิคภาษาอังกฤษ
หลักการเขียน resume ภาษาอังกฤษ พร้อมตัวอย่างและคำแปล
หลักการเขียน resume ภาษาอังกฤษ พร้อมตัวอย่างและคำแปล
สวัสดีครับเพื่อนๆ บทความนี้จะมาพูดถึงเรื่องของการเขียน resume หรือที่เราเรียกกันว่าจดหมายแนะนำตัวในการสมัครงาน ซึ่งในการเขียนจดหมายแนะนำตัวนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะครับ การที่เราต้องมาเขียนสิ่งต่างๆเกี่ยวกับตัวของเราเองนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประวัติส่วนตัว ประวัติเกี่ยวกับการศึกษา ประวัติของการทำงาน รวมถึงลักษณะนิสัยต่างๆ ความถนัดที่เรามี หรือแม้กระทั่งความสามารถพิเศษ และเรื่องอื่นๆ อีกมากมายเลยนะครับที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา การขียนธรรมดานั้นคงจะไม่ยากเท่าไหร่นะครับ แต่ถ้าหากต้องย่อจากมีเรื่องต่างๆ เหล่านี้อยู่ทั้งหมดแล้วเราย่อลงเหลือเพียงไม่กี่หน้ากระดาษ (Resume ไม่ควรจะยาวเกิน 1-2 หน้ากระดาษ A4)ส่วนตัวผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยากเอาการเลยนะครับ ยิ่งไปกว่านั้นแล้วเราต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษแล้วหละก็ยิ่งมึนหัวเข้าไปใหญ่เลยนะครับ จะยากง่ายขนาดไหนเพื่อนๆ คงต้องลองดูกันแล้วครับ
writing Resume
ขั้นตอนการเขียน Resume เป็นภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด มีดังนี้
◾ จดบันทึกเกี่ยวกับประสบการณ์ด้านอาชีพของคุณเป็นภาษาไทยลงในกระดาษ ทุกๆสิ่งที่เกี่ยวกับการทำงานทั้งได้เงินและไม่ได้เงิน
◾จดบันทึกเกี่ยวกับประสบการณ์ด้านการศึกษาของคุณเป็นภาษาไทยลงในกระดาษ
◾จดบันทึกเกี่ยวกับประสบการณ์อื่นๆ ของตัวคุณเองที่ไม่เกี่ยวกับการงาน ซึ่งจะรวมไปถึงการเข้าแข่งขันรายการต่างๆ หรือการเป็นสมาชิกในองค์กรพิเศษต่างๆ
◾หลังจากที่เราได้รวบรวมข้อมูลต่างๆลงบนกระดาษแล้วต่อมาเราจะนำเรื่องราวเหล่านั้นมาเรียบเรียง
◾นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆนั่นก็คือขั้นตอนของการลงมือเขียน Resume เป็นภาษาอังกฤษ โดยเราจะเขียนชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ โทรสาร และสุดท้ายคืออีเมล์ของคุณ เอาไว้ที่ด้านบนสุดของ Resume
◾ใส่จุดที่เราต้องการโฟกัสของความเป็นตัวเราลงใน Resume ฉบับนี้ไว้ด้วย โดยที่จุดมุ่งหมายหรือจุดโฟกัสนั้นคือประโยคสั้นๆ ที่บอกว่าเรานั้นกำลังมองหางานประเภทไหนอยู่ซึ่งจะทำให้คุณนั้นได้งานที่ตรงความสามารถเรามากขึ้น
◾ต่อมาคือเรื่องของประสบการณ์ด้านการศึกษา นำข้อมูลด้านการศึกษาที่คุณได้จดบันทึกลงในเศษกระดาษนั้นมาเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษแล้วเขียนลงไปใน Resume
◾เขียนประสบการณ์ในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่การงานลงไปใน Resume จนครบถ้วน
◾ในส่วนสุดท้ายนี้จะเป็นการเขียนทักษะหรือความสามารถพิเศษทั้งหมดที่เรามี ซึ่งแนะนำเอาที่เกี่ยวกับงานที่เราจะสมัครด้วยนะครับ
◾หลังจากนั้นก็จบ Resume ด้วยประโยคที่ว่า “REFERENCES Available upon request”
ต่อมานี้จะเป็นหลักการสำคัญเขียน resume ภาษาอังกฤษ ซึ่งเราจะแบ่งออกเป็น 5 ส่วนหลักๆ นะครับ ส่วนนี้ก็จะไม่ต่างจากด้านบนสักเท่าไหร่นะครับ ผมจะนำมาเขียนให้เพื่อนๆเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
ส่วนที่ 1 – หัวเรื่องและวัตถุประสงค์ (Heading and Objective)
ส่วนหัวกระดาษต้องระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และอีเมล์ที่สามารถติดต่อเราโดยตรงได้ ส่วนวัตถุประสงค์คือการระบุตำแหน่งงานที่เราต้องการ
ส่วนที่ 2 – ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง (Personal Details)
ข้อมูลทั่วไปจำพวก อายุ วันเดือนปีเกิด น้ำหนักส่วนสูง สถานภาพการสมรส สถานภาพทางการทหาร ความสนใจพิเศษ ศาสนา เป็นต้น
ส่วนที่ 3 – ข้อมูลด้านการศึกษา การอบรม (Education)
เขียนวุฒิการศึกษาที่เราได้รับมา และการฝึกอบรมต่างๆ หรือกิจกรรมนอกหลักสูตรที่เคยเข้าร่วม ถ้าให้ดีต้องเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครด้วยครับ เช่น สมัครเป็นครู เขียนว่าเคยเข้ารับการอบรมครูอาสาสมัครให้เด็กด้อยโอกาส
ส่วนที่ 4 – ข้อมูลด้านประสบการณ์การทำงาน (Experiences)
ในส่วนนี้จะคล้ายกับข้อมูลการศึกษาครับ โดยเริ่มจากวันเดือนปีที่เริ่มทำงาน ตำแหน่งงาน ชื่อสถานประกอบการ และระยะเวลาที่ทำงานนั้น
นอกจากนี้ควรใส่หน้าที่ที่เราได้รับผิดชอบขณะทำงานอยู่ด้วยครับ
ส่วนที่ 5 – บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References)
สำหรับ resume ภาษาอังกฤษที่เราเขียนให้นายจ้างจะดูมีความน่าเชื่อถือสูง ถ้าเรามีชื่อและข้อมูลการติดต่อของบุคคลที่นายจ้างสามารถสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเราได้ ดังนั้น reference ของเราต้องเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ในวงการธุรกิจ เช่น ต้องเป็นบุคคลที่มีงานมั่นคง หรือมีชื่อเสียง อาจเป็นข้าราชการ หัวหน้าหน่วยงาน หรือเจ้าของกิจการ เป็นต้น
เคล็ดลับต่างๆ การเขียน resume เป็นภาษาอังกฤษ
◾ให้เรียงลำดับจากความสำคัญให้ถูกต้อง โดยยึดเอาความต้องการของตำแหน่งงานเป็นหลัก
◾วุฒิการศึกษา – ให้เรียงจากวุฒิสูงสุดไปต่ำสุด
– เขียนชื่อวุฒิขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ
– ชื่อสถาบัน ให้ใส่จังหวัดที่สถาบันตั้งอยู่ ยกเว้นสถาบันที่ใช้ชื่อจังหวัดเป็นชื่อสถาบัน
(เช่น Chiang Mai University, Khon Kaen University)
◾การฝึกอบรม – ให้เขียนเรียงลำดับ วันเดือนปีที่อบรม ระยะเวลา ชื่อหลักสูตรในการอบรม และสถาบันที่จัดการอบรม
◾ ความสามารถพิเศษ ถ้ามีให้ระบุในส่วนนี้ โดยทั่วไปแล้วควรจะนำเสนอ
◾ข้อมูลด้านประสบการณ์การทำงาน เขียนงานที่ทำปัจจุบันก่อน แล้วเรียงไปจนถึงตำแหน่งงานแรก
◾บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References)
– บุคคลอ้างอิงให้ได้ 2-3 คน
– ไม่ควรทำงานที่เดียวกัน
– ต้องไม่ใช่ญาติพี่น้อง
– การเขียนให้เรียงจากชื่อ-นามสกุล
– ถ้ามีตำแหน่งต้องใส่คำนำหน้า
ตัวอย่าง resume ภาษาอังกฤษ
Resume
Mr.Pongtap Pongpukdee (ชื่อ)
10/5 M.2 Mahidol Rd., Muang District, Chiang Mai, 50000 (ที่อยู่)
Tel. 094-454-8735 E-mail: Pongtap@gmail.com (เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล)
Objective: To apply for Programmer (ตำแหน่งงานที่ต้องการ)
Expected Salary: 22,000- 25,000 Baht (เงินเดือนที่ต้องการ)
Personal Details (ข้อมูลส่วนตัว)
Date of Birth: March 28, 1984 (วันเกิด)
Age: 29 (อายุ)
Marital status: Single (สถานะภาพ)
Military status: Exempted (สภาพทางทหาร)
บ้านเทคนิคภาษาอังกฤษหลักการเขียนประวัติภาษาอังกฤษพร้อมตัวอย่างและคำแปลหลักการเขียนประวัติภาษาอังกฤษพร้อมตัวอย่างและคำแปล สวัสดีครับเพื่อน ๆ บทความนี้จะมาพูดถึงเรื่องของการเขียนหรือที่เราเรียกกันว่าจดหมายแนะนำตัวในการสมัครงานซึ่งในการเขียนจดหมายแนะนำตัวนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะครับการที่เราต้องมาเขียนสิ่งต่างๆเกี่ยวกับตัวของเราเองนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดำเนินการต่อไปของประวัติส่วนตัวประวัติเกี่ยวกับการศึกษาประวัติของการทำงานรวมถึงลักษณะนิสัยต่าง ๆ ความถนัดที่เรามีหรือแม้กระทั่งความสามารถพิเศษและเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายเลยนะครับที่เกี่ยวข้องกับตัวเราการขียนธรรมดานั้นคงจะไม่ยากเท่าไหร่นะครับแต่ถ้าหากต้องย่อจากมีเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อยู่ทั้งหมดแล้วเราย่อลงเหลือเพียงไม่กี่หน้ากระดาษ (A4 หน้ากระดาษประวัติไม่ควรจะยาวเกิน 1-2) ส่วนตัวผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยากเอาการเลยนะครับยิ่งไปกว่านั้นแล้วเราต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษแล้วหละก็ยิ่งมึนหัวเข้าไปใหญ่เลยนะครับจะยากง่ายขนาดไหนเพื่อน ๆ คงต้องลองดูกันแล้วครับเขียนประวัติย่อขั้นตอนการเขียนประวัติเป็นภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดมีดังนี้◾จดบันทึกเกี่ยวกับประสบการณ์ด้านอาชีพของคุณเป็นภาษาไทยลงในกระดาษทุกๆสิ่งที่เกี่ยวกับการทำงานทั้งได้เงินและไม่ได้เงิน◾จดบันทึกเกี่ยวกับประสบการณ์ด้านการศึกษาของคุณเป็นภาษาไทยลงในกระดาษ◾จดบันทึกเกี่ยวกับประสบการณ์อื่น ๆ ของตัวคุณเองที่ไม่เกี่ยวกับการงานซึ่งจะรวมไปถึงการเข้าแข่งขันรายการต่าง ๆ หรือการเป็นสมาชิกในองค์กรพิเศษต่าง ๆ◾หลังจากที่เราได้รวบรวมข้อมูลต่างๆลงบนกระดาษแล้วต่อมาเราจะนำเรื่องราวเหล่านั้นมาเรียบเรียง◾นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆนั่นก็คือขั้นตอนของการลงมือเขียนประวัติเป็นภาษาอังกฤษโดยเราจะเขียนชื่อนามสกุลที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ติดต่อโทรสารและสุดท้ายคืออีเมล์ของคุณเอาไว้ที่ด้านบนสุดของสมัครงาน◾ใส่จุดที่เราต้องการโฟกัสของความเป็นตัวเราลงในประวัติฉบับนี้ไว้ด้วยโดยที่จุดมุ่งหมายหรือจุดโฟกัสนั้นคือประโยคสั้น ๆ ที่บอกว่าเรานั้นกำลังมองหางานประเภทไหนอยู่ซึ่งจะทำให้คุณนั้นได้งานที่ตรงความสามารถเรามากขึ้นประวัตินำข้อมูลด้านการศึกษาที่คุณได้จดบันทึกลงในเศษกระดาษนั้นมาเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษแล้วเขียนลงไปใน◾ต่อมาคือเรื่องของประสบการณ์ด้านการศึกษา◾เขียนประสบการณ์ในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่การงานลงไปใน Resume จนครบถ้วน◾ในส่วนสุดท้ายนี้จะเป็นการเขียนทักษะหรือความสามารถพิเศษทั้งหมดที่เรามี ซึ่งแนะนำเอาที่เกี่ยวกับงานที่เราจะสมัครด้วยนะครับ◾หลังจากนั้นก็จบ Resume ด้วยประโยคที่ว่า “REFERENCES Available upon request”ต่อมานี้จะเป็นหลักการสำคัญเขียน resume ภาษาอังกฤษ ซึ่งเราจะแบ่งออกเป็น 5 ส่วนหลักๆ นะครับ ส่วนนี้ก็จะไม่ต่างจากด้านบนสักเท่าไหร่นะครับ ผมจะนำมาเขียนให้เพื่อนๆเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับส่วนที่ 1 – หัวเรื่องและวัตถุประสงค์ (Heading and Objective)ส่วนหัวกระดาษต้องระบุชื่อที่อยู่เบอร์โทรศัพท์และอีเมล์ที่สามารถติดต่อเราโดยตรงได้ส่วนวัตถุประสงค์คือการระบุตำแหน่งงานที่เราต้องการส่วนที่ 2-ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง (รายละเอียดส่วนบุคคล)ข้อมูลทั่วไปจำพวกอายุวันเดือนปีเกิดน้ำหนักส่วนสูงสถานภาพการสมรสสถานภาพทางการทหารความสนใจพิเศษศาสนาเป็นต้นส่วนที่ 3-การอบรมข้อมูลด้านการศึกษา (การศึกษา) เขียนวุฒิการศึกษาที่เราได้รับมาและการฝึกอบรมต่าง ๆ หรือกิจกรรมนอกหลักสูตรที่เคยเข้าร่วมถ้าให้ดีต้องเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครด้วยครับเช่นสมัครเป็นครูเขียนว่าเคยเข้ารับการอบรมครูอาสาสมัครให้เด็กด้อยโอกาสส่วนที่ 4 – ข้อมูลด้านประสบการณ์การทำงาน (Experiences)ในส่วนนี้จะคล้ายกับข้อมูลการศึกษาครับ โดยเริ่มจากวันเดือนปีที่เริ่มทำงาน ตำแหน่งงาน ชื่อสถานประกอบการ และระยะเวลาที่ทำงานนั้น นอกจากนี้ควรใส่หน้าที่ที่เราได้รับผิดชอบขณะทำงานอยู่ด้วยครับส่วนที่ 5 – บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References)สำหรับ resume ภาษาอังกฤษที่เราเขียนให้นายจ้างจะดูมีความน่าเชื่อถือสูง ถ้าเรามีชื่อและข้อมูลการติดต่อของบุคคลที่นายจ้างสามารถสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเราได้ ดังนั้น reference ของเราต้องเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ในวงการธุรกิจ เช่น ต้องเป็นบุคคลที่มีงานมั่นคง หรือมีชื่อเสียง อาจเป็นข้าราชการ หัวหน้าหน่วยงาน หรือเจ้าของกิจการ เป็นต้นเคล็ดลับต่างๆ การเขียน resume เป็นภาษาอังกฤษ◾ให้เรียงลำดับจากความสำคัญให้ถูกต้อง โดยยึดเอาความต้องการของตำแหน่งงานเป็นหลัก◾วุฒิการศึกษา – ให้เรียงจากวุฒิสูงสุดไปต่ำสุด– เขียนชื่อวุฒิขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ-ชื่อสถาบันให้ใส่จังหวัดที่สถาบันตั้งอยู่ยกเว้นสถาบันที่ใช้ชื่อจังหวัดเป็นชื่อสถาบัน(เช่นมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น)◾การฝึกอบรม – ให้เขียนเรียงลำดับวันเดือนปีที่อบรมระยะเวลาชื่อหลักสูตรในการอบรมและสถาบันที่จัดการอบรม◾ความสามารถพิเศษถ้ามีให้ระบุในส่วนนี้โดยทั่วไปแล้วควรจะนำเสนอ◾ข้อมูลด้านประสบการณ์การทำงานเขียนงานที่ทำปัจจุบันก่อนแล้วเรียงไปจนถึงตำแหน่งงานแรก◾บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (อ้างอิง)-บุคคลอ้างอิงให้ได้ 2-3 คน– ไม่ควรทำงานที่เดียวกัน– ต้องไม่ใช่ญาติพี่น้อง– การเขียนให้เรียงจากชื่อ-นามสกุล– ถ้ามีตำแหน่งต้องใส่คำนำหน้าตัวอย่าง resume ภาษาอังกฤษResume Mr.Pongtap Pongpukdee (ชื่อ)10/5 M.2 Mahidol Rd., Muang District, Chiang Mai, 50000 (ที่อยู่)Tel. 094-454-8735 E-mail: Pongtap@gmail.com (เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล)Objective: To apply for Programmer (ตำแหน่งงานที่ต้องการ)Expected Salary: 22,000- 25,000 Baht (เงินเดือนที่ต้องการ)Personal Details (ข้อมูลส่วนตัว)Date of Birth: March 28, 1984 (วันเกิด)Age: 29 (อายุ)Marital status: Single (สถานะภาพ)Military status: Exempted (สภาพทางทหาร)
การแปล กรุณารอสักครู่..
