เดือนสี่ บุญผะเหวด

เดือนสี่ บุญผะเหวด"บุญผะเหวด" เป็นส

เดือนสี่ บุญผะเหวด

"บุญผะเหวด" เป็นสําเนียงชาวอีสานที่มาจากคําว่า "บุญพระเวส"หรือพระเวสสันดร เป็นประเพณีตามคติความเชื่อของชาวอีสานที่ว่า หากผู้ใดได้ฟัง เทศน์เรื่องพระเวสสันดรทั้ง 13 กัณฑ์จบภายในวันเดียว จะได้เกิดร่วมชาติภพกับพระศรีอริยเมตไตย บุญผะเหวดนี้จะทําติดต่อกันสามวัน วันแรกจัดเตรียมสถานที่ตกแต่ง ศาลาการเปรียญวันที่สองเป็นวันเฉลิมฉลองพระเวสสันดร ชาวบ้านร่วมทั้งพระภิกษุสงฆ์จากหมู่บ้านใกล้เคียงจะมา ร่วมพิธีมีทั้งการจัดขบวนแห่เครื่องไทยทานฟังเทศน์และแห่พระเวส โดยการแห่ผ้าผะเหวด (ผ้าผืนยาวเขียนภาพเล่าเรื่องพระเวสสันดร) ซึ่งสมมติเป็น การแห่พระเวสสันดรเข้าสู่เมือง เมื่อถึงเวลาค่ำจะมีเทศน์เรื่องพระมาลัย ส่วนวันที่สามเป็นงานบุญพิธี ชาวบ้านจะร่วมกันตักบาตรข้าวพันก้อน พิธีจะมี ไปจนค่ำ ชาวบ้านจะแห่แหน ฟ้อนรําตั้งขบวนเรียงรายตั้งกัณฑ์มาถวายอานิสงฆ์อีกกัณฑ์หนึ่ง จึงเสร็จพิธมูลเหตุของพิธีกรรมพระสงฆ์จะเทศน์เรื่อง เวสสันดรชาดกจนจบและเทศน์ จากเรื่องในหนังสือมาไลยหมื่นมาไลยแสนกล่าวว่า ครั้งหนึ่งพระมาลัยเถระได้ขึ้นไปไหว้พระธาตุเกษแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และได้พบปะสนทนากับพระศรีอริยเมนไตย ผู้ที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตและพระศรีอริยเมตไตยได้สั่งความมากับ พระมาลัยว่า "ถ้ามนุษย์อยากจะพบและร่วมเกิดในศาสนาของพระองค์แล้วจะต้องปฏิบัติตนดังต่อไปนี้คือ"

1. จงอย่าฆ่าพ่อตีแม่ สมณพราหมณ์
2. จงอย่าทําร้ายพระพุทธเจ้า และยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน
3. ให้ตั้งใจฟังเทศน์เรื่อง พระเวสสันดรให้จบในวันเดียวด้วยเหตุ ที่ชาวอีสานต้องการจะได้พบพระศรีอริยเมตไตยและเกิดร่วมศาสนาของพระองค์จึง มีการทําบุญผะเหวด ซึ่งเป็นประจําทุกปี
พิธีกรรม - การเตรียมงาน

1. แบ่งหนังสือ นําหนังสือลําผะเหวดหรือลํามหาชาติ (หนังสือเรื่องพระเวสสันดรชาดก) ซึ่งมีจํานวน 13 กัณฑ์ (หรือ 13 ผูกใหญ่) แบ่ง เป็นผูกเล็กๆ เท่ากับจํานวนพระเณรที่จะนิมนต์มาเทศน์ในคราวนั้นๆ

2. การใส่หนังสือ นําหนังสือผูกเล็กที่แบ่งออก จากกัณฑ์ต่างๆ 13 กัณฑ์ไปนิมนต์พระเณรทั้งวัดในหมู่บ้านตนเองและจากวัด ในหมู่บ้าน อื่นที่อยู่ใกล้เคียงให้มาเทศน์ โดยจะมีใบฎีกาบอกรายละเอียดวันเวลาเทศน์ ตลอดจนบอกเจ้าศรัทธา ผู้ที่จะเป็นเจ้าของกัณฑ์นั้นๆ ไว้ด้วย

3. การจัดแบ่งเจ้าศรัทธา เพื่อพระเณรท่านเทศน์จบในแต่ละกัณฑ์ผู้เป็นเจ้าศรัทธาก็จะนําเครื่อง ปัจจัยไทยทานไปถวายตาม กัณฑ์ที่ตนเองรับผิดชอบ ชาวบ้านจะจัดแบ่งกันออกเป็นหมู่ๆ เพื่อรับเป็นเจ้าศรัทธากัณฑ์เทศร่วมกัน โดยจะต้องจัดหาที่พักข้าวปลา อาหารไว้คอยเลี้ยงต้อนรับญาติโยมที่ติดตามพระเณร จากหมู่บ้านอื่นเพื่อมาเทศน์ผะเหวดครั้งนี้ด้วย

4. การเตรียมสถานที่พัก พวกชาวบ้านจะพากันทําความสะอาดบริเวณวัดแล้วช่วยกัน "ปลูกผาม" หรือปะรําไว้รอบๆ บริเวณวัด เพื่อใช้ เป็นที่ต้องรับพระเณรและญาติโยมผู้ติดตามพระเณรจากหมู่บ้านอื่น ให้เป็นที่พักแรมและที่เลี้ยงข้าวปลาอาหาร

5. การจัดเครื่องกิริยาบูชาหรือเครื่องครุพัน ในการทําบุญผะเหวดนั้นชาวบ้านต้องเตรียม "เครื่องฮ้อยเครื่องพัน" หรือ "เครื่องบูชา คาถาพัน" ประกอบด้วยธูปหนึ่งพันดอก เทียนหนึ่งพันเล่มดอกบัวโป่ง (บัวหลวง) ดอกบัวแป้ (บัวผัน) ดอกบัวทอง (บัวสาย) ดอกผัก ตบและดอกก้างของ (ดอกปีบ) อย่างละหนึ่งพันดอก เมี่ยง หมากอย่างละหนึ่งพันคํา มวนยาดูดหนึ่งพันมวน ข้าวตอกใสกระทงหนึ่ง พันกระทง ธุงกระดาษ (ธงกระดาษ) หนึ่งพันธง
6. การจัดเตรียม สถานที่ที่จะเอาบุญผะเหวด

6.1 บนศาลาโรงธรรม ตั้งธรรมมาสน์ไว้กลางศาลาโดยรอบนั้นจัดตั้ง "ธุงไซ" (ธงชัย) ไว้ ทั้งแปดทิศ และจุดที่ตั้ง "ธุงไซ" แต่ละต้นจะต้อง มี "เสดถะสัต" (เศวตฉัตร) "ผ่านตาเว็น" (บังสูรย์) และตะกร้าหนึ่งใบสําหรับใส่ข้าวพันก้อนพร้อมทั้ง "บั้งดอกไม้" สําหรับใส่ดอกไม้แห่ง ซึ่งส่วนมากทําจาก ต้นโสนและใส้ "ธุงหัวคีบ" นอกจากนี้ที่บั้งดอกไม้ยังปีกนกปีกปลาซึ่งสานจากใบมะพร้าวหรือใบตาลไว้อีกจํานวน หนึ่งและตั้งโอ่งน้ำไว้ 5 โอ่ง รอบธรรมาสน์ซึ่งสมมติเป็นสระ 5 สระ ในหม้อน้ำใส่จอกแหน (แหนคือสาหร่าย) กุ้ง เหนี่ยว ปลา ปู หอย ปลูกต้นบัวในบ่อให้ใบบัวและดอกบัวลอยยิ่งดีรวมทั้งจะต้องจัดให้มีเครื่องสักการะบูชาคาถาพันและขันหมากเบ็งวางไว้ตามมุมธรรมาสน์ ณ จุดที่วางหม้อน้ำ ที่สําคัญบนศาลาโรงธรรมต้องตกแต่งให้มีสภาพคล้ายป่า โดยนําเอาต้นอ้อย ต้นกล้วย มามัดตามเสาทุกต้น และขึงด้าย สายสิญจน์รอบศาลา ทําราวไม้ไผ่สูงเหนือศรีษะประมาณหนึ่งศอกเพื่อเอาไว้เสียบดอกไม้แห่งต่าง ๆ นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่ห้อยนก ปลาตะเพียน และใช้เมล็ดแห่งของฝากลิ้นฟ้า (เพกา) ร้อยด้วยเส้นด้ายยาวเป็นสายนําไปแขวนเป็นระยะ ๆ และถ้าหากดอกไม้แห่งอื่นไม้ได้ ก็จะใช้เส้นด้ายชุบแป้งเป็ยกแล้วนําไปคลุกกับเมล็ดข้าวสาร ทําให้เมล็ดข้าวสารติดเส้นด้ายแล้วนําเส้นด้ายเหล่านั้นไปแขวนไว้แทน ด้านทิศตะวันออกของศาลาโรงธรรมต้องปลูก "หออุปคุต" โดยใช้ไม้ไผ่ทําเป็นเสาสี่ ต้นสูงเพียงตา หออุปคุตนี้เป็นสมมติว่าจะเชิญ พระอุปคุตมาประทับ เพื่อปราบมารที่จะมาขัดขวางการทําบุญ ต้องจัดเครื่องใช้ของพระอุปคุตไว้ที่นี้ด้วย

6.2 บริเวณรอบศาลาโรงธรรมก็ปัก "ธุงไซ" ขนาดใหญ่ 8 ซุง ปักไว้ตามทิศทั้งแปดซึ่งแต่ละ หลักธุงจะปัก "กรวยไม้ไผ่สําหรับใส่ข้าว พันก้อน" "เสดถะสัด" (เศวตฉัตร) "ผ่านตาเว็น" (บังสูรย์) และ "ขันดอกไม้" เช่นเดียวกับบนศาลาโรงธรรม นอกจากนี้ก็ปักธุงช่อไว้ ณ จุดเเดียวกับที่ปัก "ธุงไซ" อีก ด้วยครั้งถึงเวลาประมาณ 14-15 นาฬิกาของมื้อโฮมหรือวันรวม ผู้เฒ่าผู้แก่จะพากันนําเครื่องสักการะ บูชาประกอบด้วยขันห้าขน แปดบาตรจีวร ร่ม กระโถนกาน้ำ และไม้เท้าเหล็กไปเชิญพระอุปคุตซึ่งสมมติว่าท่านอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำอาจ เป็นบึง หนอง แม่น้ำ อ่างเก็บน้ำ (ที่อยู่ใกล้วัด) เมื่อไปถึงผู้เป็นประธานจะตั้งนะโมขึ้น 3 จบ กล่าว "สัคเค" เชิญเทวดามาเป็นพยาน แล้วจึงกล่าวหลังจากเชิญพระอุปคุตเสร็จแล้วก็ถึงพิธีแห่ผะเหวดเข้าเมืองซึ่งจะเป็นเวลาประมาณ 16.00-17.00 น. ของมื้อโฮมพิธีกรรมก่อนแห่เมื่อถึง เวลาแห่ผู้เป็น ประธานจะนําญาติโยม (ที่มาพร้อมกันในบริเวณชายปาที่ถูกสมมติให้เป็นป่าหิมพานต์) ไหว้พระรับศีลและฟังเทศน์
การเทศน์ ณ จุดนี้เป็นการเทศน์จบแล้วก็จะลั่นฆ้อง จัดขบวนแห่ผะเหวดเข้าเมือง เดินผ่านหมู่บ้านเข้าสู่วัด แล้วแห่เวียนขวา รอบศา
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
เดือนสี่บุญผะเหวด

"บุญผะเหวด" เป็นสําเนียงชาวอีสานที่มาจากคําว่า "บุญพระเวส" หรือพระเวสสันดรเป็นประเพณีตามคติความเชื่อของชาวอีสานที่ว่าหากผู้ใดได้ฟังเทศน์เรื่องพระเวสสันดรทั้ง 13 กัณฑ์จบภายในวันเดียว บุญผะเหวดนี้จะทําติดต่อกันสามวันวันแรกจัดเตรียมสถานที่ตกแต่งศาลาการเปรียญวันที่สองเป็นวันเฉลิมฉลองพระเวสสันดรชาวบ้านร่วมทั้งพระภิกษุสงฆ์จากหมู่บ้านใกล้เคียงจะมา โดยการแห่ผ้าผะเหวด (ผ้าผืนยาวเขียนภาพเล่าเรื่องพระเวสสันดร) ซึ่งสมมติเป็นการแห่พระเวสสันดรเข้าสู่เมืองเมื่อถึงเวลาค่ำจะมีเทศน์เรื่องพระมาลัยส่วนวันที่สามเป็นงานบุญพิธี พิธีจะมีไปจนค่ำชาวบ้านจะแห่แหนฟ้อนรําตั้งขบวนเรียงรายตั้งกัณฑ์มาถวายอานิสงฆ์อีกกัณฑ์หนึ่งจึงเสร็จพิธมูลเหตุของพิธีกรรมพระสงฆ์จะเทศน์เรื่องเวสสันดรชาดกจนจบและเทศน์ ครั้งหนึ่งพระมาลัยเถระได้ขึ้นไปไหว้พระธาตุเกษแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และได้พบปะสนทนากับพระศรีอริยเมนไตยผู้ที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตและพระศรีอริยเมตไตยได้สั่งความมากับพระมาลัยว่า
1 จงอย่าฆ่าพ่อตีแม่สมณพราหมณ์
2 จงอย่าทําร้ายพระพุทธเจ้าและยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน
3 ให้ตั้งใจฟังเทศน์เรื่องพระเวสสันดรให้จบในวันเดียวด้วยเหตุที่ชาวอีสานต้องการจะได้พบพระศรีอริยเมตไตยและเกิดร่วมศาสนาของพระองค์จึงมีการทําบุญผะเหวดซึ่งเป็นประจําทุกปี
พิธีกรรม - การเตรียมงาน

1 แบ่งหนังสือนําหนังสือลําผะเหวดหรือลํามหาชาติ (หนังสือเรื่องพระเวสสันดรชาดก) ซึ่งมีจํานวน 13 กัณฑ์ (ผูกใหญ่หรือ 13) แบ่งเป็นผูกเล็ก ๆ เท่ากับจํานวนพระเณรที่จะนิมนต์มาเทศน์ในคราวนั้น ๆ

2 การใส่หนังสือนําหนังสือผูกเล็กที่แบ่งออกจากกัณฑ์ต่าง ๆ 13 กัณฑ์ไปนิมนต์พระเณรทั้งวัดในหมู่บ้านตนเองและจากวัดในหมู่บ้านอื่นที่อยู่ใกล้เคียงให้มาเทศน์โดยจะมีใบฎีกาบอกรายละเอียดวันเวลาเทศน์ ผู้ที่จะเป็นเจ้าของกัณฑ์นั้น ๆ ไว้ด้วย

3 การจัดแบ่งเจ้าศรัทธาเพื่อพระเณรท่านเทศน์จบในแต่ละกัณฑ์ผู้เป็นเจ้าศรัทธาก็จะนําเครื่องปัจจัยไทยทานไปถวายตามกัณฑ์ที่ตนเองรับผิดชอบชาวบ้านจะจัดแบ่งกันออกเป็นหมู่ ๆ เพื่อรับเป็นเจ้าศรัทธากัณฑ์เทศร่วมกัน อาหารไว้คอยเลี้ยงต้อนรับญาติโยมที่ติดตามพระเณรจากหมู่บ้านอื่นเพื่อมาเทศน์ผะเหวดครั้งนี้ด้วย

4 การเตรียมสถานที่พักพวกชาวบ้านจะพากันทําความสะอาดบริเวณวัดแล้วช่วยกัน "ปลูกผาม" หรือปะรําไว้รอบ ๆ บริเวณวัดเพื่อใช้เป็นที่ต้องรับพระเณรและญาติโยมผู้ติดตามพระเณรจากหมู่บ้านอื่น
5 การจัดเครื่องกิริยาบูชาหรือเครื่องครุพันในการทําบุญผะเหวดนั้นชาวบ้านต้องเตรียม "เครื่องฮ้อยเครื่องพัน" หรือ "เครื่องบูชาคาถาพัน" ประกอบด้วยธูปหนึ่งพันดอกเทียนหนึ่งพันเล่มดอกบัวโป่ง (บัวหลวง) ดอกบัวแป้ ดอกบัวทอง (บัวสาย) ดอกผักตบและดอกก้างของ (ดอกปีบ) อย่างละหนึ่งพันดอกเมี่ยงหมากอย่างละหนึ่งพันคํามวนยาดูดหนึ่งพันมวนข้าวตอกใสกระทงหนึ่งพันกระทงธุงกระดาษ (ธงกระดาษ) หนึ่งพันธง
6. การจัดเตรียมสถานที่ที่จะเอาบุญผะเหวด

61 บนศาลาโรงธรรมตั้งธรรมมาสน์ไว้กลางศาลาโดยรอบนั้นจัดตั้ง "ธุงไซ" (ธงชัย) ไว้ทั้งแปดทิศและจุดที่ตั้ง "ธุงไซ" แต่ละต้นจะต้องมี "เสดถะสัต" (เศวตฉัตร) "ผ่านตาเว็น" (บังสูรย์) "บั้งดอกไม้" สําหรับใส่ดอกไม้แห่งซึ่งส่วนมากทําจากต้นโสนและใส้ "ธุงหัวคีบ" นอกจากนี้ที่บั้งดอกไม้ยังปีกนกปีกปลาซึ่งสานจากใบมะพร้าวหรือใบตาลไว้อีกจํานวนหนึ่งและตั้งโอ่งน้ำไว้ 5 โอ่ง 5 สระในหม้อน้ำใส่จอกแหน (แหนคือสาหร่าย) กุ้งเหนี่ยวปลาปูหอยปลูกต้นบัวในบ่อให้ใบบัวและดอกบัวลอยยิ่งดีรวมทั้งจะต้องจัดให้มีเครื่องสักการะบูชาคาถาพันและขันหมากเบ็งวางไว้ตามมุมธรรมาสน์ณจุดที่วางหม้อน้ำ โดยนําเอาต้นอ้อยต้นกล้วยมามัดตามเสาทุกต้นและขึงด้ายสายสิญจน์รอบศาลาทําราวไม้ไผ่สูงเหนือศรีษะประมาณหนึ่งศอกเพื่อเอาไว้เสียบดอกไม้แห่งต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่ห้อยนกปลาตะเพียน ๆ (เพกา) ร้อยด้วยเส้นด้ายยาวเป็นสายนําไปแขวนเป็นระยะและถ้าหากดอกไม้แห่งอื่นไม้ได้ก็จะใช้เส้นด้ายชุบแป้งเป็ยกแล้วนําไปคลุกกับเมล็ดข้าวสาร ด้านทิศตะวันออกของศาลาโรงธรรมต้องปลูก "หออุปคุต" โดยใช้ไม้ไผ่ทําเป็นเสาสี่ต้นสูงเพียงตาหออุปคุตนี้เป็นสมมติว่าจะเชิญพระอุปคุตมาประทับเพื่อปราบมารที่จะมาขัดขวางการทําบุญ
62 บริเวณรอบศาลาโรงธรรมก็ปัก "ธุงไซ" ขนาดใหญ่ 8 ซุงปักไว้ตามทิศทั้งแปดซึ่งแต่ละหลักธุงจะปัก "กรวยไม้ไผ่สําหรับใส่ข้าวพันก้อน" "เสดถะสัด" (เศวตฉัตร) และ "ผ่านตาเว็น" (บังสูรย์) "ขันดอกไม้" เช่นเดียวกับบนศาลาโรงธรรม ณจุดเเดียวกับที่ปัก "ธุงไซ" อีก 14-15 ด้วยครั้งถึงเวลาประมาณนาฬิกาของมื้อโฮมหรือวันรวมผู้เฒ่าผู้แก่จะพากันนําเครื่องสักการะบูชาประกอบด้วยขันห้าขนแปดบาตรจีวรร่มกระโถนกาน้ำ เป็นบึงหนองแม่น้ำอ่างเก็บน้ำ (ที่อยู่ใกล้วัด) เมื่อไปถึงผู้เป็นประธานจะตั้งนะโมขึ้น 3 จบกล่าว "สัคเค" เชิญเทวดามาเป็นพยาน 1600-17.00 น.ของมื้อโฮมพิธีกรรมก่อนแห่เมื่อถึงเวลาแห่ผู้เป็นประธานจะนําญาติโยม (ที่มาพร้อมกันในบริเวณชายปาที่ถูกสมมติให้เป็นป่าหิมพานต์) ไหว้พระรับศีลและฟังเทศน์
การเทศน์ณจุดนี้เป็นการเทศน์จบแล้วก็จะลั่นฆ้องจัดขบวนแห่ผะเหวดเข้าเมืองเดินผ่านหมู่บ้านเข้าสู่วัดแล้วแห่เวียนขวารอบศา
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
เดือนสี่บุญผะเหวด"บุญผะเหวด" "บุญพระเวส" หรือพระเวสสันดร หากผู้ใดได้ฟังเทศน์เรื่องพระเวสสันดรทั้ง 13 กัณฑ์จบภายในวันเดียว บุญผะเหวดนี้จะทําติดต่อกันสามวันวันแรกจัดเตรียมสถานที่ตกแต่ง โดยการแห่ผ้าผะเหวด ซึ่งสมมติเป็นการแห่พระเวสสันดรเข้าสู่เมือง ส่วนวันที่สามเป็นบุญพิธีงาน พิธีจะมีไปจนค่ำชาวบ้านจะแห่แหน เวสสันดรชาดกจนจบและเทศน์ พระมาลัยว่า จงอย่าฆ่าพ่อตีแม่สมณพราหมณ์2 จงอย่าทําร้ายพระพุทธเจ้าและยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน3 ให้ตั้งใจฟังเทศน์เรื่อง มีการทําบุญผะเหวดซึ่งเป็นประจําทุกปีพิธีกรรม - การเตรียมงานที่ 1 แบ่งหนังสือนําหนังสือลําผะเหวดหรือลํามหาชาติ (หนังสือเรื่องพระเวสสันดรชาดก) ซึ่งมีจํานวน 13 กัณฑ์ (หรือ 13 ผูกใหญ่) แบ่งเป็นผูกเล็ก ๆ การใส่หนังสือนําหนังสือผูกเล็กที่แบ่งออกจากกัณฑ์ต่างๆ 13 ในหมู่บ้านอื่นที่อยู่ใกล้เคียงให้มาเทศน์ ตลอดจนบอกเจ้าศรัทธาผู้ที่จะเป็นเจ้าของกัณฑ์นั้น ๆ ไว้ด้วย3 การจัดแบ่งเจ้าศรัทธา ปัจจัยไทยทานไปถวายตามกัณฑ์ที่ตนเองรับผิดชอบชาวบ้านจะจัดแบ่งกันออกเป็นหมู่ ๆ โดยจะต้องจัดหาที่พักข้าวปลา การเตรียมสถานที่พัก "ปลูกผาม" หรือปะรําไว้รอบ ๆ บริเวณวัดเพื่อใช้ "เครื่องฮ้อยเครื่องพัน" หรือ "เครื่องบูชาคาถาพัน" ประกอบด้วยธูปหนึ่งพันดอกเทียนหนึ่งพันเล่มดอกบัวโป่ง (บัวหลวง) ดอกบัวแป้ (บัวผัน) ดอกบัวทอง (บัวสาย) ดอกผักตบและดอกก้างของ (ดอกปี บ) อย่างละหนึ่งพันดอกเมี่ยงหมากอย่างละหนึ่งพันคํามวนยาดูดหนึ่งพันมวนข้าวตอกใสกระทงหนึ่งพันกระทงธุงกระดาษ (ธงกระดาษ) หนึ่งพันธง6 การจัดเตรียมสถานที่ที่จะเอาบุญผะเหวด6.1 บนศาลาโรงธรรม "ธุงไซ" แปดทิศและจุด "ธุไซง" แต่ละต้นจะต้อง "เสดถะสัต" ที่ตั้งมี (เศวตฉัตร) "ผ่านตาเว็น" (บังสูรย์) (ธงชัย) ไว้ทั้ง "บั้งดอกไม้" สําหรับใส่ดอกไม้แห่งซึ่งส่วนมากทําจากต้นโสนและ "ธุงหัวคีบ" ใส้ หนึ่งและตั้งโอ่งน้ำไว้ 5 โอ่งรอบธรรมาสน์ซึ่งสมมติเป็นสระ 5 สระในหม้อน้ำใส่จอกแหน (แหนคือสาหร่าย) กุ้งเหนี่ยวปลาปูหอย ณ จุดที่วางหม้อน้ำ โดยนําเอาต้นอ้อยต้นกล้วยมามัดตามเสาทุกต้นและขึงด้ายสายสิญจน์รอบศาลา ๆ นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่ห้อยนกปลาตะเพียนและใช้เมล็ดแห่งของฝากลิ้นฟ้า (เพกา) ๆ และถ้าหากดอกไม้แห่งอื่นไม้ได้ "หออุปคุต" โดยใช้ไม้ไผ่ทําเป็นเสาสี่ต้นสูงเพียงตาหออุปคุตนี้เป็นสมมติว่าจะเชิญพระอุปคุตมาประทับ บริเวณรอบศาลาโรงธรรมก็ปัก "ธุงไซ" ขนาดใหญ่ 8 ซุงปักไว้ตามทิศทั้งแปดซึ่งแต่ละหลักธุง "กรวยไม้ไผ่สําหรับใส่ข้าวพันก้อน" จะปัก "เสดถะสัด" (เศวตฉัตร) "ผ่าน น "(บังสูรย์) และ" ขันดอกไม้ "เช่นเดียวกับบนศาลาโรงธรรมนอกจากนี้ก็ปักธุงช่อไว้ ณ จุดเเดียวกับที่ปัก" ธุ "ตาเว็งไซอีกด้วยครั้งถึงเวลาประมาณ 14-15 นาฬิกาของมื้อโฮมหรือวันรวม บูชาประกอบด้วยขันห้าขนแปดบาตรจีวรร่มกระโถนกาน้ำ เป็นบึงหนองแม่น้ำอ่างเก็บน้ำ (ที่อยู่ใกล้วัด) 3 จบกล่าว "สัคเค" เชิญเทวดามาเป็นพยาน 16.00-17.00 น ของมื้อโฮมพิธีกรรมก่อนแห่เมื่อถึงเวลาแห่ผู้เป็นประธานจะนําญาติโยม ไหว้พระรับศีลและฟังเทศน์เทศน์การ ณ จัดขบวนแห่ผะเหวดเข้าเมืองเดินผ่านหมู่บ้านเข้าสู่วัดแล้วแห่เวียนขวารอบศา






















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
เดือนสี่บุญผะเหวด

" บุญผะเหวด " เป็นสําเนียงชาวอีสานที่มาจากคําว่า " บุญพระเวส " หรือพระเวสสันดรเป็นประเพณีตามคติความเชื่อของชาวอีสานที่ว่าหากผู้ใดได้ฟังเทศน์เรื่องพระเวสสันดรทั้ง 13 กัณฑ์จบภายในวันเดียวบุญผะเหวดนี้จะทําติดต่อกันสามวันวันแรกจัดเตรียมสถานที่ตกแต่งศาลาการเปรียญวันที่สองเป็นวันเฉลิมฉลองพระเวสสันดรชาวบ้านร่วมทั้งพระภิกษุสงฆ์จากหมู่บ้านใกล้เคียงจะมาโดยการแห่ผ้าผะเหวด ( ผ้าผืนยาวเขียนภาพเล่าเรื่องพระเวสสันดร ) ซึ่งสมมติเป็นการแห่พระเวสสันดรเข้าสู่เมืองเมื่อถึงเวลาค่ำจะมีเทศน์เรื่องพระมาลัยส่วนวันที่สามเป็นงานบุญพิธีพิธีจะมีไปจนค่ำชาวบ้านจะแห่แหนฟ้อนรําตั้งขบวนเรียงรายตั้งกัณฑ์มาถวายอานิสงฆ์อีกกัณฑ์หนึ่งจึงเสร็จพิธมูลเหตุของพิธีกรรมพระสงฆ์จะเทศน์เรื่องเวสสันดรชาดกจนจบและเทศน์ครั้งหนึ่งพระมาลัยเถระได้ขึ้นไปไหว้พระธาตุเกษแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และได้พบปะสนทนากับพระศรีอริยเมนไตยผู้ที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตและพระศรีอริยเมตไตยได้สั่งความมากับพระมาลัยว่า
1 จงอย่าฆ่าพ่อตีแม่สมณพราหมณ์
2 จงอย่าทําร้ายพระพุทธเจ้าและยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน
3ให้ตั้งใจฟังเทศน์เรื่องพระเวสสันดรให้จบในวันเดียวด้วยเหตุที่ชาวอีสานต้องการจะได้พบพระศรีอริยเมตไตยและเกิดร่วมศาสนาของพระองค์จึงมีการทําบุญผะเหวดซึ่งเป็นประจําทุกปี
พิธีกรรม - การเตรียมงาน

1แบ่งหนังสือนําหนังสือลําผะเหวดหรือลํามหาชาติ ( หนังสือเรื่องพระเวสสันดรชาดก ) ซึ่งมีจํานวน 13 กัณฑ์ ( ค็อค 13 ผูกใหญ่ ) แบ่งเป็นผูกเล็กๆเท่ากับจํานวนพระเณรที่จะนิมนต์มาเทศน์ในคราวนั้นๆ

2การใส่หนังสือนําหนังสือผูกเล็กที่แบ่งออกจากกัณฑ์ต่างๆ 13 กัณฑ์ไปนิมนต์พระเณรทั้งวัดในหมู่บ้านตนเองและจากวัดในหมู่บ้านอื่นที่อยู่ใกล้เคียงให้มาเทศน์โดยจะมีใบฎีกาบอกรายละเอียดวันเวลาเทศน์ผู้ที่จะเป็นเจ้าของกัณฑ์นั้นๆไว้ด้วย

3การจัดแบ่งเจ้าศรัทธาเพื่อพระเณรท่านเทศน์จบในแต่ละกัณฑ์ผู้เป็นเจ้าศรัทธาก็จะนําเครื่องปัจจัยไทยทานไปถวายตามกัณฑ์ที่ตนเองรับผิดชอบชาวบ้านจะจัดแบ่งกันออกเป็นหมู่ๆเพื่อรับเป็นเจ้าศรัทธากัณฑ์เทศร่วมกันอาหารไว้คอยเลี้ยงต้อนรับญาติโยมที่ติดตามพระเณรจากหมู่บ้านอื่นเพื่อมาเทศน์ผะเหวดครั้งนี้ด้วย

4การเตรียมสถานที่พักพวกชาวบ้านจะพากันทําความสะอาดบริเวณวัดแล้วช่วยกัน " ปลูกผาม " หรือปะรําไว้รอบๆบริเวณวัดเพื่อใช้เป็นที่ต้องรับพระเณรและญาติโยมผู้ติดตามพระเณรจากหมู่บ้านอื่น
5การจัดเครื่องกิริยาบูชาหรือเครื่องครุพันในการทําบุญผะเหวดนั้นชาวบ้านต้องเตรียม " เครื่องฮ้อยเครื่องพัน " ค็อค " เครื่องบูชาคาถาพัน " ประกอบด้วยธูปหนึ่งพันดอกเทียนหนึ่งพันเล่มดอกบัวโป่ง ( บัวหลวง ) ดอกบัวแป้ดอกบัวทอง ( บัวสาย ) ดอกผักตบและดอกก้างของ ( ดอกปีบ ) อย่างละหนึ่งพันดอกเมี่ยงหมากอย่างละหนึ่งพันคํามวนยาดูดหนึ่งพันมวนข้าวตอกใสกระทงหนึ่งพันกระทงธุงกระดาษ ( ธงกระดาษ ) หนึ่งพันธง
6 . การจัดเตรียมสถานที่ที่จะเอาบุญผะเหวด

61 บนศาลาโรงธรรมตั้งธรรมมาสน์ไว้กลางศาลาโดยรอบนั้นจัดตั้ง " ธุงไซ " ( ธงชัย ) ไว้ทั้งแปดทิศและจุดที่ตั้ง " ธุงไซ " แต่ละต้นจะต้องคอนโด " เสดถะสัต " ( เศวตฉัตร ) " ผ่านตาเว็น " ( บังสูรย์ )" บั้งดอกไม้ " สําหรับใส่ดอกไม้แห่งซึ่งส่วนมากทําจากต้นโสนและใส้ " ธุงหัวคีบ " นอกจากนี้ที่บั้งดอกไม้ยังปีกนกปีกปลาซึ่งสานจากใบมะพร้าวหรือใบตาลไว้อีกจํานวนหนึ่งและตั้งโอ่งน้ำไว้ 5 โอ่ง5 สระในหม้อน้ำใส่จอกแหน ( แหนคือสาหร่าย ) กุ้งเหนี่ยวปลาปูหอยปลูกต้นบัวในบ่อให้ใบบัวและดอกบัวลอยยิ่งดีรวมทั้งจะต้องจัดให้มีเครื่องสักการะบูชาคาถาพันและขันหมากเบ็งวางไว้ตามมุมธรรมาสน์ณจุดที่วางหม้อน้ำโดยนําเอาต้นอ้อยต้นกล้วยมามัดตามเสาทุกต้นและขึงด้ายสายสิญจน์รอบศาลาทําราวไม้ไผ่สูงเหนือศรีษะประมาณหนึ่งศอกเพื่อเอาไว้เสียบดอกไม้แห่งต่างจะนอกจากนี้ยังใช้เป็นที่ห้อยนกปลาตะเพียน( เพกา ) ร้อยด้วยเส้นด้ายยาวเป็นสายนําไปแขวนเป็นระยะจะและถ้าหากดอกไม้แห่งอื่นไม้ได้ก็จะใช้เส้นด้ายชุบแป้งเป็ยกแล้วนําไปคลุกกับเมล็ดข้าวสารด้านทิศตะวันออกของศาลาโรงธรรมต้องปลูก " หออุปคุต " โดยใช้ไม้ไผ่ทําเป็นเสาสี่ต้นสูงเพียงตาหออุปคุตนี้เป็นสมมติว่าจะเชิญพระอุปคุตมาประทับเพื่อปราบมารที่จะมาขัดขวางการทําบุญ
62 บริเวณรอบศาลาโรงธรรมก็ปัก " ธุงไซ " ขนาดใหญ่ 8 ซุงปักไว้ตามทิศทั้งแปดซึ่งแต่ละหลักธุงจะปัก " กรวยไม้ไผ่สําหรับใส่ข้าวพันก้อน " เสดถะสัด " ( เศวตฉัตร ) " ผ่านตาเว็น " ( บังสูรย์ ) และ " ขันดอกไม้ " เช่นเดียวกับบนศาลาโรงธรรมณจุดเเดียวกับที่ปัก " ธุงไซ " อีกด้วยครั้งถึงเวลาประมาณ 14-15 นาฬิกาของมื้อโฮมหรือวันรวมผู้เฒ่าผู้แก่จะพากันนําเครื่องสักการะบูชาประกอบด้วยขันห้าขนแปดบาตรจีวรร่มกระโถนกาน้ำเป็นบึงหนองแม่น้ำอ่างเก็บน้ำ ( ที่อยู่ใกล้วัด ) เมื่อไปถึงผู้เป็นประธานจะตั้งนะโมขึ้น 3 จบกล่าว " สัคเค " เชิญเทวดามาเป็นพยาน16 .00-17.00 น . ของมื้อโฮมพิธีกรรมก่อนแห่เมื่อถึงเวลาแห่ผู้เป็นประธานจะนําญาติโยม ( ที่มาพร้อมกันในบริเวณชายปาที่ถูกสมมติให้เป็นป่าหิมพานต์ ) ไหว้พระรับศีลและฟังเทศน์
การเทศน์ณจุดนี้เป็นการเทศน์จบแล้วก็จะลั่นฆ้องจัดขบวนแห่ผะเหวดเข้าเมืองเดินผ่านหมู่บ้านเข้าสู่วัดแล้วแห่เวียนขวารอบศา
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: