โดยในช่วง 3 ปีจากนี้วางเป้าหมายขยาย

โดยในช่วง 3 ปีจากนี้วางเป้าหมายขยายการทำตลาดแบรนด์เถ้าแก่น้อย ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในประเทศจีน โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 2.5 ล้านแผ่นต่อวัน เป็น 3.5 ล้านแผ่นต่อวัน ใช้เงินลงทุนด้านเครื่องจักรรวม 150 ล้านบาท
ส่วนแผนดำเนินธุรกิจในระยะ 7-8 ปีต่อมา จะขยายตลาดไปยังยุโรปและสหรัฐ ซึ่งเป็นภูมิภาคสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เถ้าแก่น้อย ก้าวขึ้นแท่นผู้นำสแน็กสาหร่ายในตลาดโลก ซึ่งบริษัทต้องสร้างพฤติกรรมการบริโภคสาหร่ายให้เป็นเซ็กเมนท์ใหม่ในตลาดสแน็ก ให้กับผู้บริโภค เพื่อเข้าไปแข่งขันกับตลาดมันฝรั่งทอด
"แผนการรุกตลาดต่างประเทศ เป็นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อย เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดสแน็กสาหร่าย เช่นเดียวกับแบรนด์เรดบลูที่มีคนรู้จักทั่วโลก"นายอิทธิพัทธ์กล่าว
ในปีนี้บริษัทยังได้เตรียมงบประมาณสำหรับทำตลาดในประเทศราว 200 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์ไอดอล มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการนำศิลปินนักร้องชื่อดังวง 2PM จากประเทศเกาหลี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อรักษากลุ่มเป้าหมายหลักวัยรุ่นที่นิยมศิลปินเกาหลี รวมถึงเป็นกลยุทธ์นำร่องสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในเอเชีย
การดำเนินการของเถ้าแก่น้อย ตั้งแต่การออกสินค้าใหม่ทุก 3 เดือน การขยายช่องทางจำหน่ายให้ทั่วถึง เป็นแรงส่งให้แบรนด์เถ้าแก่น้อยบรรลุความต้องการที่อิทธิพัทธ์ ตั้งใจไว้
ความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดคือ การใส่ควมเป็นเกาหลีลงไปในสาหร่ายเถ้าแก่น้อย จนทำให้ตลาดสาหร่ายที่เคยรับรู้กันว่าเป็นสินค้าจากญี่ปุ่น และได้รับอิทธิพลของอาหารญี่ปุ่น กลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรม K-pop ไปในที่สุด
เขาบอกว่า สาหร่ายเถ้าแก่น้อยยุคแรก เทรนด์เกาหลียังไม่ได้รับความนิยม จึงเน้นไปที่ญี่ปุ่น แต่ขณะนี้ต้องเทรนด์เกาหลี ก็เลยนำความเป็นเกาหลีมาใส่ในสินค้า เพื่อเปิดตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ขึ้นมา
“กลุ่มที่สนใจเกาหลีจะมีอายุระหว่าง 10 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มนักเรียน และกลุ่มนี้อนาคตก็จะเป็นลูกค้าของเถ้าแก่น้อย”
อิทธิพัทธ์ปั้นลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้น สร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยให้เป็นที่รู้จัก ตั้งแต่ผู้บริโภคเริ่มเติบโต และหวังผลว่าเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น จะมีแบรนด์เถ้าแก่น้อยอยู่ในความทรงจำ
การสร้างให้สินค้าเป็นเกาหลี ก็ผ่านทางพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นวง BEAST 6 หนุ่มบอยแบนด์ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ และสิ่งที่อิทธิพัทธ์คิดไว้ก็เป็นไปตามนั้น ศิลปินจากเกาหลีทำให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยมีกลิ่นอายเกาหลีตามที่ต้องการ
แม้แต่คู่แข่งรายใหม่อย่างสิงห์ ก็เดินตามแนวทางเถ้าแก่น้อย ด้วยการใส่ความเป็นเกาหลีไปในสาหร่ายของตัวเองด้วย โดยใช้วง ซุปเปอร์จูเนียร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ล้านบาทโดยในช่วง 3 ปีจากนี้วางเป้าหมายขยายการทำตลาดแบรนด์เถ้าแก่น้อยก้าวขึ้นเป็นผู้นำในประเทศจีนโดยจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 2.5 ล้านแผ่นต่อวันเป็น 3.5 ล้านแผ่นต่อวันใช้เงินลงทุนด้านเครื่องจักรรวม 1507-8 ส่วนแผนดำเนินธุรกิจในระยะปีต่อมาจะขยายตลาดไปยังยุโรปและสหรัฐซึ่งเป็นภูมิภาคสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เถ้าแก่น้อยก้าวขึ้นแท่นผู้นำสแน็กสาหร่ายในตลาดโลกซึ่งบริษัทต้องสร้างพฤติกรรมการบริโภคสาหร่ายให้เป็นเซ็กเมนท์ใหม่ในตลาดสแน็กให้กับผู้บริโภคเพื่อเข้าไปแข่งขันกับตลาดมันฝรั่งทอดนายอิทธิพัทธ์กล่าว "แผนการรุกตลาดต่างประเทศเป็นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยเพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดสแน็กสาหร่ายเช่นเดียวกับแบรนด์เรดบลูที่มีคนรู้จักทั่วโลก"ในปีนี้บริษัทยังได้เตรียมงบประมาณสำหรับทำตลาดในประเทศราว 200 ล้านบาทภายใต้กลยุทธ์ไอดอลมาร์เก็ตติ้งด้วยการนำศิลปินนักร้องชื่อดังวง 2 PM จากประเทศเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อรักษากลุ่มเป้าหมายหลักวัยรุ่นที่นิยมศิลปินเกาหลีรวมถึงเป็นกลยุทธ์นำร่องสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในเอเชียการดำเนินการของเถ้าแก่น้อยตั้งแต่การออกสินค้าใหม่ทุก 3 เดือนการขยายช่องทางจำหน่ายให้ทั่วถึงเป็นแรงส่งให้แบรนด์เถ้าแก่น้อยบรรลุความต้องการที่อิทธิพัทธ์ตั้งใจไว้ความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดคือการใส่ควมเป็นเกาหลีลงไปในสาหร่ายเถ้าแก่น้อยจนทำให้ตลาดสาหร่ายที่เคยรับรู้กันว่าเป็นสินค้าจากญี่ปุ่นและได้รับอิทธิพลของอาหารญี่ปุ่นกลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมเค-ป๊อปไปในที่สุดเขาบอกว่าสาหร่ายเถ้าแก่น้อยยุคแรกเทรนด์เกาหลียังไม่ได้รับความนิยมจึงเน้นไปที่ญี่ปุ่นแต่ขณะนี้ต้องเทรนด์เกาหลีก็เลยนำความเป็นเกาหลีมาใส่ในสินค้าเพื่อเปิดตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ขึ้นมา"กลุ่มที่สนใจเกาหลีจะมีอายุระหว่าง 10 ปีขึ้นไปเป็นกลุ่มนักเรียนและกลุ่มนี้อนาคตก็จะเป็นลูกค้าของเถ้าแก่น้อย"อิทธิพัทธ์ปั้นลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยให้เป็นที่รู้จักตั้งแต่ผู้บริโภคเริ่มเติบโตและหวังผลว่าเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นจะมีแบรนด์เถ้าแก่น้อยอยู่ในความทรงจำการสร้างให้สินค้าเป็นเกาหลีก็ผ่านทางพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นวงสัตว์ 6 หนุ่มบอยแบนด์ที่กำลังมาแรงในยุคนี้และสิ่งที่อิทธิพัทธ์คิดไว้ก็เป็นไปตามนั้นศิลปินจากเกาหลีทำให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยมีกลิ่นอายเกาหลีตามที่ต้องการแม้แต่คู่แข่งรายใหม่อย่างสิงห์ก็เดินตามแนวทางเถ้าแก่น้อยด้วยการใส่ความเป็นเกาหลีไปในสาหร่ายของตัวเองด้วยโดยใช้วงซุปเปอร์จูเนียร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยในช่วง 3 ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในประเทศจีนโดย จะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 2.5 ล้านแผ่นต่อวันเป็น 3.5 ล้านแผ่นต่อวันใช้เงินลงทุนด้าน เครื่องจักรรวม 150 บาทล้าน
ส่วนแผนดำเนินธุรกิจในห้างหุ้นส่วนจำกัดระยะ 7-8 ปีต่อมาจะขยายตลาดไป ยังยุโรปและสหรัฐ ให้กับผู้บริโภค 200 ล้านบาทภายใต้กลยุทธ์ไอดอ ลมาร์เก็ตติ้งด้วยการนำศิลปินนักร้องชื่อดังวง 02:00 จากประเทศเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตั้งแต่การออกสินค้าใหม่ทุก 3 เดือนการขยายช่องทางจำหน่ายให้ทั่วถึง และได้รับอิทธิพลของอาหารญี่ปุ่นกลาย มาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรม K-pop ในห้างหุ้นส่วนจำกัดที่สุดไปเขานี่เพื่อดูรูปภาพว่าได้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยตั้งขึ้นยุคแรกเทรนด์เกาหลียังไม่ได้รับความสามารถนิยมจึงเน้นไปที่ญี่ปุ่น แต่ขณะนี้คุณต้องเทรนด์เกาหลี 10 ปีขึ้นไปเป็นกลุ่มนักเรียน ตั้งแต่ผู้บริโภคเริ่มเติบโตและหวังผล ว่าเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น ก็ผ่านทางพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นวง BEAST 6 ก็เดินตามแนวทางเถ้าแก่น้อย โดยใช้วงซุปเปอร์จูเนียร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดยในช่วง 3 ปีจากนี้วางเป้าหมายขยายการทำตลาดแบรนด์เถ้าแก่น้อยก้าวขึ้นเป็นผู้นำในประเทศจีนโดยจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 2.5 ล้านแผ่นต่อวันเป็นล้านแผ่นต่อวันใช้เงินลงทุนด้านเครื่องจักรรวม 150 ล้านบาท 3.5ส่วนแผนดำเนินธุรกิจในระยะ 7-8 ปีต่อมาจะขยายตลาดไปยังยุโรปและสหรัฐซึ่งเป็นภูมิภาคสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เถ้าแก่น้อยก้าวขึ้นแท่นผู้นำสแน็กสาหร่ายในตลาดโลกซึ่งบริษัทต้องสร้างพฤติกรรมการบริโภคสาหร่ายให้เป็นเซ็กเมนท์ใหม่ในตลาดสแน็กให้กับผู้บริโภคเพื่อเข้าไปแ ข่งขันกับตลาดมันฝรั่งทอด" แผนการรุกตลาดต่างประเทศเป็นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยเพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดสแน็กสาหร่ายเช่นเดียวกับแบรนด์เรดบลูที่มีคนรู้จักทั่วโลก " นายอิทธิพัทธ์กล่าวในปีนี้บริษัทยังได้เตรียมงบประมาณสำหรับทำตลาดในประเทศราว 200 ล้านบาทภายใต้กลยุทธ์ไอดอลมาร์เก็ตติ้งด้วยการนำศิลปินนักร้องชื่อดังวง 2PM จากประเทศเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อรักษากลุ่มเป้าหมายหลักวัยรุ่นที่นิยมศิลปินเกาหลีรวมถึงเป็นกลยุทธ์นำร่องสร้างแบรนด์ ให้เป็นที่รู้จักในเอเชียการดำเนินการของเถ้าแก่น้อยตั้งแต่การออกสินค้าใหม่ทุก 3 เดือนการขยายช่องทางจำหน่ายให้ทั่วถึงเป็นแรงส่งให้แบรนด์เถ้าแก่น้อยบรรลุความต้องการที่อิทธิพัทธ์ตั้งใจไว้ความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดคือการใส่ควมเป็นเกาหลีลงไปในสาหร่ายเถ้าแก่น้อยจนทำให้ตลาดสาหร่ายที่เคยรับรู้กันว่าเป็นสินค้าจากญี่ปุ่นและได้รับอิทธิพลของอาหารญี่ปุ่นกลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรม K-POP ไปในที่สุดเขาบอกว่าสาหร่ายเถ้าแก่น้อยยุคแรกเทรนด์เกาหลียังไม่ได้รับความนิยมจึงเน้นไปที่ญี่ปุ่นแต่ขณะนี้ต้องเทรนด์เกาหลีก็เลยนำความเป็นเกาหลีมาใส่ในสินค้าเพื่อเปิดตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ขึ้นมา" กลุ่มที่สนใจเกาหลีจะมีอายุระหว่าง 10 ปีขึ้นไปเป็นกลุ่มนักเรียนและกลุ่มนี้อนาคตก็จะเป็นลูกค้าของเถ้าแก่น้อย "อิทธิพัทธ์ปั้นลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยให้เป็นที่รู้จักตั้งแต่ผู้บริโภคเริ่มเติบโตและหวังผลว่าเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้