In 1885, Sir William Crookes carrie

In 1885, Sir William Crookes carried out a series of investigations into the behaviour of metals heated in a vacuum. The experiment of Crookes and others showed that a heated cathode produced a stream of radiation, which could cause gases at low pressure to glow and which made other substances emit light. The radiation emitted from the cathode was given the name 'Cathode rays'. By mid-nineties it was known that these rays could be deflected by a magnetic field and they carried a negative charge. Some scientists felt that these rays were waves and others were inclined to think they were particles.

In 1897, J. J. Thomson showed that the stream of radiation were indeed particles called electrons. He conducted the famous discharge tube experiment, by passing electricity at high voltage through a gas at low pressure.
A common discharge tube is a long glass tube having two metal plates, sealed at its two ends as electrodes. It has a side tube through which air can be pumped out by using a vacuum pump, so that experiments can be performed at low pressure.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 1885, Sir William Crookes ดำเนินชุดสืบสวนไปพฤติกรรมของโลหะที่ร้อนในสุญญากาศ ทดลอง Crookes และอื่น ๆ พบว่า แคโทดอุ่นผลิตกระแสรังสี ซึ่งอาจทำให้เกิดก๊าซที่ความดันต่ำการเรืองแสง และการทำสารอื่นฉาย รังสีที่เปล่งออกมาจากแคโทดได้รับชื่อ 'แคโทดรังสี' โดยกลาง nineties มันถูกเรียกว่า รังสีเหล่านี้สามารถเป็น deflected โดยสนามแม่เหล็ก และจะดำเนินการให้ประจุลบ นักวิทยาศาสตร์บางคนรู้สึกว่า รังสีเหล่านี้ถูกคลื่น และคนอื่นไม่อยากคิดว่า พวกอนุภาคใน 1897 เจเจทอมสันพบว่ากระแสของรังสีได้จริงเรียกว่าอิเล็กตรอนอนุภาค เขาดำเนินการมีชื่อเสียงจำหน่ายหลอดทดลอง โดยส่งกระแสไฟฟ้าที่แรงดันสูงผ่านก๊าซที่ความดันต่ำหลอดจำหน่ายทั่วไปเป็นหลอดแก้วยาวมีสองแผ่นโลหะ ปิดผนึกที่ปลายทั้งสองเป็นหุงต มันมีท่อข้างที่ที่อากาศสามารถถูกสูบออกโดยปั๊มสุญญากาศ เพื่อให้สามารถดำเนินการทดลองที่ความดันต่ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 1885 เซอร์วิลเลียม Crookes ดำเนินการชุดสืบสวนลงไปในพฤติกรรมของโลหะร้อนในสูญญากาศ การทดลองของ Crookes และอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าแคโทดอุ่นผลิตกระแสของรังสีซึ่งอาจก่อให้เกิดก๊าซที่ความดันต่ำและเรืองแสงซึ่งทำให้สารอื่น ๆ ที่เปล่งแสง รังสีที่ปล่อยออกมาจากแคโทดได้รับชื่อของรังสีแคโทด ' โดยในช่วงกลางยุคมันเป็นที่รู้จักกันว่ารังสีเหล่านี้อาจจะเบี่ยงเบนโดยสนามแม่เหล็กและพวกเขาดำเนินการประจุลบ นักวิทยาศาสตร์บางคนรู้สึกว่ารังสีเหล่านี้เป็นคลื่นและอื่น ๆ มีแนวโน้มที่จะคิดว่าพวกเขาอนุภาค. ในปี 1897 เจเจทอมสันแสดงให้เห็นว่ากระแสของการฉายรังสีเป็นจริงที่เรียกว่าอนุภาคอิเล็กตรอน เขาทำการทดลองปล่อยหลอดที่มีชื่อเสียงด้วยการส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ผ่านก๊าซที่ความดันต่ำ. หลอดปล่อยร่วมกันเป็นหลอดแก้วยาวมีสองแผ่นโลหะปิดผนึกที่ปลายทั้งสองข้างของมันเป็นขั้วไฟฟ้า แต่ก็มีหลอดด้านที่อากาศสามารถสูบออกโดยใช้ปั๊มสุญญากาศเพื่อให้การทดลองสามารถดำเนินการที่ความดันต่ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใน 1885 , เซอร์ วิลเลียม ครูกส์ดำเนินการชุดของการสอบสวนในพฤติกรรมของโลหะอุ่นในสูญญากาศ การทดลองของครูกและคนอื่น ๆพบว่าแคโทดร้อนผลิตกระแสของรังสี ซึ่งอาจก่อให้เกิดก๊าซที่ความดันต่ำ ซึ่งทำให้การ เรืองแสง และสารอื่น ๆเปล่งแสง รังสีที่ปล่อยออกมาจากแคโทดได้รับชื่อ ' ' รังสีแคโทด