Specific immunityActive and passive

Specific immunity
Active and passive immunity
There are two basic mechanisms for acquiring immunity - active and passive.

Active immunity is protection that is produced by the person’s own immune system. This type of immunity is usually permanent.

Passive immunity is protection by products produced by an animal or human, and transferred to another human, usually by injection. Passive immunity often provides effective protection, but this protection wanes (disappears) with time, usually a few weeks or months.

Passive immunity is the transfer of antibody produced by one human or other animal to another. Passive immunity provides protection against some infections, but this protection is temporary. The antibodies will degrade during a period of weeks to months and the recipient will no longer be protected. The most common form of passive immunity is that which an infant receives from its mother. Antibodies are transported across the placenta during the last 1-2 months of pregnancy. These antibodies will protect the infant from certain diseases for up to a year. Protection is better against some diseases (e.g., measles, rubella, tetanus) than others (e.g., polio, pertussis).
Active immunity is stimulation of the immune system to produce antigen-specific humoral (antibody) and cellular immunity. Unlike passive immunity, which is temporary, active immunity usually lasts for many years, often for a lifetime. One way to acquire active immunity is to have the natural disease. In general, once persons recover from an infectious disease, they will be immune to those diseases for the rest of their lives. Pertussis is an exception.

The persistence of protection for many years after the infection is known as immunologic memory. Following exposure of the immune system to an antigen, certain cells (memory B-cells) continue to circulate in the blood (and also reside in the bone marrow) for many years. Upon re-exposure to the antigen, these memory cells begin to replicate and produce antibody very rapidly to re-establish protection.
Another way to produce active immunity is by vaccination. Vaccines interact with the immune system and often produce an immune response similar to that produced by the natural infection, but do not subject the recipient to the disease and its potential complications. Vaccines produce immunologic memory similar to that acquired by having the natural disease.

Many factors may influence the immune response to vaccination. These include the presence of maternal antibody, nature and dose of antigen, route of administration, and the presence of adjuvants (e.g., aluminum-containing materials added to improve the immunogenicity of the vaccine). Host factors such as age, nutritional factors, genetics, prolonged psychological stress and coexisting disease, may also affect the response.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ภูมิคุ้มกันที่เฉพาะเจาะจงภูมิคุ้มกัน และป้องกันมีสองกลไกพื้นฐานในการรับภูมิคุ้มกัน - active และ passiveภูมิคุ้มกันทำงานเป็นการป้องกันที่ผลิต โดยระบบภูมิคุ้มกันของบุคคล การสร้างภูมิคุ้มกันชนิดนี้เป็นแบบถาวรมักจะภูมิคุ้มกันติดตัวเป็นการป้องกัน โดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิต โดยมนุษย์หรือสัตว์ และโอนย้ายไปที่อื่นมนุษย์ มักจะ โดยการฉีด ภูมิคุ้มกันติดตัวมักจะให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพ แต่การป้องกันนี้ในข่าว (หายไป) กับเวลา โดยปกติกี่สัปดาห์หรือเดือนภูมิคุ้มกันติดตัวคือ การถ่ายโอนของแอนติบอดีที่ผลิต โดยหนึ่งมนุษย์หรือสัตว์อื่น ๆ ไปอีก เรื่อย ๆ ภูมิคุ้มกันช่วยป้องกันการติดเชื้อบางอย่าง แต่การป้องกันนี้ชั่วคราว แอนติบอดีที่จะลดช่วงของสัปดาห์เดือน และผู้รับจะไม่ถูกป้องกัน แบบทั่วไปของภูมิคุ้มกันติดตัวเป็นสิ่งที่ทารกได้รับจากแม่ แอนติบอดีที่มีการขนส่งข้ามรกในช่วง 1-2 เดือนของการตั้งครรภ์ แอนติบอดีเหล่านี้จะช่วยป้องกันทารกจากโรคบางอย่างสำหรับถึงหนึ่งปี การป้องกันดีกว่าบางโรค (เช่น โรคหัด หัดเยอรมัน บาดทะยัก) กว่าคนอื่น ๆ (เช่น โรคโปลิโอ pertussis)ภูมิคุ้มกันทำงานคือการ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในการผลิตเฉพาะ antigen humoral (แอนติบอดี) และเซลล์ภูมิคุ้มกัน ซึ่งแตกต่างจาก passive ภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นชั่วคราว งานภูมิคุ้มกันระยะกินเวลาหลายปี สำหรับอายุการใช้งานบ่อย วิธีหนึ่งที่ได้รับภูมิคุ้มกันทำงานคือโรคธรรมชาติ ทั่วไป เมื่อท่านกู้คืนจากโรคการติดเชื้อ พวกเขาจะภูมิคุ้มกันโรคเหล่านั้นที่เหลือของชีวิตของพวกเขา Pertussis เป็นข้อยกเว้นความคงทนของการป้องกันสำหรับหลายปีหลังจากการติดเชื้อเรียกว่าหน่วยความจำ immunologic ต่อไปนี้ของระบบภูมิคุ้มกันการสัมผัส antigen การ บางเซลล์ (B-เซลล์หน่วยความจำ) ต่อการไหลเวียนเลือด (และยัง อยู่ในไขกระดูก) หลายปี เมื่อ re-สัมผัสกับ antigen เซลล์หน่วยความจำเหล่านี้เริ่มที่จะทำซ้ำ และผลิตแอนติบอดีอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันสร้างใหม่อีกวิธีในการผลิตภูมิคุ้มกันทำงานคือการฉีดวัคซีน วัคซีนโต้ตอบกับระบบภูมิคุ้มกัน และมักจะผลิตการตอบสนองภูมิคุ้มกันที่ผลิต โดยเชื้อธรรมชาติ แต่เรื่องผู้รับโรคและภาวะแทรกซ้อนของ วัคซีนผลิต immunologic หน่วยความจำได้มา โดยโรคธรรมชาติหลายปัจจัยอาจมีอิทธิพลต่อการตอบสนองภูมิคุ้มกันต่อวัคซีน เหล่านี้รวมถึงการปรากฏตัวของมารดาแอนติบอดี ธรรมชาติ และปริมาณของ antigen เส้นทางของการจัดการ และการปรากฏตัวของ adjuvants (เช่น อลูมิเนียมที่ประกอบด้วยวัสดุเพิ่ม immunogenicity วัคซีนปรับปรุง) โฮสต์หลายปัจจัยเช่นอายุ ปัจจัยทางโภชนาการ พันธุศาสตร์ เครียดเป็นเวลานาน และ โรคอยู่ร่วมกัน อาจมีผลต่อการตอบสนอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ภูมิคุ้มกันเฉพาะ
ที่ใช้งานและภูมิคุ้มกันเรื่อย ๆ
มีสองกลไกพื้นฐานสำหรับการแสวงหาภูมิคุ้มกันมี. - ใช้งานและ passive

ภูมิคุ้มกันที่ใช้งานคือการป้องกันที่ผลิตโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตัวเอง ประเภทของภูมิคุ้มกันนี้มักจะถาวร.

ภูมิคุ้มกันแบบ Passive คือการป้องกันโดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากสัตว์หรือมนุษย์และโอนไปยังคนอื่นมักจะโดยการฉีด ภูมิคุ้มกันเรื่อย ๆ มักจะให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพ แต่การป้องกันนี้เลน (หายไป) มีเวลามักจะไม่กี่สัปดาห์หรือเป็นเดือน.

ภูมิคุ้มกันแบบ Passive คือการถ่ายโอนของแอนติบอดีที่ผลิตโดยคนหนึ่งคนหรือสัตว์อื่น ๆ ไปยังอีก ภูมิคุ้มกันแบบ Passive ให้การป้องกันการติดเชื้อบางอย่าง แต่การป้องกันนี้เป็นแบบชั่วคราว แอนติบอดีจะลดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเดือนและผู้รับจะไม่ได้รับการคุ้มครอง รูปแบบที่พบมากที่สุดของภูมิคุ้มกันเรื่อย ๆ คือสิ่งที่ทารกได้รับจากแม่ของมัน แอนติบอดีจะถูกส่งข้ามรกในช่วง 1-2 เดือนของการตั้งครรภ์ แอนติบอดีเหล่านี้จะช่วยป้องกันทารกจากโรคบางอย่างได้นานถึงหนึ่งปี การป้องกันที่ดีกับโรคบางชนิด (เช่นโรคหัดโรคหัดเยอรมันโรคบาดทะยัก) กว่าคนอื่น ๆ (เช่นโปลิโอโรคไอกรน).
การสร้างภูมิคุ้มกันที่ใช้งานคือการกระตุ้นของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการผลิตแอนติเจนที่เฉพาะเจาะจง (แอนติบอดี) และภูมิคุ้มกันโทรศัพท์มือถือ ซึ่งแตกต่างจากการสร้างภูมิคุ้มกันเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นชั่วคราวภูมิคุ้มกันที่ใช้งานมักจะเป็นเวลาหลายปีมักจะให้อายุการใช้งาน วิธีการหนึ่งที่จะได้รับการสร้างภูมิคุ้มกันที่ใช้งานคือการมีโรคตามธรรมชาติ โดยทั่วไปเมื่อบุคคลกู้คืนจากโรคติดเชื้อพวกเขาจะมีภูมิคุ้มกันต่อโรคเหล่านั้นสำหรับส่วนที่เหลือของชีวิตของพวกเขา ไอกรนเป็นข้อยกเว้น.

ความคงทนของการป้องกันเป็นเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อเป็นที่รู้จักกันเป็นหน่วยความจำภูมิคุ้มกัน ต่อไปนี้การสัมผัสของระบบภูมิคุ้มกันให้กับแอนติเจนเซลล์บางอย่าง (หน่วยความจำ B-เซลล์) ยังคงไหลเวียนในเลือด (และยังอาศัยอยู่ในไขกระดูก) เป็นเวลาหลายปี อีกครั้งเมื่อสัมผัสกับแอนติเจนเซลล์หน่วยความจำเหล่านี้เริ่มต้นในการทำซ้ำและผลิตแอนติบอดีอย่างรวดเร็วจะสร้างใหม่การป้องกัน.
วิธีการผลิตการสร้างภูมิคุ้มกันที่ใช้งานก็คือโดยการฉีดวัคซีน วัคซีนมีปฏิสัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกันและมักจะผลิตการตอบสนองภูมิคุ้มกันคล้ายกับที่ผลิตโดยการติดเชื้อธรรมชาติ แต่อย่าให้ผู้รับการเกิดโรคและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น วัคซีนผลิตหน่วยความจำภูมิคุ้มกันคล้ายกับที่ได้มาจากการมีโรคตามธรรมชาติ.

หลายปัจจัยที่อาจมีผลต่อการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในการฉีดวัคซีน เหล่านี้รวมถึงการปรากฏตัวของแอนติบอดีมารดาธรรมชาติและปริมาณของแอนติเจนเส้นทางของการบริหารงานและการปรากฏตัวของ adjuvants (เช่นวัสดุอลูมิเนียมที่มีเพิ่มเพื่อปรับปรุงภูมิคุ้มกันของวัคซีน) ปัจจัยเช่นอายุปัจจัยทางโภชนาการพันธุศาสตร์ความเครียดเป็นเวลานานและโรคอยู่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพนอกจากนี้ยังอาจมีผลต่อการตอบสนอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ภูมิคุ้มกันที่เฉพาะเจาะจงที่ใช้งานและ passive ภูมิคุ้มกันมีสองกลไกพื้นฐานสำหรับการรับภูมิคุ้มกัน - การใช้งานและพาสซีฟภูมิคุ้มกันแบบป้องกันที่ผลิตโดยระบบภูมิคุ้มกันของคนเอง ภูมิคุ้มกันชนิดนี้มักจะถาวรภูมิคุ้มกันเรื่อยๆคือการป้องกันโดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยสัตว์หรือมนุษย์ และย้ายไปยังอีกมนุษย์ที่มักจะโดยการฉีด ภูมิคุ้มกันเรื่อยๆมักจะมีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ แต่การป้องกันนี้ลดลงเลย ( หายไป ) กับเวลาปกติไม่กี่สัปดาห์หรือเป็นเดือนภูมิต้านทานรับเป็นโอนของแอนติบอดีที่ผลิตโดยมนุษย์หรือสัตว์อื่น ๆ หนึ่งไปยังอีก ภูมิคุ้มกันเรื่อยๆให้การป้องกันการติดไวรัสบางอย่าง แต่การป้องกันนี้เป็นชั่วคราว แอนติบอดีจะลดลงในช่วงระยะเวลาของสัปดาห์เดือนและผู้รับจะไม่ได้รับความคุ้มครอง รูปแบบที่พบมากที่สุดของภูมิคุ้มกันเรื่อยๆที่ทารกได้รับจากแม่ของมัน แอนติบอดีจะถูกขนส่งข้ามรก ในช่วง 1-2 เดือนของการตั้งครรภ์ แอนติบอดีเหล่านี้จะช่วยป้องกันทารกจากโรคบางชนิด นานถึง 1 ปี การป้องกันที่ดีกับบางโรค เช่น โรคหัด โรคหัดเยอรมัน บาดทะยัก ) กว่าคนอื่น ๆ ( เช่น โปลิโอ โรคไอกรน )ภูมิคุ้มกันแบบคือ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพื่อผลิต antigen-specific humoral ( แอนติบอดี ) และภูมิคุ้มกันของเซลล์ ซึ่งแตกต่างจากภูมิคุ้มกันเรื่อยๆ ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันแบบชั่วคราวที่มักจะเป็นเวลาหลายปีมักจะไปตลอดชีวิต วิธีหนึ่งที่จะได้รับภูมิคุ้มกันแบบไม่มีโรคธรรมชาติ โดยทั่วไป เมื่อท่านหายจากติดเชื้อ ก็จะเป็นภูมิคุ้มกันโรคเหล่านั้นสำหรับส่วนที่เหลือของชีวิตของพวกเขา ไอกรนเป็นข้อยกเว้นการคุ้มครองเป็นเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อที่เป็นที่รู้จักกันเป็นหน่วยความจำทางภูมิคุ้มกันวิทยา . ตามแสงของระบบภูมิคุ้มกันแอนติเจนบางอย่าง ( บี - เซลล์หน่วยความจำ ) ยังคงไหลเวียนในเลือด ( และยังอาศัยอยู่ในไขกระดูก ) เป็นเวลาหลายปี เมื่อจะสัมผัสกับแอนติเจนเซลล์หน่วยความจำเหล่านี้เริ่มที่จะเลียนแบบและผลิตแอนติบอดีอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างการป้องกันอีกวิธีหนึ่งที่จะสร้างภูมิคุ้มกันที่ใช้งานอยู่ โดยการฉีดวัคซีน วัคซีนมีภูมิคุ้มกัน และมักสร้างภูมิคุ้มกันคล้ายกับที่ผลิตโดยเชื้อธรรมชาติ แต่ไม่อาจมีผู้รับต่อโรคและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น วัคซีนที่ผลิตได้โดยมีความใกล้เคียงกับโรคธรรมชาติทางภูมิคุ้มกันวิทยา .หลายปัจจัยที่อาจมีผลต่อการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อวัคซีน เหล่านี้รวมถึงการปรากฏตัวของแม่ธรรมชาติและปริมาณแอนติบอดี , แอนติเจน , เส้นทางของการบริหาร และการปรากฏตัวของสารปรุงแต่ง เช่น อลูมิเนียม ประกอบด้วยวัสดุเพิ่มเพื่อปรับปรุงสามารถของวัคซีน ) เป็นปัจจัย เช่น อายุ พันธุกรรม โภชนาการ ซึ่งปัจจัยความเครียดการโรค ยังอาจส่งผลกระทบต่อการตอบสนอง