Earth as a Habitable PlanetEarth is

Earth as a Habitable Planet
Earth is the only planet we know where water exists widely in its three phases as a solid (as snow and ice), a fluid (in the ocean and in lakes, rivers and groundwater) and as a gas (in the air, as a vapor). Why does Earth have an ocean, while the Moon, Mars, and Venus do not? A satisfying answer to this deceptively simple question can only come from a careful consideration of the evolution of each planet. For now, a crude explanation is that the moon is too small, Mars is too cold, and Venus is too hot.

To illustrate this let us make a simple thought experiment. First, we reduce gravity on Earth to that of the moon. In this situation, the Earth would have a problem holding on to its atmosphere. The air would start to get thinner as the gas molecules of the atmosphere leave the planet. The ocean would release its own gas content, mainly carbon dioxide, and then it too would slowly evaporate in an attempt to replenish the atmosphere. These atmospheric molecules would escape into space until the ocean would be used up.

In another mental experiment, we keep Earth's gravity as it is but move Earth into the orbit of Mars. We are now a good deal further from the sun (1.5 times to be exact), and much less energy would arrive from the Sun, with the solar constant being reduced by a factor of 1.5 squared. Earth would immediately enter an ice age worse than anything seen in geologic history. The oceans would completely freeze over, down to great depth. Volcanic ashes and wind-blown dust would by and by cover this ocean of ice, and it would disappear from view. Because of the low temperature, water content in the atmosphere would be very small. The composition of the atmosphere would change drastically, since its composition is currently maintained by life? s activities. The end result might not be much different from what we see on Mars.

Finally, let us move Earth into the orbit of Venus. Immediately, it would become unpleasantly hot, since we are now much closer to the sun (about 1.4 times closer). The entire atmosphere would rapidly turn into a steam bath. Thick clouds would form in the upper atmosphere where the vapor would condense. The Earth would turn white and thus reflect much of the incoming sunlight. However, the steamy atmosphere would also act like a thick thermal blanket. The sunlight that does reach the surface would keep heating it, evaporating ever more water and making the atmosphere ever less transparent to outgoing heat radiation. The temperature would rise until rocks called limestones, made of calcium carbonate (CaCO3), would disintegrate and give off carbon dioxide. Large amounts of this greenhouse gas would now be added to the atmosphere. The result would be something like a wet Venus, a state perhaps not unlike a former state of that planet.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โลกเป็นดาวเคราะห์
โลกเป็นดาวเคราะห์เพียง แต่เรารู้ว่าน้ำที่มีอยู่อย่างแพร่หลายในสามขั้นตอนที่เป็นของแข็ง (เช่นเดียวกับหิมะและน้ำแข็ง) ของเหลว (ในมหาสมุทรและในทะเลสาบแม่น้ำและน้ำใต้ดิน) และก๊าซ ( ในอากาศในขณะที่ไอ) แผ่นดินจะมีมหาสมุทรทำไมในขณะที่ดวงจันทร์ดาวอังคารและวีนัสไม่?คำตอบที่น่าพอใจคำถามนี้ deceptively ง่ายสามารถมาจากการพิจารณาอย่างรอบคอบของการวิวัฒนาการของดาวเคราะห์แต่ละ สำหรับตอนนี้เป็นคำอธิบายที่หยาบคือการที่ดวงจันทร์มีขนาดเล็กเกินไปดาวอังคารเย็นเกินไปและวีนัสร้อนเกินไป

เพื่อแสดงนี้ให้เราให้ทดลองทางความคิดที่เรียบง่าย แรกเราลดแรงโน้มถ่วงของโลกในการที่ของดวงจันทร์ ในสถานการณ์เช่นนี้โลกจะมีปัญหาการถือครองเพื่อบรรยากาศ อากาศจะเริ่มต้นเพื่อให้ได้น้ำมันทินเนอร์เป็นโมเลกุลของแก๊สในบรรยากาศออกจากดาวเคราะห์ มหาสมุทรจะปล่อยก๊าซในสัดส่วนของตัวเองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนใหญ่แล้วมันเกินไปก็จะค่อย ๆ จางหายไปในความพยายามที่จะเติมเต็มบรรยากาศ เหล่านี้โมเลกุลในชั้นบรรยากาศจะหนีเข้าไปในพื้นที่จนถึงมหาสมุทรจะนำมาใช้ขึ้น.

ในการทดลองทางจิตเวชอื่นเราให้แรงโน้มถ่วงของโลกที่มันเป็น แต่ย้ายโลกเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคาร ขณะนี้เรามีการจัดการที่ดีห่างไกลจากดวงอาทิตย์ (1.5 เท่าเป็นที่แน่นอน) และพลังงานมากน้อยจะมาถึงจากดวงอาทิตย์ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องที่จะถูกลดลงโดยปัจจัยที่ 1.5 squared แผ่นดินทันทีจะเข้ายุคน้ำแข็งเลวร้ายยิ่งกว่าเห็นอะไรในประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยามหาสมุทรสมบูรณ์จะแข็งกว่าลงไปลึกมาก เถ้าถ่านภูเขาไฟและฝุ่นลมเป่าตามและจะครอบคลุมมหาสมุทรน้ำแข็งนี้และมันจะหายไปจากมุมมอง เพราะอุณหภูมิต่ำปริมาณน้ำในบรรยากาศที่จะมีขนาดเล็กมาก องค์ประกอบของบรรยากาศจะเปลี่ยนไปอย่างมากตั้งแต่องค์ประกอบจะยังคงอยู่ในขณะนี้โดยมีชีวิต? กิจกรรม sผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่มากแตกต่างจากสิ่งที่เราเห็นบนดาวอังคาร

ในที่สุดให้เราย้ายโลกเข้าสู่วงโคจรของดาวศุกร์ ทันทีที่มันจะกลายเป็นร้อนไม่ราบรื่นเนื่องจากเราอยู่ในขณะนี้มากใกล้กับดวงอาทิตย์ (ประมาณ 1.4 เท่าใกล้ชิด) บรรยากาศทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วจะกลายเป็นห้องอบไอน้ำ เมฆหนาจะเป็นในบรรยากาศชั้นบนที่ไอจะควบแน่นโลกจะกลายเป็นสีขาวและจึงสะท้อนของแสงแดดที่เข้ามา แต่บรรยากาศที่ร้อนก็จะทำหน้าที่เหมือนผ้าห่มความร้อนหนา แสงแดดที่จะมาถึงพื้นผิวที่จะให้ความร้อนมันระเหยน้ำมากยิ่งขึ้นและทำให้บรรยากาศที่เคยโปร่งใสน้อยกับรังสีความร้อนออก อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นจนโขดหินที่เรียกว่าหินปูนที่ทำจากแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) จะสลายตัวและให้ออกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จำนวนมากของก๊าซเรือนกระจกนี้จะถูกเพิ่มเข้ามาในชั้นบรรยากาศ ผลที่ตามมาจะเป็นสิ่งที่ชอบเปียกวีนัสรัฐอาจจะไม่แตกต่างจากอดีตรัฐของดาวเคราะห์ที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โลกเป็นดาวเคราะห์ Habitable
โลกเป็นดาวเคราะห์เท่านั้นที่เรารู้ว่าการที่น้ำมีมากในระยะสาม เป็นของ แข็ง (เป็นหิมะ และน้ำแข็ง), น้ำมัน (ในทะเล และ ในทะเลสาบ แม่น้ำ และน้ำบาดาล) และก๊าซ (ในอากาศ เป็นการไอ) ทำไมไม่มีแผ่นดินมีมหาสมุทร ในขณะที่ดวงจันทร์ ดาวอังคาร และวีนัสทำไม่ ตอบคำถามนี้อย่างคนมีความพึงพอใจสามารถเท่านั้นมาจากความรอบคอบของการวิวัฒนาการของดาวเคราะห์แต่ละ สำหรับตอนนี้ คำอธิบายหยาบเป็นว่า ดวงจันทร์มีขนาดเล็กเกินไป ดาวอังคารเป็นเย็นเกินไป และวีนัสจะร้อนเกินไป

การแสดงนี้ให้ เราทำง่ายคิดว่า การทดลอง ครั้งแรก เราลดแรงโน้มถ่วงบนโลกกับดวงจันทร์ ในสถานการณ์นี้ โลกจะมีปัญหาในการกดระบบบรรยากาศของ อากาศจะเริ่มต้นได้รับน้ำมันทินเนอร์เป็นโมเลกุลแก๊สของออกจากบรรยากาศโลก ทะเลจะปล่อยเองแก๊สเนื้อหา ส่วนใหญ่เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ และจากนั้น มันเกินไปจะช้าระเหยในความพยายามที่จะเติมบรรยากาศ โมเลกุลเหล่านี้บรรยากาศจะหนีเข้าไปในพื้นที่จนกว่าทะเลจะใช้ค่า

ในการทดลองจิตอื่น เราให้แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นเป็น แต่ย้ายโลกในวงโคจรของดาวอังคาร เราก็จัดการที่ดีหวซัน (1.5 เท่าเป็นแน่นอน), และพลังงานจะมาถึงจากดวงอาทิตย์มากน้อย มีค่าคงของแสง จะลดลง ด้วยตัวคูณ 1.5 ลอการิทึม โลกจะทันทีการอายุน้ำแข็งแย่กว่าสิ่งที่เห็นในประวัติศาสตร์ธรณีวิทยา มหาสมุทรสมบูรณ์จะตรึงผ่าน ลงไปลึกมาก ขี้เถ้าภูเขาไฟและฝุ่นละอองที่ลมพัดจะโดยและโดยปกมหาสมุทรน้ำแข็ง และมันจะหายไปจากมุมมอง เนื่องจากอุณหภูมิต่ำ ปริมาณน้ำในบรรยากาศจะดีมาก องค์ประกอบของบรรยากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจุบันมีรักษาองค์ประกอบของภาพ โดยชีวิต กิจกรรม s ผลลัพธ์สุดท้ายอาจไม่แตกต่างมากจากสิ่งที่เราเห็นบนดาวอังคาร

ในที่สุด ให้เราย้ายโลกในวงโคจรของดาวศุกร์ ทันที มันจะกลายเป็นร้อนแปลก เนื่องจากเราก็ได้ใกล้ชิดมากกับดวงอาทิตย์ (ประมาณ 1.4 เท่าใกล้) บรรยากาศทั้งหมดจะรวดเร็วเปลี่ยนเป็นอาบน้ำแร่ เมฆหนาจะฟอร์มในบรรยากาศบนซึ่งไอน้ำที่จะบีบ โลกจะเปิดสีขาว และสะท้อนแสงเข้ามามากดังนั้น อย่างไรก็ตาม บรรยากาศร้อนจะยังทำหน้าที่เสมือนผ้าห่มความร้อนหนา แสงแดดที่ถึงผิวจะให้ความร้อนมัน ระเหยน้ำมากเคย และทำให้บรรยากาศโปร่งใสเคยน้อยการแผ่รังสีความร้อนออก อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นจนหินเรียกว่าพึง ทำจากแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3), จะสลาย และคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จำนวนมากของก๊าซเรือนกระจกนี้จะเพิ่มให้กับบรรยากาศตอนนี้ ผลจะเป็นเหมือนวีนัสที่เปียก รัฐอาจไม่แตกต่างจากสถานะเดิมของดาวเคราะห์นั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แผ่นดินเป็นที่อยู่อาศัยได้พื้นพิ ภพ
ซึ่งจะช่วยโลกเป็นพื้นพิ ภพ เพียงอย่างเดียวที่เราก็รู้ว่าที่ไหนที่น้ำมีอยู่อย่างแพร่หลายในทั้งสามส่วนของการเป็นที่แข็ง(เป็นน้ำแข็งและหิมะ)ของเหลว(ในมหาสมุทรและอยู่ในน้ำใต้ดินและแม่น้ำทะเลสาบ)และเป็นก๊าซ(ในอากาศที่เป็นไอ) เหตุใดจึงไม่มีวิวทิวทัศน์ของมหาสมุทรที่ดินในขณะที่ดวงจันทร์และดาวอังคารดาวพระศุกร์ที่ทำไม่ได้ตอบความพึงพอใจที่จะตอบคำถามง่ายๆลวงตาแห่งนี้จะสามารถเข้ามาจากพิจารณาอย่างรอบคอบในการพัฒนาของโลกเท่านั้น สำหรับคำอธิบายในตอนนี้ราคาน้ำมันดิบที่เป็นที่แสงจันทร์ที่มีขนาดเล็กเกินไปดาวอังคารเป็นดาวพระศุกร์เย็นเกินไปและมีความร้อนมากเกินไป

เพื่อแสดงให้เห็นถึงนี้ปล่อยให้เราทำการทดลองความคิดแบบเรียบง่าย. อันดับแรกเราจะช่วยลดแรงโน้มถ่วงโลกบนโลกดวงจันทร์ที่ ในสถานการณ์แบบนี้โลกที่จะมีปัญหาที่อยู่ในบรรยากาศของพื้นที่ อากาศที่จะเริ่มต้นในการรับและบางขึ้นเป็นโมเลกุลของแก๊สที่มีบรรยากาศที่ออกจากโลกได้ มหาสมุทรที่จะปล่อยก๊าซเนื้อหาของตัวเองเป็นสำคัญและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไปแล้วมันก็จะระเหยในความพยายามที่จะหาฟืนมาเพิ่มบรรยากาศอย่างช้าๆ โมเลกุลที่มีบรรยากาศที่จะหนีไปอยู่พื้นที่จนกว่าของมหาสมุทรจะใช้ได้.

ในการทดลองทางด้านจิตใจอีกคนหนึ่งเราจะทำให้แรงโน้มถ่วงของโลกเป็นมันมีแต่ย้ายดินเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคาร เรามีข้อตกลงที่ดียิ่งขึ้นจากแสงอาทิตย์( 1.5 เท่ากับเป็นที่แน่นอน)และใช้พลังงานน้อยลงมากจะมาถึงจากแสงแดดได้อย่างต่อเนื่องจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ถูกปรับลดลงโดยปัจจัยหนึ่งที่ 1.5 บนสังเวียน โลกจะเข้าสู่ยุคน้ำแข็งทำให้ยิ่งแย่กว่าอะไรพบเห็นได้ในประวัติศาสตร์ถึงเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาในทันทีมหาสมุทรจะแช่แข็งมากกว่าลงไปที่ระดับความลึกที่ดีเยี่ยมสมบรูณ์แบบ เถ้า ภูเขา ไฟและฝุ่นลมเป่าจะและจากมหาสมุทรแห่งนี้ของน้ำแข็งและมันจะหายไปจากการดู เนื่องจากมี อุณหภูมิ ต่ำที่มีเนื้อหาในบรรยากาศที่มีขนาดเล็กมาก การเขียนของบรรยากาศที่จะเปลี่ยนเป็นอย่างมากนับตั้งแต่การเขียนเป็นการดูแลรักษาเป็นอย่างดีโดยในขณะนี้ กิจกรรม S .ส่งผลให้ปลายอีกด้านที่อาจจะไม่ได้เป็นอะไรมากแตกต่างจากสิ่งที่เราเห็นอยู่บนดาวอังคาร

สุดท้ายปล่อยให้เราย้ายดินเข้าสู่วงโคจรของดาวประกายพรึก ในทันทีมันจะกลายเป็นความร้อนไม่น่าฟังนักนับตั้งแต่ที่เรามีในตอนนี้มากสำหรับการอาบแดด(ประมาณ 1.4 เท่า) บรรยากาศทั้งหมดที่จะเลี้ยวเข้าสู่อ่างอบไอน้ำอย่างรวดเร็ว เมฆหนาทึบจะในบรรยากาศบนที่ไอจะทำให้กลายเป็นของเหลวโลกที่จะเปิดสีขาวและดังนั้นจึงสะท้อนให้เห็นถึงจำนวนมากของแสงแดดส่องเข้ามา แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมีบรรยากาศกระแสที่จะทำหน้าที่เสมือนผ้าห่มความร้อนหนาที่ยัง แสงแดดที่ไม่สามารถเข้าถึงบนพื้นผิวที่จะทำให้เครื่องทำความร้อนจะระเหยน้ำมากยิ่งขึ้นและทำให้มีบรรยากาศที่น้อยลงความโปร่งใสในการแผ่รังสีความร้อนออก อุณหภูมิ จะสูงขึ้นจนกว่าหินเรียกว่าหินปูนทำให้ของแคลเซียมคาร์บอเนต( CaCO 3 )จะทำให้แตกแยกออกเป็นส่วนๆและให้ออกจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จำนวนของก๊าซเรือนกระจกขนาดใหญ่นี้จะถูกเพิ่มในบรรยากาศที่ในตอนนี้ ผลที่ได้จะเป็นอะไรบางอย่างเช่นดาวพระศุกร์เปียกชื้นซึ่งเป็นรัฐอาจจะไม่ใช่ของรัฐไม่เหมือนกับอดีตที่ของโลกที่