Faith in Jesus Christ himself, not

Faith in Jesus Christ himself, not just in his teachings, is how the Christian experiences joy and a meaningful life. In his life on Earth, Jesus did not identify himself as a prophet pointing to God or as a teacher of enlightenment. Rather, Jesus claimed to be God in human form. He performed miracles, forgave people of their sin and said that anyone who believed in him would have eternal life. He made statements like, "I am the light of the world; he who follows me will not walk in darkness, but will have the light of life."1

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความเชื่อในพระเยซูคริสต์เอง ไม่เชื่อในคำสอนของท่าน คือ ว่าประสบการณ์คริสเตียนสุขและชีวิตมีความหมาย ในชีวิตของเขาในโลก พระเยซูไม่ระบุตัวเอง เป็นผู้เผยพระวจนะที่ชี้ไปยังพระเจ้า หรือ เป็นครูของธรรม ค่อนข้าง พระเยซูอ้างว่า เป็น พระเจ้าในมนุษย์แบบฟอร์ม เขาทำการอัศจรรย์ องค์คนบาป และกล่าวว่า ทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร์ เขาทำงบเช่น "ฉันแสงของโลก ผู้ที่เราจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างของชีวิต"1

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ตัวเองไม่เพียง แต่ในคำสอนของเขาเป็นวิธีการที่นับถือศาสนาคริสต์มีประสบการณ์ความสุขและชีวิตมีความหมาย ในชีวิตของเขาบนโลกพระเยซูไม่ได้ระบุว่าตัวเองเป็นผู้เผยพระวจนะชี้ไปที่พระเจ้าหรือเป็นครูของการตรัสรู้ แต่พระเยซูอ้างว่าเป็นพระเจ้าในร่างมนุษย์ เขาแสดงปาฏิหาริย์ให้อภัยคนบาปของเขาและบอกว่าทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร์ เขาทำงบเช่น "เราเป็นความสว่างของโลก. ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต" 1

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ตัวเองไม่เพียง แต่ในการสอนของเขา เป็นวิธีการที่คริสเตียนประสบการณ์ความสุขและชีวิตที่มีความหมาย ในชีวิตบนโลกของพระเยซูไม่ได้ระบุตัวเองเป็นศาสดาชี้ไปที่พระเจ้าหรือเป็นครูของการตรัสรู้ แต่พระเยซูอ้างว่าเป็นพระเจ้าในร่างมนุษย์ เขาแสดงปาฏิหาริย์ ให้อภัยคนบาปของเขาและกล่าวว่าใครก็ตามที่เชื่อในพระองค์จะได้รับชีวิตนิรันดร์เขาทำงบเช่น " เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” 1