This quasi-experimental study aimed

This quasi-experimental study aimed to assess effect of behavioral modification for opisthorchiasis prevention by participation of family health leader in village beside Lam pao dam, Huaimek district, Kalasin province. The activity participation was application of health belief model and Social Support. The participants were 80 family health leader: 40 subjects were randomly assigned to an experimental group and the other 40 to a control group. The experimental group received behavioral modification program to prevent Opisthorchiasis. The activities include Awareness about the Opisthorchiasis, discussions and modeling about the prevention of Opisthorchiasis. Learning from like model assessment of behavioral risk of liver fluke manually. The exchange of learning, group discussions and activities to participate in home visits to the promptings of friends, the assessment "attentive friends". the control group received only the health education information that usually provided by health service staff. The duration of implementation was 12 weeks. and data were collected by means questionnaires and stool specimens for liver fluke tasting. Demographic data were summarized using descriptive statistics, and differences within and between the two groups were analysis using paired sample and independent t-test, and 95% confidence were the level of significant at 0.05.
The results showed that after intervention the experimental group had higher mean scores of knowledge, the perceived susceptibility, the perceived severity, the perceived benefits of prevention and practice, that were significantly higher than those of the comparison group (p-value

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิจัยกึ่งทดลองมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกัน opisthorchiasis โดยการมีส่วนร่วมของผู้นำครอบครัวสุขภาพในหมู่บ้านริมเขื่อนลำปาว เขต Huaimek เขตจังหวัดกาฬสินธุ์ การเข้าร่วมกิจกรรมได้ประยุกต์ใช้รูปแบบความเชื่อด้านสุขภาพและสนับสนุนทางสังคม ผู้เข้าร่วมเป็นผู้นำครอบครัวสุขภาพ 80: สุ่มกำหนดวัตถุ 40 40 อื่น ๆ ในกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกัน Opisthorchiasis กิจกรรมรวมถึงการรับรู้เกี่ยวกับ Opisthorchiasis สนทนา และสร้างโมเดลเกี่ยวกับการป้องกัน Opisthorchiasis การเรียนรู้จากเช่นแบบจำลองการประเมินพฤติกรรมเสี่ยงของพยาธิใบไม้ในตับด้วยตนเอง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสนทนากลุ่ม และกิจกรรมในบ้านเข้าชมหมดเพื่อน การประเมิน "เอาใจใส่เพื่อน กลุ่มควบคุมได้รับข้อมูลการศึกษาด้านสุขภาพที่มักจะมาจากพนักงานบริการสุขภาพเท่านั้น ระยะเวลาของการใช้งานเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และข้อมูลถูกจัดเก็บ โดยวิธีการแบบสอบถามและตัวอย่างอุจจาระพยาธิใบไม้ในตับสามารถลิ้ม สรุปผลข้อมูลประชากรโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และความแตกต่างภายใน และ ระหว่าง 2 กลุ่ม วิเคราะห์โดยใช้ตัวอย่างการจับคู่ และ ทดสอบอิสระ t และความเชื่อมั่น 95% ระดับนัยสำคัญที่ 0.05 นี้ ผลการศึกษาพบว่า หลังการแทรกแซงของ กลุ่มทดลองมีคะแนนสูงขึ้นหมายถึงความรู้ รับรู้ความรุนแรง ความไวต่อการรับรู้ รับรู้ประโยชน์ของการป้องกันและการปฏิบัติ ที่สูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญ (ค่า p < 0.001) แนะนำที่เรียนสามารถช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกัน opisthorchiasis โดยการมีส่วนร่วมของผู้นำครอบครัวสุขภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษากึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลกระทบของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการป้องกัน opisthorchiasis โดยการมีส่วนร่วมของผู้นำสุขภาพของครอบครัวในหมู่บ้านข้างเขื่อนลำปาวอำเภอ Huaimek จังหวัดกาฬสินธุ์ การมีส่วนร่วมกิจกรรมเป็นแอพลิเคชันของรูปแบบความเชื่อด้านสุขภาพและการสนับสนุนทางสังคม ผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 80 คนในครอบครัวผู้นำสุขภาพ: 40 วิชาที่ได้รับการสุ่มเป็นกลุ่มทดลองและอื่น ๆ 40 กลุ่มควบคุม กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้ Opisthorchiasis กิจกรรมรวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับ Opisthorchiasis การอภิปรายและการสร้างแบบจำลองเกี่ยวกับการป้องกันของ Opisthorchiasis การเรียนรู้จากการประเมินรูปแบบของความเสี่ยงเช่นพฤติกรรมของพยาธิใบไม้ตับด้วยตนเอง การแลกเปลี่ยนการเรียนรู้การอภิปรายกลุ่มและกิจกรรมการมีส่วนร่วมในการเข้าชมที่บ้านเพื่อกระตุ้นเตือนของเพื่อนประเมินเพื่อน "ใส่ใจ" กลุ่มควบคุมได้รับเฉพาะข้อมูลการศึกษาสุขภาพที่มักจะให้บริการโดยพนักงานที่ให้บริการสุขภาพ ระยะเวลาของการดำเนินงานเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามวิธีการและอุจจาระสำหรับชิมพยาธิใบไม้ตับ ข้อมูลประชากรสรุปใช้สถิติเชิงพรรณนาและความแตกต่างภายในและระหว่างทั้งสองกลุ่มมีการวิเคราะห์โดยใช้ตัวอย่างที่จับคู่และเป็นอิสระ t-test และความเชื่อมั่น 95% อยู่ในระดับอย่างมีนัยสำคัญที่ 0.05.
ผลการศึกษาพบว่าหลังจากการแทรกแซงของกลุ่มทดลองมีสูงขึ้น หมายถึงคะแนนของความรู้ที่ไวต่อการรับรู้การรับรู้ถึงความรุนแรงของการรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันและการปฏิบัติที่มีความสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญ (p-value <0.001) แนะนำการศึกษาที่สามารถช่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการป้องกัน opisthorchiasis โดยการมีส่วนร่วมของผู้นำสุขภาพของครอบครัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคโดยการมีส่วนร่วมของแกนนำสุขภาพครอบครัวในหมู่บ้านริมเขื่อนลำปาว ตำบลห้วยเม็ก จังหวัด กาฬสินธุ์ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการประยุกต์ใช้แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพและแรงสนับสนุนทางสังคม ผู้เข้าร่วม จำนวน 80 ครอบครัวสุขภาพผู้นำ : 40 คนสุ่มเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มอื่น ๆ 40 ในกลุ่มควบคุม กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับ . กิจกรรม ได้แก่ ความรู้เรื่องโรค การอภิปรายและแบบจำลองเกี่ยวกับการป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับ . การเรียนรู้จากแบบประเมินพฤติกรรมเสี่ยงของโรคพยาธิใบไม้ตับด้วยตนเอง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสนทนากลุ่ม และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเยี่ยมบ้านเพื่อกระตุ้นเตือนเพื่อนประเมินเพื่อนใส่ใจ " กลุ่มควบคุม ได้รับการศึกษาข้อมูลด้านสุขภาพที่มักจะให้โดยเจ้าหน้าที่บริการสุขภาพ ระยะเวลาทดลอง 12 สัปดาห์ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และวิธีการและตัวอย่างอุจจาระสำหรับโรคพยาธิใบไม้ตับ ชิม . ข้อมูลสรุปได้ใช้สถิติเชิงพรรณนา และความแตกต่างภายในและระหว่างสองกลุ่ม ได้แก่ การวิเคราะห์โดยใช้ Paired sample t-test และ อิสระและความเชื่อมั่นร้อยละ 95 พบว่าระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05ผลการวิจัยพบว่าภายหลังการทดลองกลุ่มทดลองมีคะแนนความรู้ การรับรู้โอกาสเสี่ยง การรับรู้ความรุนแรง การรับรู้ประโยชน์ของการปฏิบัติ ในการป้องกัน คือ สูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ ( p-value < 0.001 ) แนะนำว่า การศึกษาสามารถช่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันโรคโดยการมีส่วนร่วมของแกนนำสุขภาพครอบครัว