Net energy metering (NEM) or simply

Net energy metering (NEM) or simply net metering is a service to an electric consumer under which electric energy generated by that electric consumer from an eligible on-site generating facility and delivered to the local distribution facilities may be used to offset electric energy provided by the electric utility to the electric consumer during the applicable billing period.[1]

Net metering policies can vary significantly by country and by state or province: if net metering is available, if and how long you can keep your banked credits, and how much the credits are worth (retail/wholesale). Most net metering laws involve monthly roll over of kWh credits, a small monthly connection fee,[2] require monthly payment of deficits (i.e. normal electric bill), and annual settlement of any residual credit. Unlike a feed-in tariff (FIT), which requires two meters, net metering uses a single, bi-directional meter and can measure current flowing in two directions.[3] Net metering can be implemented solely as an accounting procedure, and requires no special metering, or even any prior arrangement or notification.[4]

Net metering is a policy designed to foster private investment in renewable energy.
Net metering originated in the United States, where small wind turbines and solar panels were connected to the electrical grid, and consumers wanted to be able to use the electricity generated at a different time or date than when it was generated. Minnesota is commonly cited as passing the first net metering law, in 1983, and allowed anyone generating less than 40 kW to either roll over any kilowatt credit to the next month, or be paid for the excess. In 2000 this was amended to compensation "at the average retail utility energy rate". This is the simplest and most general interpretation of net metering, and in addition allows small producers to sell electricity at the retail rate.[5]

Utilities in Idaho adopted net metering in 1980, and in Arizona in 1981. Massachusetts adopted net metering in 1982. By 1998, 22 states or utilities therein had adopted net metering. Two California utilities initially adopted a monthly "net metering" charge, which included a "standby charge", until the PUC banned such charges.[6] In 2005, all U.S. utilities were required to offer net metering "upon request". Excess generation is not addressed. As of 2015 43 U.S. states have adopted net metering, as well as utilities in 3 of the remaining states, leaving only 4 states without any established procedures for implementing net metering.[7]

Net metering was slow to be adopted in Europe, especially in the United Kingdom, because of confusion over how to address the value added tax (VAT). Only one utility company in Great Britain offers net metering.[8]

The United Kingdom government is reluctant to introduce the net metering principle because of complications in paying and refunding the value added tax that is payable on electricity, but pilot projects are underway in some areas.

In Canada, some provinces have net metering programs.

In the Philippines, Net Metering scheme is governed by Republic Act 9513 (Renewable Energy Act of 2008) and it's implementing rules and regulation (IRR). The implementing body is the Energy Regulatory Commission (ERC) in consultation with the National Renewable Energy Board (NREB). Unfortunately, the scheme is not a true net metering scheme but in reality a net billing scheme. As the Dept of Energy's Net Metering guidelines say, "

“Net-metering allows customers of Distribution Utilities (DUs) to install an on-site Renewable Energy (RE) facility not exceeding 100 kilowatts (kW) in capacity so they can generate electricity for their own use. Any electricity generated that is not consumed by the customer is automatically exported to the DU’s distribution system. The DU then gives a peso credit for the excess electricity received equivalent to the DU’s blended generation cost, excluding other generation adjustments, and deducts the credits earned to the customer’s electric bill.” [9]

Thus Philippine consumers who generate their own electricity and sell their surplus to the utility are paid what is called the "generation cost" which is often less than 50% of the retail price of electricity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พลังงานสุทธิที่วัดแสง (ลมอนสแกน) หรือวัดแสงสุทธิเพียงเป็นบริการเพื่อการบริโภคไฟฟ้าที่พลังงานไฟฟ้าสร้างขึ้น โดยผู้บริโภคที่ไฟฟ้าจากการรับบริการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก และส่งไปแจกจ่ายเฉพาะที่สามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อชดเชยพลังงานไฟฟ้ามาจากสาธารณูปโภคไฟฟ้าผู้บริโภคไฟฟ้าในระหว่างรอบระยะเวลาเรียกเก็บเงินเกี่ยวข้อง [1]สุทธิที่นโยบายการวัดแสงแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยประเทศ และรัฐหรือจังหวัด: ถ้าวัดแสงสุทธิ ถ้า และเวลาคุณสามารถทำให้เครดิตของคุณผ่านระบบธนาคาร และจำนวนหน่วยกิตที่มูลค่า (ขายปลีก/ขายส่ง) กฎหมายวัดสุทธิส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับม้วนเดือนกว่าไม่เครดิต ขนาดเล็กเชื่อมต่อเดือน, [2] ต้องจ่ายรายเดือนขาดดุลการคลัง (เช่นปกติไฟฟ้า), และเครดิตใด ๆ ตกค้างชำระประจำปี ซึ่งแตกต่างจากการดึงข้อมูลในภาษี (FIT), ซึ่งต้องมี 2 เมตร วัดแสงสุทธิใช้มิเตอร์เดียว ทิศทาง และสามารถวัดการไหลในทิศทางที่สองปัจจุบัน [3] การวัดแสงสุทธิสามารถดำเนินการเป็นขั้นตอนการบัญชีเท่านั้น และต้องไม่พิเศษวัด แสง หรือแม้แต่ใด ๆ จัดก่อน หรือแจ้งเตือน [4]วัดแสงสุทธิเป็นนโยบายเพื่อส่งเสริมการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนส่วนตัววัดแสงสุทธิมาในสหรัฐอเมริกา ที่แผงเซลล์แสงอาทิตย์และกังหันลมขนาดเล็กเชื่อมต่อกับกริดไฟฟ้า และผู้บริโภคต้องการให้สามารถใช้ไฟฟ้าที่สร้างขึ้นในเวลาอื่นหรือวันเมื่อถูกสร้าง โดยทั่วไปมีการอ้างถึงมินเนโซต้าเป็นช่วยสุทธิแรกกฎหมายการวัดแสง ใน 1983 อนุญาต ใครสร้างน้อย กว่า 40 กิโลวัตต์การม้วนใดผ่านกิโลวัตต์มีเครดิตในเดือนถัดไป หรือได้รับการชำระเกิน ในปี 2000 นี้ได้แก้ไขให้ค่าตอบแทน "ที่ยูทิลิตี้ขายปลีกเฉลี่ยพลังงานอัตรา" นี้เป็นการตีความทั่วไปมากที่สุด และง่ายที่สุดของการวัดแสงสุทธิ และนอกจากนี้ ช่วยให้ผู้ผลิตขนาดเล็กที่ขายไฟฟ้าในราคาขายปลีก [5]สาธารณูปโภคในไอดาโฮนำสุทธิการวัดแสง ใน 1980 และอริโซนาในปี 1981 รัฐแมสซาชูเซตส์นำสุทธิการวัดแสงในปี 1982 โดยปี 1998 อเมริกา 22 หรือโปรแกรมอรรถประโยชน์ therein มีนำวัดแสงสุทธิ อรรถรัฐแคลิฟอร์เนีย 2 เริ่มนำการ "วัดแสงสุทธิ" ค่าธรรมเนียมรายเดือน ซึ่งรวม "สแตนด์บายประจุ" จนกว่า PUC ที่ห้ามธรรมเนียมดังกล่าว [6] ในปี 2005 อรรถประโยชน์สหรัฐฯ ทั้งหมดถูกต้องให้วัดแสงสุทธิ "ตามคำขอ" การสร้างส่วนเกินไม่ได้รับการแก้ไข 2015 43 ณ สหรัฐอเมริกาได้นำสุทธิการวัดแสง และสาธารณูปโภคใน 3 รัฐเหลือ ออกจากอเมริกาเพียง 4 ไม่ มีขั้นตอนใด ๆ กำหนดขึ้นสำหรับใช้วัดแสงสุทธิ [7]สุทธิการวัดแสงได้ช้าจะนำไปใช้ในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหราชอาณาจักร เนื่องจากความสับสนมากกว่าวิธีการค่าเพิ่มภาษี (VAT) บริษัทยูทิลิตี้เดียวในสหราชอาณาจักรมีวัดแสงสุทธิ [8]รัฐบาลสหราชอาณาจักรจะไม่แนะนำหลักการวัดแสงเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนในจ่ายสุทธิ และคืนค่าเพิ่มภาษีที่ซื้อไฟฟ้า ได้นำร่องโครงการอยู่ในระหว่างดำเนินในบางพื้นที่แคนาดา บางจังหวัดมีโปรแกรมวัดสุทธิในฟิลิปปินส์ แผนสุทธิการวัดแสงอยู่ภายใต้สาธารณรัฐบัญญัติ 9513 (ทดแทนพลังงานตามพระราชบัญญัติ 2008) และใช้กฎและระเบียบ (IRR) ร่างกายนำไปใช้เป็นการพลังงานกำกับดูแลคณะกรรมการ (ERC) หารือกับชาติทดแทนพลังงานกระดาน (NREB) อับ โครงร่างไม่แผนวัดสุทธิที่แท้จริง แต่ในความเป็นจริง สุทธิเรียกเก็บเงินโครงร่าง เป็นแนวทางในการวัดแสงสุทธิแผนกพลังงานกล่าว"สุทธิการวัดแสงได้ลูกค้ากระจายสาธารณูปโภค (ทุสโซด์) ติดตั้งสินเชื่อพลังงานทดแทน (RE) เป็นโรงแรมไม่เกิน 100 kilowatts (kW) ในการผลิตเพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างไฟฟ้าใช้เอง การผลิตไฟฟ้าที่ไม่ใช้ลูกค้ามีส่งโดยอัตโนมัติเพื่อดูการกระจายระบบ ดูแล้วให้เครดิตเปโซสำหรับเทียบเท่ากับไฟฟ้าส่วนเกินที่ได้รับการสร้างแบบผสมผสานของ DU ต้นทุนรวมการปรับปรุงรุ่นอื่น ๆ และหักเครดิตที่ได้รับการไฟฟ้าของลูกค้า" [9]ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าเอง และขายส่วนที่เกินให้อรรถประโยชน์ บริโภคฟิลิปปินส์จึง จะจ่ายอะไรเรียกว่า "การสร้างต้นทุน" ซึ่งมักจะน้อยกว่า 50% ของราคาขายปลีกไฟฟ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัดพลังงานสุทธิ (NEM) หรือวัดสุทธิเพียงการบริการให้กับผู้บริโภคไฟฟ้าซึ่งพลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากการที่ผู้บริโภคไฟฟ้าจากสิทธิ์สิ่งอำนวยความสะดวกที่ก่อให้เกิดในสถานที่และส่งมอบให้กับสิ่งอำนวยความสะดวกการจัดจำหน่ายในประเทศอาจถูกนำมาใช้เพื่อชดเชยพลังงานไฟฟ้าให้โดย ยูทิลิตี้ไฟฟ้าเพื่อผู้บริโภคไฟฟ้าในช่วงระยะเวลาการเรียกเก็บเงินบังคับ [1]. นโยบายวัดสุทธิสามารถแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามประเทศและโดยรัฐหรือจังหวัด: ถ้าวัดสุทธิสามารถใช้ได้ถ้าและระยะเวลาที่คุณสามารถเก็บหน่วยกิตแถของคุณและวิธีการมาก สินเชื่อที่มีมูลค่า (ค้าปลีก / ค้าส่ง) ส่วนใหญ่วัดสุทธิกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการม้วนมากกว่ารายเดือนของสินเชื่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมงค่าการเชื่อมต่อรายเดือนขนาดเล็ก [2] ต้องชำระเงินรายเดือนของการขาดดุล (เช่นค่าไฟฟ้าปกติ), และการตั้งถิ่นฐานประจำปีของบัตรเครดิตที่เหลือใด ๆ ซึ่งแตกต่างจากภาษี Feed-in (FIT) ซึ่งต้องใช้สองเมตรวัดสุทธิใช้เดี่ยวเมตรสองทิศทางและสามารถวัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลในสองทิศทาง. [3] วัดสุทธิสามารถดำเนินการ แต่เพียงผู้เดียวเป็นขั้นตอนการบัญชีและต้อง ไม่มีการวัดแสงพิเศษหรือแม้กระทั่งการแจ้งล่วงหน้าใด ๆ หรือการแจ้งเตือน. [4] วัดสุทธิเป็นนโยบายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนในพลังงานทดแทน. วัดสุทธิที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาที่กังหันลมขนาดเล็กและแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่ถูกเชื่อมต่อกับตารางไฟฟ้า และผู้บริโภคต้องการที่จะสามารถที่จะใช้ไฟฟ้าที่สร้างขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันหรือวันกว่าเมื่อมันถูกสร้างขึ้น มินนิโซตามักจะอ้างว่าเป็นกฎหมายที่ผ่านการวัดสุทธิครั้งแรกในปี 1983 และได้รับอนุญาตให้ทุกคนสร้างน้อยกว่า 40 กิโลวัตต์ที่จะม้วนอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเครดิตใด ๆ กิโลวัตต์ในเดือนถัดไปหรือจะต้องจ่ายสำหรับส่วนที่เกิน ในปี 2000 นี้ได้รับการแก้ไขเพื่อชดเชย "ที่ยูทิลิตี้ขายปลีกโดยเฉลี่ยอัตราการใช้พลังงาน" นี่คือการตีความที่ง่ายและทั่วไปส่วนใหญ่ของวัดสุทธิและนอกจากจะช่วยให้ผู้ผลิตขนาดเล็กที่จะขายไฟฟ้าในอัตราที่ค้าปลีก. [5] ยูทิลิตี้ในไอดาโฮนำมาใช้วัดสุทธิในปี 1980 และในรัฐแอริโซนาในปี 1981 นำมาใช้ในแมสซาชูเซตวัดสุทธิในปี 1982 . โดยปี 1998 22 รัฐหรือสาธารณูปโภคนั้นได้นำวัดสุทธิ สองสาธารณูปโภคแคลิฟอร์เนียตอนแรกนำรายเดือน "วัดสุทธิ" ค่าใช้จ่ายซึ่งรวมถึง "ค่าใช้จ่ายสแตนด์บาย" จน PUC ห้ามค่าใช้จ่ายดังกล่าว. [6] ในปี 2005 ทั้งหมดสาธารณูปโภคสหรัฐที่ต้องมีการวัดแสงสุทธิ "ตามคำขอของ" รุ่นส่วนเกินไม่ได้อยู่ ขณะที่ในปี 2015 43 รัฐของสหรัฐอเมริกาได้นำวัดสุทธิเช่นเดียวกับสาธารณูปโภคใน 3 ของประเทศที่เหลือทิ้งไว้เพียง 4 รัฐโดยไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการวัดสุทธิ. [7] วัดสุทธิได้ช้าที่จะถูกนำมาใช้ในยุโรปโดยเฉพาะใน สหราชอาณาจักรเพราะความสับสนมากกว่าวิธีการที่อยู่ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เฉพาะ บริษัท ยูทิลิตี้หนึ่งในสหราชอาณาจักรมีวัดสุทธิ. [8] รัฐบาลสหราชอาณาจักรก็เต็มใจที่จะแนะนำหลักการวัดสุทธิเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนในการจ่ายเงินและคืนเงินค่าภาษีที่ต้องชำระในการผลิตไฟฟ้า แต่โครงการนำร่องที่จะก้าวหน้าในบาง พื้นที่. ในแคนาดาบางจังหวัดมีโปรแกรมวัดสุทธิ. ในฟิลิปปินส์โครงการวัดแสงสุทธิอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติสาธารณรัฐ 9513 (พระราชบัญญัติพลังงานทดแทนของปี 2008) และก็การใช้กฎระเบียบและการควบคุม (IRR) ร่างกายคือการดำเนินการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (ERC) ในการปรึกษาหารือกับคณะกรรมการแห่งชาติทดแทนพลังงาน (NREB) แต่น่าเสียดายที่โครงการไม่ได้เป็นโครงการที่วัดสุทธิจริง แต่ในความเป็นจริงรูปแบบการเรียกเก็บเงินสุทธิ ในฐานะที่เป็นฝ่ายของแนวทางการวัดแสงสุทธิพลังงานพูดว่า "" สุทธิวัดแสงจะช่วยให้ลูกค้าของยูทิลิตี้การจัดจำหน่าย (DUS) การติดตั้งพลังงานทดแทนในสถานที่ (RE) วงเงินไม่เกิน 100 กิโลวัตต์ (กิโลวัตต์) ในความสามารถเพื่อให้พวกเขาสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับ การใช้งานของตัวเอง. ไฟฟ้าใด ๆ ที่เกิดขึ้นที่ไม่ได้ใช้งานโดยลูกค้าจะส่งออกโดยอัตโนมัติไปยังระบบการจัดจำหน่ายของ DU. โดย DU แล้วให้เครดิตเปโซสำหรับการผลิตไฟฟ้าส่วนเกินที่ได้รับเทียบเท่ากับค่าใช้จ่ายในการผลิตผสม DU แต่การยกเว้นการปรับรุ่นอื่น ๆ และหัก เครดิตที่ได้รับการค่าไฟฟ้าของลูกค้า. "[9] ดังนั้นผู้บริโภคของฟิลิปปินส์ที่ผลิตกระแสไฟฟ้าของตัวเองและขายส่วนเกินของพวกเขาเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับเงินสิ่งที่เรียกว่า" ค่าใช้จ่ายการผลิต "ซึ่งมักจะน้อยกว่า 50% ของราคาขายปลีก ไฟฟ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พลังงานสุทธิ ( หรือจ่าย ) หรือเพียงแค่วัดสุทธิเป็นบริการเพื่อผู้บริโภคไฟฟ้าภายใต้ซึ่งพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้นโดยผู้ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากสิทธิในสถานที่และส่งไปยังเครื่องกระจายท้องถิ่นอาจจะใช้เพื่อชดเชยพลังงาน ไฟฟ้า โดยไฟฟ้าเพื่อผู้บริโภคไฟฟ้าในช่วงระยะเวลาการเรียกเก็บเงิน [ 1 ] โดย

นโยบายวัดสุทธิสามารถแตกต่างกันอย่างมากโดยประเทศและรัฐหรือจังหวัด : ถ้าวัดสุทธิสามารถใช้ได้ถ้าและวิธีการระยะเวลาที่คุณสามารถเก็บ banked เครดิตและวิธีการมากเครดิตคุ้มค่า ( ขายปลีก / ขายส่ง ) สุทธิมากที่สุดวัดกฎหมายเกี่ยวข้องกับรายเดือนกลิ้งเครดิต kWh ค่าการเชื่อมต่อรายเดือนขนาดเล็ก [ 2 ] ต้องจ่ายเงินรายเดือนของการขาดดุล ( เช่นค่าไฟฟ้าปกติ )และการตั้งถิ่นฐานของปีใด ๆตกค้างเครดิต ซึ่งแตกต่างจากฟีดในภาษีศุลกากร ( พอดี ) ซึ่งต้องใช้สองเมตร วัดสุทธิ ใช้เดี่ยว สองเมตร และสามารถวัดกระแสที่ไหลในทั้งสองทิศทาง . [ 3 ] วัดสุทธิสามารถใช้บัญชี แต่เพียงผู้เดียวเป็นขั้นตอน และไม่ต้องจ่ายพิเศษ หรือแม้กระทั่งก่อนการเตือนหรือ . [ 4 ]

วัดสุทธิ คือ นโยบายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน
วัดสุทธิที่มาในสหรัฐอเมริกา ที่กังหันลมขนาดเล็ก และแผงเซลล์แสงอาทิตย์เชื่อมต่อกับกริดระบบไฟฟ้า และผู้บริโภคจะสามารถใช้ไฟฟ้าที่สร้างขึ้นในเวลาที่แตกต่างกัน หรืออาจมากกว่าเมื่อมันถูกสร้างขึ้น มินนิโซตามักอ้างเป็นกฎหมายแรกที่ผ่านการวัดแสงสุทธิในปี 1983 และได้รับอนุญาตน้อยกว่า 40 กิโลวัตต์ เพื่อให้กลิ้งๆกิโลวัตต์เครดิตให้ในเดือนถัดไปสร้างใคร หรือจะต้องจ่ายสำหรับส่วนที่เกิน ในปี 2000 นี้ถูกแก้ไขเพื่อชดเชย " ที่เฉลี่ยขายปลีกสาธารณูปโภคพลังงานเท่ากัน " นี้เป็นที่ง่ายที่สุดและทั่วไปส่วนใหญ่ตีความวัดสุทธิ และนอกจากนี้ ช่วยให้ผู้ผลิตขนาดเล็กเพื่อขายไฟฟ้าในอัตรา [ 5 ]

ขายปลีกสาธารณูปโภคในไอดาโฮบุญธรรมวัดสุทธิในปี 1980 และในรัฐแอริโซนาในปี 1981 แมสซาชูเซตบุญธรรมวัดสุทธิในปี 1982 โดย 1998 22 รัฐ หรือสาธารณูปโภคในนั้นได้ใช้วัดสุทธิ . สองแคลิฟอร์เนียสาธารณูปโภครายเดือนเริ่มประกาศใช้ " วัดสุทธิ " ค่าใช้จ่ายซึ่งรวมถึง " ค่า " สแตนด์บายจนกว่าโภคห้ามค่าใช้จ่ายดังกล่าว . [ 6 ] ในปี 2005 สหรัฐฯทั้งหมด .สาธารณูปโภค ต้องให้วัดสุทธิ " ตามความต้องการ " สร้างส่วนเกินก็ไม่ได้ส่ง โดย 2015 43 สหรัฐอเมริกาได้ประกาศใช้วัดสุทธิ รวมทั้งสาธารณูปโภคต่างๆ ใน 3 ประเทศที่เหลือ เหลือเพียง 4 รัฐ โดยไม่มีขั้นตอนการก่อตั้งวัดสุทธิ [ 7 ]

วัดสุทธิก็ช้าเพื่อนำมาใช้ในยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหราชอาณาจักรเพราะความสับสนในวิธีการแก้ไขภาษีมูลค่าเพิ่ม ( VAT ) เพียงหนึ่ง บริษัท ยูทิลิตี้ ในอังกฤษมีวัดสุทธิ . [ 8 ]

รัฐบาลสหราชอาณาจักรเป็นลังเลที่จะแนะนำหลักการวัดแสงสุทธิเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนในการจ่ายเงินและคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่จ่ายกับการไฟฟ้า แต่จะดำเนินการโครงการนำร่องในบางพื้นที่ .

ในแคนาดาบางจังหวัดมีวัดสุทธิโปรแกรม

ในฟิลิปปินส์ , โครงการวัดสุทธิที่ปกครองโดยสาธารณรัฐพระราชบัญญัติ 9513 ( พลังงานทดแทนของพระราชบัญญัติ 2008 ) และก็ใช้กฎและระเบียบ ( IRR ) การใช้ร่างกายเป็นคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ( ราคา ) ในการปรึกษาหารือกับคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ ( nreb ) ขออภัยโครงการไม่ใช่โครงการวัดสุทธิจริง แต่ในความเป็นจริงรูปแบบการเรียกเก็บเงินสุทธิ เป็นแผนกของพลังงานของวัดสุทธิแนวทางว่า "

" วัดสุทธิช่วยให้ลูกค้าของสาธารณูปโภคการแจกแจง ( ดังนั้น ) เพื่อติดตั้งพลังงานทดแทนในโรงแรม ( อีกครั้ง ) สถานที่ไม่เกิน 100 กิโลวัตต์ ( kW ) ความสามารถในการเพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างไฟฟ้าใช้เองไฟฟ้าที่สร้างขึ้นที่ไม่บริโภคโดยลูกค้าโดยอัตโนมัติไปยังระบบจำหน่ายดูครับ ที่ดูแล้วทำให้เงินเปโซเครดิตไฟฟ้าส่วนเกินที่ได้รับเทียบเท่ากับดูเป็นรุ่นต้นทุนผสม ยกเว้นการปรับรุ่นอื่น และหักค่าหน่วยกิตได้รับบิลค่าไฟฟ้าของลูกค้า . " [ 9 ]

ดังนั้น ผู้บริโภคของฟิลิปปินส์ที่สร้างไฟฟ้าของตัวเองและขายส่วนเกินเพื่ออรรถประโยชน์ที่ได้รับสิ่งที่เรียกว่า " รุ่นต้นทุน " ซึ่งมักจะน้อยกว่า 50% ของราคาขายปลีกของไฟฟ้า