ประวัติฟุตบอลยูโร หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาต การแปล - ประวัติฟุตบอลยูโร หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาต ไทย วิธีการพูด

ประวัติฟุตบอลยูโร หรือฟุตบอลชิงแชมป

ประวัติฟุตบอลยูโร หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (European Football Championship) หรือที่นิยมเรียกทั่วไปว่า ฟุตบอลยูโร เป็นการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญที่สุดของทีมชาติในทวีปยุโรป ซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่าและจะห่างจากการแข่งขันฟุตบอลโลกของฟีฟ่า 2 ปี เริ่มแข่งขันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960)รากฐานของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เริ่มต้นขึ้นในปี 1956 ก่อนที่จะเริ่มมีการแข่งขันครั้งแรกขึ้นมาในปี 1960 ในชื่อว่า ฟุตบอลยูโรเปี้ยน เนชั่นส์ คัพ โดยเริ่มต้นรูปแบบการแข่งขันยังเป็นระบบการเล่นเหย้า-เยือนในรอบต้นๆ ก่อนที่จะเล่นแบบน็อกเอาต์ในรอบรองชนะเลิศ บุคคลที่ผลักดันให้มีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ในชาติเป็นกลางขึ้นมาคือ อองรี เดอลาเน่ย์ จากสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส และ ทำให้การแข่งขันรอบสุดท้ายครั้งแรกมีขึ้นที่เมืองน้ำหอม ในปี 1960 โดยเป็นการพบกันระหว่าง สหภาพโซเวียต กับ ยูโกสลาเวีย ซึ่งผลลงเอยด้วยชัยชนะของทีมจากแดนหลังม่านเหล็กในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1
ในปี 1964 ได้มีปัญหาขัดแย้งทางการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวในเกมกีฬา เมื่อ กรีซ ปฏิเสธที่จะเล่นกับ แอลเบเนีย หลังมีสงครามระหว่างประเทศ โดยการเล่นรอบชิงชนะเลิศ จัดที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน และแชมป์ก็ตกเป็นของเจ้าภาพที่เอาชนะ สหภาพโซเวียต 2-1 จากนั้นในปี 1968 ได้เปลี่ยนชื่อการแข่งขันจากฟุตบอลยูโรเปี้ยน เนชั่นส์ คัพ มาเป็น ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกับเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันเป็นแบบแบ่งกลุ่มโดยมี 8 สาย และแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะเข้ามาเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ต้องแข่ง 2 นัด ก่อนเข้ารอบตัดเชือก โดยแชมป์ครั้งนี้เป็นของเจ้าภาพ อิตาลี ที่เอาชนะ ยูโกสลาเวีย 2-0 ในนัดรีเพลย์ หลังเกมแรกเสมอกัน 0-0 ฟุตบอลยูโร 1972 รอบสุดท้าย ที่ประเทศเบลเยียม ยังคงใช้รูปแบบการแข่งขันเหมือนที่ผ่านมา โดยแชมป์ตกเป็นของ เยอรมัน ตะวันตก ที่ถล่ม สหภาพโซเวียต ไปอย่างขาดลอย 3-0 จากการทำประตูของ แกร์ด มุลเลอร์ คนเดียว 2 ลูก จากนั้นอีก 4 ปีต่อมา รอบชิงชนะเลิศมีขึ้นที่ยูโกสลาเวีย โดยที่ เชโกสโลวะเกีย เสมอ เยอรมัน 2-2 ก่อนที่จะมีการดวลจุดโทษครั้งแรก และแชมป์ก็ตกเป็นของ ขุนพลเช็กในที่สุด
มาถึงศึกยูโร 1980 ได้เริ่มใช้ระบบการแข่งแบบใหม่ โดย 8 ทีมจะต้องมาเล่นรอบสุดท้าย ที่ประเทศอิตาลี และแบ่งการเล่นออกเป็น 2 กลุ่ม นำแชมป์ของแต่ละกลุ่มมาเล่นรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งปรากฏว่า เยอรมันตะวันตก คว้าแชมป์ไปครองหลังเฉือนชนะ เบลเยียม 2-1 จนกระทั่งในศึกยูโร 1984 ที่ฝรั่งเศส ได้มีการเปลี่ยนระบบการแข่งขันให้ 2 ทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของทั้ง 2 กลุ่ม เข้ามาเล่นในรอบ ตัดเชือก และในที่สุดเจ้าบ้านซึ่งนำทีมโดย มิเชล พลาตินี่ ก็ชนะ สเปน 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมกับคว้าแชมป์ได้อย่างงดงาม จากนั้นในปี 1988 เยอรมันตะวันตก ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันบ้างโดยใช้รูปแบบเหมือนครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แฟนบอลเมืองเบียร์ต้องอกหัก ปล่อยให้ ฮอลแลนด์ ที่มีนักเตะชั้นเยี่ยมอย่าง มาร์โก แวน บาสเท่น, แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด และ รุด กุลลิท คว้าแชมป์ไปครอง หลังเอาชนะ สหภาพโซเวียต 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศ มาถึงปี 1992 ที่สวีเดน ได้เกิดตำนานเทพนิยายเดนส์ขึ้นมา หลังจากทีมชาติเดนมาร์ก ได้เข้าร่วมการแข่งขันกะทันหัน เนื่องจาก ยูโกสลาเวีย ถูกตัดสิทธิ์ โดยขุนพลเมือง “โคนม” สร้างผลงานยอดเยี่ยมคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างเหลือเชื่อทั้งที่มีเวลา เตรียมตัวไม่นานนักถึงศึกยูโร 1996 ที่อังกฤษ ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันอีกครั้ง โดยมี 16 ทีมเข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มๆ ละ 4 ทีม และ 2 อันดับแรกของแต่ละสายจะได้เข้ามาเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นอกจากนั้น ยังมีการนำกฎ โกลเด้นโกล์มาใช้ครั้งแรกอีกด้วย และกฎนี้ก็ได้ใช้ตัดสินในรอบชิงชนะเลิศทันที โดยที่ โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟ หัวหอกเยอรมัน ซัดดับชีพ สาธารณรัฐเช็ก 2-1
จากนั้นในปี 2000 ก็เป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วมโดย เบลเยียม และ ฮอลแลนด์ รับหน้าเสื่อคู่กัน จุดไคลแมกซ์ของการแข่งขัน ครั้งนี้อยู่ที่การทำประตูโกลเด้นโกล์ของ ดาวิด เทรเซเก้ต์ ที่พาฝรั่งเศส เอาชนะ อิตาลี พร้อมกับคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างยอดเยี่ยม การชิงชัย 11 สมัยที่ผ่านมา ทำให้ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่แฟนบอลพูดกันว่าเพียงเติมบราซิล และอาร์เจนตินาลงไปในบรรดาทีมที่เข้ารอบสุดท้ายของศึกยูโรแต่ละครั้ง เราก็จะพบกับฟุตบอลโลกอีกเวอร์ชั่นดีๆ นี่เองการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ เดอะ ยูฟ่า ยูโรเปียน แชมเปี้ยนชิพ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ยูโร เป็นการแข่งขันของทีมฟุตบอลชายที่เป็นชาติสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่า มีการจัดขึ้นทุก 4 ปี มาตั้งแต่ปี 1960 ชื่อเดิมนั้นถูกเรียก ยูฟ่า ยูโรเปี้ย วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2559
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ เดอะ ยูฟ่า ยูโรเปียน แชมเปี้ยนชิพ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ยูโร เป็นการแข่งขันของทีมฟุตบอลชายที่เป็นชาติสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่า มีการจัดขึ้นทุก 4 ปี มาตั้งแต่ปี 1960 ชื่อเดิมนั้นถูกเรียก ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน เนชั่นส์ คัพ ก่อนมาเปลี่ยนเป็นชื่อที่ใช้ในปัจจุบันนับแต่ปี 1968
ตั้งแต่จัดมาทั้งสิ้น 14 ครั้ง มีทั้งหมด 9 ชาติที่เคยเป็นแชมป์ เยอรมนี และ สเปน ได้แชมป์ 3 สมัย, ฝรั่งเศส 2 สมัย, สหภาพโซเวียต, อิตาลี, เช็กโกสโลวะเกีย, ฮอลแลนด์, เดนมาร์ก และ กรีซ ได้กันคนละ 1 สมัย แต่ สเปน เป็นชาติเดียวที่คว้าแชมป์ 2 สมัยติดต่อกัน ในปี 2008 และ 2012ยูโร เป็นทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลที่มี่คนดูมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากฟุตบอลโลก โดยในรอบชิงชนะเลิศ 2012 มีผู้ชมทั่วโลกมากถึงราว 300 ล้านคน












0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติฟุตบอลยูโรหรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป) หรือที่นิยมเรียกทั่วไปว่าฟุตบอลยูโรเป็นการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญที่สุดของทีมชาติในทวีปยุโรปซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปีโดยสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่าและจะห่างจากการแข่งขันฟุตบอลโลกของฟีฟ่า 2 ปีเริ่มแข่งขันมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) รากฐานของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเริ่มต้นขึ้นในปี 1956 ก่อนที่จะเริ่มมีการแข่งขันครั้งแรกขึ้นมาในปี 1960 คัพในชื่อว่าฟุตบอลยูโรเปี้ยนเนชั่นส์โดยเริ่มต้นรูปแบบการแข่งขันยังเป็นระบบการเล่นเหย้า-เยือนในรอบต้น ๆ ก่อนที่จะเล่นแบบน็อกเอาต์ในรอบรองชนะเลิศบุคคลที่ผลักดันให้มีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในชาติเป็นกลางขึ้นมาคืออองรีเดอลาเน่ย์จากสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสและทำให้การแข่งขันรอบสุดท้ายครั้งแรกมีขึ้นที่เมืองน้ำหอมในปี 1960 โดยเป็นการพบกันระหว่างสหภาพโซเวียตดื่มด่ำยูโกสลาเวียซึ่งผลลงเอยด้วยชัยชนะของทีมจากแดนหลังม่านเหล็กในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1ในปี 1964 ได้มีปัญหาขัดแย้งทางการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวในเกมกีฬาเมื่อกรีซปฏิเสธที่จะเล่นกับแอลเบเนียหลังมีสงครามระหว่างประเทศโดยการเล่นรอบชิงชนะเลิศจัดที่กรุงมาดริดประเทศสเปนและแชมป์ก็ตกเป็นของเจ้าภาพที่เอาชนะสหภาพโซเวียต 2-1 จากนั้นในปี 1968 ได้เปลี่ยนชื่อการแข่งขันจากฟุตบอลยูโรเปี้ยนเนชั่นส์คัพมาเป็นยูฟ่ายูโรเปี้ยนแชมเปี้ยนชิพพร้อมกับเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันเป็นแบบแบ่งกลุ่มโดยมี 8 สายและแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะเข้ามาเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศที่ต้องแข่ง 2 นัดก่อนเข้ารอบตัดเชือกโดยแชมป์ครั้งนี้เป็นของเจ้าภาพอิตาลีที่เอาชนะยูโกสลาเวีย 2-0 ในนัดรีเพลย์หลังเกมแรกเสมอกัน 0-0 ฟุตบอลยูโร 1972 รอบสุดท้ายที่ประเทศเบลเยียมยังคงใช้รูปแบบการแข่งขันเหมือนที่ผ่านมาโดยแชมป์ตกเป็นของเยอรมันตะวันตกที่ถล่มสหภาพโซเวียตไปอย่างขาดลอย 3 0 จากการทำประตูของแกร์ดมุลเลอร์คนเดียว 2 ลูกจากนั้นอีก 4 ปีต่อมารอบชิงชนะเลิศมีขึ้นที่ยูโกสลาเวียโดยที่เชโกสโลวะเกียเสมอเยอรมัน 2-2 ก่อนที่จะมีการดวลจุดโทษครั้งแรกและแชมป์ก็ตกเป็นของขุนพลเช็กในที่สุดมาถึงศึกยูโร 1980 ได้เริ่มใช้ระบบการแข่งแบบใหม่โดย 8 ทีมจะต้องมาเล่นรอบสุดท้ายที่ประเทศอิตาลีและแบ่งการเล่นออกเป็น 2 กลุ่มนำแชมป์ของแต่ละกลุ่มมาเล่นรอบชิงชนะเลิศซึ่งปรากฏว่าเยอรมันตะวันตกคว้าแชมป์ไปครองหลังเฉือนชนะเบลเยียม 2-1 จนกระทั่งในศึกยูโร 1984 ที่ฝรั่งเศสได้มีการเปลี่ยนระบบการแข่งขันให้ 2 ทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของทั้ง 2 กลุ่มเข้ามาเล่นในรอบตัดเชือกและในที่สุดเจ้าบ้านซึ่งนำทีมโดยมิเชลพลาตินี่ก็ชนะสเปน 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศพร้อมกับคว้าแชมป์ได้อย่างงดงามจากนั้นในปี 1988 เยอรมันตะวันตกได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันบ้างโดยใช้รูปแบบเหมือนครั้งที่ผ่านมาอย่างไรก็ตามแฟนบอลเมืองเบียร์ต้องอกหักปล่อยให้ฮอลแลนด์ที่มีนักเตะชั้นเยี่ยมอย่างมาร์โกแวนบาสเท่น แฟร้งค์ไรจ์การ์ดและรุดกุลลิทคว้าแชมป์ไปครองหลังเอาชนะสหภาพโซเวียต 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศมาถึงปี 1992 ที่สวีเดนได้เกิดตำนานเทพนิยายเดนส์ขึ้นมาหลังจากทีมชาติเดนมาร์กได้เข้าร่วมการแข่งขันกะทันหันเนื่องจากยูโกสลาเวียถูกตัดสิทธิ์โดยขุนพลเมือง "โคนม" สร้างผลงานยอดเยี่ยมคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างเหลือเชื่อทั้งที่มีเวลาเตรียมตัวไม่นานนักถึงศึกยูโร 1996 ที่อังกฤษได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันอีกครั้งโดยมี 16 ทีมเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ล่ะ 4 ทีมและ 2 อันดับแรกของแต่ละสายจะได้เข้ามาเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนอกจากนั้นยังมีการนำกฎโกลเด้นโกล์มาใช้ครั้งแรกอีกด้วยและกฎนี้ก็ได้ใช้ตัดสินในรอบชิงชนะเลิศทันทีโดยที่โอลิเวอร์เบียร์โฮฟหัวหอกเยอรมันซัดดับชีพสาธารณรัฐเช็ก 2-1จากนั้นในปี 2000 ก็เป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วมโดย เบลเยียม และ ฮอลแลนด์ รับหน้าเสื่อคู่กัน จุดไคลแมกซ์ของการแข่งขัน ครั้งนี้อยู่ที่การทำประตูโกลเด้นโกล์ของ ดาวิด เทรเซเก้ต์ ที่พาฝรั่งเศส เอาชนะ อิตาลี พร้อมกับคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างยอดเยี่ยม การชิงชัย 11 สมัยที่ผ่านมา ทำให้ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่แฟนบอลพูดกันว่าเพียงเติมบราซิล และอาร์เจนตินาลงไปในบรรดาทีมที่เข้ารอบสุดท้ายของศึกยูโรแต่ละครั้ง เราก็จะพบกับฟุตบอลโลกอีกเวอร์ชั่นดีๆ นี่เองการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ เดอะ ยูฟ่า ยูโรเปียน แชมเปี้ยนชิพ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ยูโร เป็นการแข่งขันของทีมฟุตบอลชายที่เป็นชาติสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่า มีการจัดขึ้นทุก 4 ปี มาตั้งแต่ปี 1960 ชื่อเดิมนั้นถูกเรียก ยูฟ่า ยูโรเปี้ย วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2559การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือเดอะยูฟ่ายูโรเปียนแชมเปี้ยนชิพหรือที่เรียกสั้น ๆ ว่ายูโรเป็นการแข่งขันของทีมฟุตบอลชายที่เป็นชาติสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่ามีการจัดขึ้นทุก 4 ปีมาตั้งแต่ปี 1960 ชื่อเดิมนั้นถูกเรียกยูฟ่ายูโรเปี้ยนเนชั่นส์คัพก่อนมาเปลี่ยนเป็นชื่อที่ใช้ในปัจจุบันนับแต่ปี 1968 ตั้งแต่จัดมาทั้งสิ้น 14 ครั้งมีทั้งหมด 9 ชาติที่เคยเป็นแชมป์เยอรมนีและสเปนได้แชมป์ 3 สมัย ฝรั่งเศส 2 สมัย สหภาพโซเวียต อิตาลี เช็กโกสโลวะเกีย ฮอลแลนด์ เดนมาร์กและกรีซได้กันคนละ 1 สมัยแต่สเปนเป็นชาติเดียวที่คว้าแชมป์ 2 สมัยติดต่อกันในปี 2008 และ 2012ยูโร เป็นทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลที่มี่คนดูมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากฟุตบอลโลกโดยในรอบชิงชนะเลิศ 2012 มีผู้ชมทั่วโลกมากถึงราว 300 ล้านคน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติฟุตบอลยูโร (ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป) หรือที่นิยมเรียกทั่วไปว่าฟุตบอลยูโร ซึ่งจัดขึ้นทุก 4 ปีโดยสมาคมฟุตบอลยุโรป 2 ปีเริ่มแข่งขันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ( ค.ศ. เริ่มต้นขึ้นในปี 1956 1960 ในชื่อว่าฟุตบอลยูโรเปี้ยนเน ชั่นส์คัพ ในชาติเป็นกลางขึ้นมาคือออง รีเดอลาเน่ย์จากสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสและ ในปี 1960 โดยเป็นการพบกันระหว่างสหภาพโซเวียตกับ ยูโกสลาเวีย 2-1 ในปี 1964 เมื่อกรีซปฏิเสธที่จะเล่นกับแอลเบเนีย หลังมีสงครามระหว่างประเทศโดยการเล่นรอบชิงชนะเลิศจัดที่กรุงมาดริดประเทศสเปน สหภาพโซเวียต 2-1 จากนั้นในปี 1968 เนชั่นส์คัพมาเป็น ยูฟ่ายูโรเปี้ยนแชมเปี้ยนชิพ 8 สาย ที่ต้องแข่ง 2 นัดก่อนเข้ารอบตัดเชือกโดยแชมป์ครั้งนี้ เป็นของเจ้าภาพอิตาลีที่เอาชนะยูโกสลาเวีย 2-0 ในนัดรีเพลย์หลังเกมแรก เสมอกัน 0-0 ฟุตบอลยูโร 1972 รอบสุดท้ายที่ประเทศเบลเยียม โดยแชมป์ตกเป็นของเยอรมันตะวันตกที่ถล่ม สหภาพโซเวียตไปอย่างขาดลอย 3-0 จากการทำประตูของแกร์ด มุลเลอร์คนเดียว 2 ลูกจากนั้นอีก 4 ปีต่อมารอบชิงชนะเลิศมี ขึ้นที่ยูโกสลาเวียโดยที่เช โกสโลวะเกียเสมอเยอรมัน 2-2 ที่จะก่อนมีหัวเรื่อง: การดวลจุดโทษครั้งแรกและแชมป์ก็ตกเป็นของขุนพลเช็กในห้างหุ้นส่วนจำกัดที่สุดมาถึงศึกยูโร 1980 ได้เริ่มใช้ระบบการแข่งแบบใหม่ โดย 8 ทีมจะต้องมาเล่น รอบสุดท้ายที่ประเทศอิตาลีและแบ่งการ เล่นออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งปรากฏว่าเยอรมันตะวันตกคว้าแชมป์ไป ครองหลังเฉือนชนะเบลเยียม 2-1 จนกระทั่งในศึกยูโร 1984 ที่ฝรั่งเศสได้มีการเปลี่ยนระบบการ แข่งขันให้ 2 ทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของทั้ง 2 กลุ่มเข้ามาเล่นในรอบตัดเชือกและ ใน ที่สุดเจ้าบ้านซึ่งนำทีมโดยมิเช ลพลาตินี่ก็ชนะสเปน 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศพร้อมกับคว้า แชมป์ได้อย่างงดงามจากนั้นในปี 1988 เยอรมันตะวันตก อย่างไรก็ตามแฟนบอลเมืองเบียร์ต้องอกหักปล่อย ให้ฮอลแลนด์ที่มีนักเตะชั้นเยี่ยมอย่างมาร์โกแวนบาสเท่น , แฟร้งค์ไรจ์การ์ดและ รุดกุลลิทคว้าแชมป์ไปครองหลังเอาชนะสหภาพโซเวียต 2-0 ใน รอบชิงชนะเลิศมาถึงปี 1992 ที่สวีเดนได้เกิดตำนานเทพนิยายเดนส์ ขึ้นมาหลังจากทีมชาติเดนมาร์กได้เข้าร่วมการแข่งขันกะทันหันเนื่องจากยูโกสลาเวียถูกตัดสิทธิ์โดยขุนพลเมือง "โคนม" เตรียมตัวไม่นานนักถึงศึกยูโร 1996 ที่อังกฤษ โดยมี 16 ทีมเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายซึ่ง แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มๆละ 4 ทีมและ 2 8 ทีมสุดท้ายนอกจากนั้นยังมีการนำกฎ โกลเด้นโกล์มาใช้ครั้งแรกอีกด้วย โดยที่โอลิเวอร์เบียร์โฮฟ หัวหอกเยอรมันซัดดับชีพสาธารณรัฐเช็ก 2-1 จากนั้นในปี 2000 ก็เป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วม โดยเบลเยียมและฮอลแลนด์รับหน้าเสื่อคู่กันจุดไคลแมกซ์ของการแข่งขัน ดาวิดเทรเซเก้ต์ที่ พาฝรั่งเศสเอาชนะอิตาลี การชิงชัย 11 สมัยที่ผ่านมาทำให้ฟุตบอลชิงแชมป์ แห่งชาติยุโรป หรือเดอะยูฟ่ายูโรเปียนแชมเปี้ยน ชิพหรือที่เรียกสั้น ๆ ว่ายูโร มีการจัดขึ้นทุก 4 ปีมาตั้งแต่ปี 1960 ชื่อเดิมนั้นถูกเรียกยูฟ่ายูโร เปี้ยวันศุกร์ที่ 29 เมษายน หรือเดอะยูฟ่ายูโรเปียนแชมเปี้ยน ชิพหรือที่เรียกสั้น ๆ ว่ายูโร มีการจัดขึ้นทุก 4 ปีมาตั้งแต่ปี 1960 ชื่อเดิมนั้นถูกเรียกยูฟ่ายูโร เปี้ยนเนชั่นส์คัพ 1968 ตั้งแต่จัดมาทั้งสิ้น 14 ครั้งมีทั้งหมด 9 ชาติที่เคยเป็นแชมป์เยอรมนีและสเปน ได้แชมป์ 3 สมัย, ฝรั่งเศส 2 สมัย, สหภาพโซเวียต, อิตาลี, เช็กโกสโลวะเกีย, ฮอลแลนด์, เดนมาร์กและกรีซได้กันคนละ 1 สมัย แต่สเปนเป็นชาติเดียวที่ คว้าแชมป์ 2 สมัยติดต่อกันในปี 2008 และ 2012 ยูโร 2 รองจากฟุตบอลโลกโดยในรอบชิง ชนะเลิศ 2012 มีผู้ชมทั่วโลกมากถึงราว 300 ล้านคน



















การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: