In summary, we found that supplemen

In summary, we found that supplementation with vitamin D3 reduced the total infectious score with 47 points per patient (23% reduction in the adjusted analysis) during the study year. The observed reduction was lower than the assumed reduction of 70 points per patient (predefined assumption: 210 points=>140 points; a reduction of 30%) that formed the basis for the power calculation. However, despite the predefined level of a reduction of infectious score by 30% as a clinically meaningful effect, we believe that effects lower than this also could be relevant for the individual patient. We base this line of reasoning on the fact that a reduction of 47 points per patient can be translated into 47 days with cough (47 points), 23 days with ear and sinus symptoms (23×2=46 points) or 9 days with cough, sinus and ear symptoms together with malaise and antibiotics (9×5=45 points). In addition, our data indicate that vitamin D3 supplementation reduces the odds of taking antibiotics by approximately 60% in patients with frequent respiratory tract infections. Thus, supplementation with vitamin D3 could provide a novel strategy to reduce antibiotic use among high consumers and indirectly prevent the emerging epidemic of bacterial resistance.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในสรุป เราพบว่าการเสริมด้วยวิตามินดี 3 ลดคะแนนติดเชื้อรวม 47 คะแนนต่อผู้ป่วย (ในการวิเคราะห์ปรับปรุง 23% ลด) ระหว่างปีการศึกษา ลดสังเกตคือต่ำกว่าการลดโหลดของ 70 คะแนนต่อผู้ป่วย (สมมติฐานที่กำหนดไว้ล่วงหน้า: 210 คะแนน = > 140 จุด ลด 30%) ที่เป็นพื้นฐานสำหรับการคำนวณพลังงาน อย่างไรก็ตาม แม้ระดับล่วงหน้าของการลดลงของการติดเชื้อคะแนน 30% เป็นผลประโยชน์ทางการแพทย์ เราเชื่อว่า ผลที่ต่ำกว่านี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยแต่ละครั้ง เราความบรรทัดนี้ให้เหตุผลว่าการลดลงของจุด 47 ต่อผู้ป่วยสามารถแปลเป็น 47 วันกับไอ (47 คะแนน), วันที่ 23 มีหู และอาการไซนัส (23 × 2 = 46 คะแนน) หรือ 9 วันกับไอ อาการไซนัสและหูร่วมกับอาการป่วยไข้และยาปฏิชีวนะ (9 × 5 = 45 คะแนน) นอกจากนี้ ข้อมูลบ่งชี้ว่า การเสริมวิตามินดี 3 ช่วยลดราคาของการใช้ยาปฏิชีวนะประมาณ 60% ในผู้ป่วยติดเชื้อระบบทางเดินหายใจบ่อย ดังนั้น เสริม ด้วยวิตามินดี 3 สามารถให้กลยุทธ์ใหม่เพื่อลดการใช้ยาปฏิชีวนะในหมู่ผู้บริโภคที่สูง และป้องกันการระบาดเกิดขึ้นใหม่ของแบคทีเรียความต้านทานทางอ้อม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยสรุปเราพบว่าการเสริมด้วยวิตามิน D3 ลดการติดเชื้อคะแนนรวม 47 คะแนนต่อผู้ป่วย (ลดลง 23% ในการวิเคราะห์การปรับ) ในระหว่างปีการศึกษา การลดลงสังเกตได้ต่ำกว่าการลดลงของปลอม 70 คะแนนต่อผู้ป่วย (ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าสมมติฐาน: 210 คะแนน => 140 จุดลดลง 30%) ที่เป็นพื้นฐานในการคำนวณพลังงาน อย่างไรก็ตามแม้จะมีระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้าของการลดลงของคะแนนการติดเชื้อ 30% เป็นผลที่มีความหมายในทางคลินิกที่เราเชื่อว่าผลกระทบที่ต่ำกว่านี้อาจจะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยแต่ละราย เราฐานสายของเหตุผลนี้ในความจริงที่ว่าการลดลงของ 47 คะแนนต่อผู้ป่วยสามารถแปลเป็น 47 วันที่มีอาการไอ (47 คะแนน) วันที่ 23 มีหูและไซนัสอาการ (23 × 2 = 46 คะแนน) หรือ 9 วันที่มีอาการไอ ไซนัสและหูอาการร่วมกับอาการป่วยไข้และยาปฏิชีวนะ (9 × 5 = 45 คะแนน) นอกจากนี้ข้อมูลของเราแสดงให้เห็นว่าการเสริมวิตามิน D3 ช่วยลดอัตราต่อรองของการใช้ยาปฏิชีวนะโดยประมาณ 60% ในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อย ดังนั้นการเสริมด้วยวิตามิน D3 สามารถให้กลยุทธ์ใหม่ในการลดการใช้ยาปฏิชีวนะในหมู่ผู้บริโภคสูงและทางอ้อมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดขึ้นใหม่ของความต้านทานเชื้อแบคทีเรีย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สรุปแล้ว เราพบว่า การเสริมด้วยวิตามิน D3 ลดคะแนนที่ติดเชื้อทั้งหมด 47 จุด ต่อผู้ป่วย ( ลดลง 23% ในการปรับปรุงการวิเคราะห์ ) ในระหว่างการศึกษาปี สังเกตที่ลดลงต่ำกว่าถือว่าลด 70 คะแนนต่อผู้ป่วย ( กำหนดสมมติฐาน : 210 คะแนน = > 140 จุด ลดลง 30 % ) ซึ่งรูปแบบพื้นฐานสำหรับใช้ในการคำนวณ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการกำหนดระดับคะแนน ( ร้อยละ 30 โดยมีผลทางการแพทย์มีความหมาย เราเชื่อว่าผลต่ำกว่านี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยแต่ละราย เรายึดสายของเหตุผลบนความจริงที่ว่า การลดลงของ 47 คะแนนต่อผู้ป่วยที่สามารถแปลเป็น 47  วันกับไอ ( 47 คะแนน ) , 23  วันกับหูและไซนัสอาการ ( 23 × 2 = 46 คะแนน ) หรือ 9  วันกับไอ ไซนัส และอาการวิงเวียนและยาแก้อักเสบ ( หูพร้อมกับ 9 × 5 = 45 คะแนน ) นอกจากนี้ ข้อมูลระบุว่า การเสริมวิตามิน D3 ช่วยลดโอกาสที่จะใช้ยาปฏิชีวนะประมาณ 60% ของผู้ป่วยที่พบบ่อยการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ . ดังนั้น การเสริมด้วยวิตามิน D3 สามารถให้กลยุทธ์ใหม่เพื่อลดการใช้ยาปฏิชีวนะของผู้บริโภคสูง และป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อต่อความต้านทาน