ประเพณีอุ้มพระดำน้ำประวัติ / ความเป็นมา ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เป็นประเพณ การแปล - ประเพณีอุ้มพระดำน้ำประวัติ / ความเป็นมา ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เป็นประเพณ ไทย วิธีการพูด

ประเพณีอุ้มพระดำน้ำประวัติ / ความเป

ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ
ประวัติ / ความเป็นมา
ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เป็นประเพณีของชาวเพชรบูรณ์ที่มีความเชื่อถือศรัทธาต่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง คือ พระพุทธมหาธรรมราชา ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดไตรภูมิ มูลเหตุที่มีประเพณีอุ้มพระดำน้ำทุกปีนั้น ตำนานเล่าสืบกันมาว่าย้อนหลังไปประมาณ 400 ปี ชาวประมงกลุ่มหนึ่งออกหาปลาบริเวณลำน้ำป่าสัก ซึ่งสมัยนั้นมีปลาชุกชุมมาก วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ประหลาด ตังแต่เช้าจรดบ่ายยังไม่มีใครจับปลาได้สักตัว คล้ายกับว่าใต้พื้นน้ำแห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย สร้างความงุนงงแก่ชาวประมงเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นกระแสน้ำนั้นก็หยุดไหล นิ่งอยู่กับที่ และค่อยมีพรายน้ำผุดขึ้นทีละฟองสองฟอง แล้วทวีมากขึ้น ไม่ต่างกับน้ำในกาถูกต้มกำลังเดือด ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นวังวงใหญ่ และลึกมาก ทุกคนต่างมองดูด้วยความงุนงงไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น
จนกระทั่งวังน้ำวนแห่งนั้นได้เริ่มคืนสู่สภาพเดิม และดึงเอาพระพุทธรูปองค์หนึ่งขึ้นมาจากใต้น้ำแห่งนั้นลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำ มีการดำผุดดำว่ายตลอดเวลา ไม่ต่างกับอากัปกิริยาของเด็กที่เล่นน้ำ ชาวประมงที่เห็นเหตุการณ์ทราบได้ทันทีว่าพระพุทธรูปองค์นี้ ต้องเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน จึงสามารถแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นเช่นนี้ได้ สมควรที่จะอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานบนบกให้ผู้คนทั้งหลายได้กราบไหว้บูชา จึงพร้อมใจกันลงไปอัญเชิญขึ้นมา นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดไตรภูมิ บริเวณที่ชาวประมงเหล่านั้นนั่งปรึกษากัน ปัจจุบัน คือพื้นที่วังมะขามแฟบ (ไม้ระกำ) ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองเพชรบูรณ์
พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะแบบพระพุทธรูปสมัยลพบุรี แกะสลักลวดลายด้วยความประณีตงดงาม พระพุทธรูปทรงราชาภรณ์ที่เรียกว่า พระทรงเครื่อง ลักษณะนั่งขัดสมาธิเพชร พระพักตร์กว้าง พระขนงเป็นเหลี่ยม พระโอษฐ์ยิ้ม ศิราภรณ์เป็นเทริด ต่อมาชาวเมืองเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าพระมหาธรรมราชา
อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า มีสองสามีภรรยาไปทอดแหในแม่น้ำป่าสัก พายเรือไปเรื่อยๆ จากบ้านของเขาไปถึงบ้านนาสารก็หาปลาไม่ได้แม้สักตัวเดียว พอไปถึงวังน้ำลึกก็ทอดแหลงไปแล้วดึงแหไม่ขึ้น จึงดำน้ำลงไป 3 ครั้ง เพื่อเอาแหขึ้นมาก็ขึ้นไม่ได้ จึงดำน้ำลงไปอีก 3 ครั้ง พบพระพุทธรูปองค์หนึ่งสีเหลืองอร่ามงดงามมาก จึงอัญเชิญไปไว้ที่วัดไตรภูมิ ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธรูปองค์นี้หายตัวได้ เมื่อนำพระพุทธรูปมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิได้ปีเดียว พระพุทธรูปหายไปจากตู้กระจก วันหนึ่งหลวงตาพราหมณ์ได้ไปวิดปลา โดยทำนบกั้นน้ำแล้วใช้โซงโลง (ชะนาง) วิดปลา วิดตลอดวันตลอดคืนน้ำเริ่มแห้งขอด ก็ได้ยินเสียง จ๋อมแจ๋ม แต่ก็ไม่เห็นอะไร แต่พอใกล้แจ้งก็พบพระทองเหลืองอร่ามก็เลยกระโดลงไปอุ้มพระไว้ หลวงตาพราหมณ์จำได้ว่าเป็นพระวัดไตรภูมิ จึงอัญเชิญพระไปไว้ทีวัดอีก นำพระมาประทับไว้ในตู้แล้วลั่นกุญแจไว้ 2 ดอก พระมหาธรรมราชาประทับอยู่ได้ หนึ่งปีก็หายไปจากวัดไตรภูมิอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อมาสองสามีภรรยาคนเดิมที่เคยทอดแหได้พระพุทธรูปองค์นี้มาครั้งแรกก็ไปทอดแหอีก เมื่อพายเรือไปถึงบ้านนาสารก็ทอดแหลงไปบริเวณที่เป็นวังน้ำอีก แหก็ติดอีก แกดำน้ำลงไปดูถึง 2 ครั้ง ก็พบพระพุทธรูปองค์เดิม จึงได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดไตรภูมิ พระอาจารย์ที่วัดแปลกใจมากจึงไปหาหมอมาสะกด เพราะเชื่อว่าเป็นพระปรอท หมอจึงเอาตะปูมาตอกสะกดที่อุ้งพระบาท จึงไม่สามารถหลบไปได้อีก
จากตำนานที่เล่าสืบขานกันมาเช่นนี้ ทำให้ชาวเพชรบูรณ์และจังหวัดใกล้เคียงต่างมีศรัทธาความเชื่อว่า พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มาก หากปีใดมีความแห้งแล้งเกิดขึ้นก็จะทำพิธีบวงสรวง โดยยกเป็นศาลเพียงตาแล้วอัญเชิญพระมหาธรรมราชาองค์นี้อาบน้ำ ผู้ทำพิธีจะนุ่งขาวอุ้มพระพุทธรูปดำน้ำ หากผู้อุ้มพระหันหน้าไปทิศใดก็จะทำให้ฝนตกในทิศนั้นๆ สามวันสามคืน หากต้องการให้ฝนตกตามฤดูกาลก็อัญเชิญพระมหาธรรมราชาแห่รอบเมือง มีการสวดคาถาปลาช่อนด้วยก็จะบันดาลให้ฝนตกตามฤดูกาลได้


กำหนดงาน
ช่วงเทศกาลสารทไทยซึ่งตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ที่ www.tat.or.th/festival


กิจกรรม / พิธี
จากตำนานที่พระพุทธรูปได้หายไปจากวัดไตรภูมิถึง 2 ครั้งนั้น จึงได้มีพิธีนำพระพุทธรูปไปดำน้ำป่าสัก ปีแรกมีการอุ้มพระพุทธรูปมาดำน้ำที่เกาะวังศาล ครั้งที่ 2 ได้นำพระพุทธรูปมาดำน้ำที่วัดโบสถ์หรือโบสถ์ชนะมาร ตั้งแต่บัดนั้นมาจนทุกวันนี้
เริ่มจากการแห่พระวนรอบเมือง เวลา 13.00 น. มีหน่วยงานราชการและประชาชนร่วมใจกันส่งขบวนแห่เข้าร่วมอย่างมากมาย ประชาชนพากันชมขบวนแห่ด้วยความชื่นชม และด้วยความศรัทธาเนืองแน่นไปทุกถนนหนทางที่ขบวนแห่ผ่านไป
หลังจากทำพิธีแห่วนรอบเมืองแล้ว จะนำพระมหาธรรมราชาไปประดิษฐานในปะรำพิธีที่วัดไตรภูมิ เพื่อให้ประชาชนได้มากราบไหว้บูชา ปิดทอง ตอนค่ำมีการสวดมนต์เย็น ตกกลางคืนมีมหรสพและการละเล่นต่างๆ
พอวันรุ่งขึ้นมีพิธีทำบุญวันสารท ชาวบ้านจะนำภัตตาหารมาถวายพระที่วัด มีข้าวกระยาสารทพร้อมด้วยเครื่องไทยธรรมต่างๆ เมื่อถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสามเณรแล้ว ก็จะมีพิธีอุ้มพระดำน้ำมีการรำถวายบวงสรวงด้วยการฟ้อนชุดต่างๆ
พิธีอุ้มพระดำน้ำเริ่มด้วยการอัญเชิญพระมหาธรรมราชาลงบุษบกในเรือราชพิธี ติดตามด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน พร้อมด้วยพระสงฆ์วัดไตรภูมิ บริวณที่จะอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาลงสรงน้ำเป็นท่าน้ำวัดโลสถ์ชนะมาร ซึ่งเป็นวังน้ำลึก ผู้ที่รับหน้าที่อุ้มพระมหาธรรมราชาลงดำน้ำ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีฐานะเทียบเท่าเจ้าเมืองสมัยก่อน น้ำในลำน้ำป่าสักนี้ ภายหลังที่ได้ผ่านพิธีการอุ้มพระดำน้ำแล้ว ชาวเพชรบูรณ์ถือว่าเป็นน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จึงกระโดลงไป นำลูกเด็กเล็กแดงไปอาบน้ำหรือตักขึ้นมาดื่มกิน และบ้างก็ไล่เก็บเศษทองที่หลุดจากองค์พระล่องลอยไปตามกระแสน้ำ เพื่อนำไปบูชาเป็นสิริมงคลคู่ครอบครัว เสร็จจากพิธีอุ้มพระดำน้ำแล้วก็จะเริ่มการแข่งเรือต่อไปอย่างสนุกสนาน

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประเพณีอุ้มพระดำน้ำประวัติ / ความเป็นมา ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เป็นประเพณีของชาวเพชรบูรณ์ที่มีความเชื่อถือศรัทธาต่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง คือ พระพุทธมหาธรรมราชา ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดไตรภูมิ มูลเหตุที่มีประเพณีอุ้มพระดำน้ำทุกปีนั้น ตำนานเล่าสืบกันมาว่าย้อนหลังไปประมาณ 400 ปี ชาวประมงกลุ่มหนึ่งออกหาปลาบริเวณลำน้ำป่าสัก ซึ่งสมัยนั้นมีปลาชุกชุมมาก วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ประหลาด ตังแต่เช้าจรดบ่ายยังไม่มีใครจับปลาได้สักตัว คล้ายกับว่าใต้พื้นน้ำแห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย สร้างความงุนงงแก่ชาวประมงเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นกระแสน้ำนั้นก็หยุดไหล นิ่งอยู่กับที่ และค่อยมีพรายน้ำผุดขึ้นทีละฟองสองฟอง แล้วทวีมากขึ้น ไม่ต่างกับน้ำในกาถูกต้มกำลังเดือด ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นวังวงใหญ่ และลึกมาก ทุกคนต่างมองดูด้วยความงุนงงไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งวังน้ำวนแห่งนั้นได้เริ่มคืนสู่สภาพเดิม และดึงเอาพระพุทธรูปองค์หนึ่งขึ้นมาจากใต้น้ำแห่งนั้นลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำ มีการดำผุดดำว่ายตลอดเวลา ไม่ต่างกับอากัปกิริยาของเด็กที่เล่นน้ำ ชาวประมงที่เห็นเหตุการณ์ทราบได้ทันทีว่าพระพุทธรูปองค์นี้ ต้องเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน จึงสามารถแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นเช่นนี้ได้ สมควรที่จะอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานบนบกให้ผู้คนทั้งหลายได้กราบไหว้บูชา จึงพร้อมใจกันลงไปอัญเชิญขึ้นมา นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดไตรภูมิ บริเวณที่ชาวประมงเหล่านั้นนั่งปรึกษากัน ปัจจุบัน คือพื้นที่วังมะขามแฟบ (ไม้ระกำ) ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองเพชรบูรณ์ พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะแบบพระพุทธรูปสมัยลพบุรี แกะสลักลวดลายด้วยความประณีตงดงาม พระพุทธรูปทรงราชาภรณ์ที่เรียกว่า พระทรงเครื่อง ลักษณะนั่งขัดสมาธิเพชร พระพักตร์กว้าง พระขนงเป็นเหลี่ยม พระโอษฐ์ยิ้ม ศิราภรณ์เป็นเทริด ต่อมาชาวเมืองเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าพระมหาธรรมราชา
อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า มีสองสามีภรรยาไปทอดแหในแม่น้ำป่าสัก พายเรือไปเรื่อยๆ จากบ้านของเขาไปถึงบ้านนาสารก็หาปลาไม่ได้แม้สักตัวเดียว พอไปถึงวังน้ำลึกก็ทอดแหลงไปแล้วดึงแหไม่ขึ้น จึงดำน้ำลงไป 3 ครั้ง เพื่อเอาแหขึ้นมาก็ขึ้นไม่ได้ จึงดำน้ำลงไปอีก 3 ครั้ง พบพระพุทธรูปองค์หนึ่งสีเหลืองอร่ามงดงามมาก จึงอัญเชิญไปไว้ที่วัดไตรภูมิ ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธรูปองค์นี้หายตัวได้ เมื่อนำพระพุทธรูปมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิได้ปีเดียว พระพุทธรูปหายไปจากตู้กระจก วันหนึ่งหลวงตาพราหมณ์ได้ไปวิดปลา โดยทำนบกั้นน้ำแล้วใช้โซงโลง (ชะนาง) วิดปลา วิดตลอดวันตลอดคืนน้ำเริ่มแห้งขอด ก็ได้ยินเสียง จ๋อมแจ๋ม แต่ก็ไม่เห็นอะไร แต่พอใกล้แจ้งก็พบพระทองเหลืองอร่ามก็เลยกระโดลงไปอุ้มพระไว้ หลวงตาพราหมณ์จำได้ว่าเป็นพระวัดไตรภูมิ จึงอัญเชิญพระไปไว้ทีวัดอีก นำพระมาประทับไว้ในตู้แล้วลั่นกุญแจไว้ 2 ดอก พระมหาธรรมราชาประทับอยู่ได้ หนึ่งปีก็หายไปจากวัดไตรภูมิอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อมาสองสามีภรรยาคนเดิมที่เคยทอดแหได้พระพุทธรูปองค์นี้มาครั้งแรกก็ไปทอดแหอีก เมื่อพายเรือไปถึงบ้านนาสารก็ทอดแหลงไปบริเวณที่เป็นวังน้ำอีก แหก็ติดอีก แกดำน้ำลงไปดูถึง 2 ครั้ง ก็พบพระพุทธรูปองค์เดิม จึงได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดไตรภูมิ พระอาจารย์ที่วัดแปลกใจมากจึงไปหาหมอมาสะกด เพราะเชื่อว่าเป็นพระปรอท หมอจึงเอาตะปูมาตอกสะกดที่อุ้งพระบาท จึงไม่สามารถหลบไปได้อีก
จากตำนานที่เล่าสืบขานกันมาเช่นนี้ ทำให้ชาวเพชรบูรณ์และจังหวัดใกล้เคียงต่างมีศรัทธาความเชื่อว่า พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มาก หากปีใดมีความแห้งแล้งเกิดขึ้นก็จะทำพิธีบวงสรวง โดยยกเป็นศาลเพียงตาแล้วอัญเชิญพระมหาธรรมราชาองค์นี้อาบน้ำ ผู้ทำพิธีจะนุ่งขาวอุ้มพระพุทธรูปดำน้ำ หากผู้อุ้มพระหันหน้าไปทิศใดก็จะทำให้ฝนตกในทิศนั้นๆ สามวันสามคืน หากต้องการให้ฝนตกตามฤดูกาลก็อัญเชิญพระมหาธรรมราชาแห่รอบเมือง มีการสวดคาถาปลาช่อนด้วยก็จะบันดาลให้ฝนตกตามฤดูกาลได้


กำหนดงาน
ช่วงเทศกาลสารทไทยซึ่งตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ที่ www.tat.or.th/festival


กิจกรรม / พิธี
จากตำนานที่พระพุทธรูปได้หายไปจากวัดไตรภูมิถึง 2 ครั้งนั้น จึงได้มีพิธีนำพระพุทธรูปไปดำน้ำป่าสัก ปีแรกมีการอุ้มพระพุทธรูปมาดำน้ำที่เกาะวังศาล ครั้งที่ 2 ได้นำพระพุทธรูปมาดำน้ำที่วัดโบสถ์หรือโบสถ์ชนะมาร ตั้งแต่บัดนั้นมาจนทุกวันนี้
เริ่มจากการแห่พระวนรอบเมือง เวลา 13.00 น. มีหน่วยงานราชการและประชาชนร่วมใจกันส่งขบวนแห่เข้าร่วมอย่างมากมาย ประชาชนพากันชมขบวนแห่ด้วยความชื่นชม และด้วยความศรัทธาเนืองแน่นไปทุกถนนหนทางที่ขบวนแห่ผ่านไป
หลังจากทำพิธีแห่วนรอบเมืองแล้ว จะนำพระมหาธรรมราชาไปประดิษฐานในปะรำพิธีที่วัดไตรภูมิ เพื่อให้ประชาชนได้มากราบไหว้บูชา ปิดทอง ตอนค่ำมีการสวดมนต์เย็น ตกกลางคืนมีมหรสพและการละเล่นต่างๆ
พอวันรุ่งขึ้นมีพิธีทำบุญวันสารท ชาวบ้านจะนำภัตตาหารมาถวายพระที่วัด มีข้าวกระยาสารทพร้อมด้วยเครื่องไทยธรรมต่างๆ เมื่อถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสามเณรแล้ว ก็จะมีพิธีอุ้มพระดำน้ำมีการรำถวายบวงสรวงด้วยการฟ้อนชุดต่างๆ
พิธีอุ้มพระดำน้ำเริ่มด้วยการอัญเชิญพระมหาธรรมราชาลงบุษบกในเรือราชพิธี ติดตามด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน พร้อมด้วยพระสงฆ์วัดไตรภูมิ บริวณที่จะอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาลงสรงน้ำเป็นท่าน้ำวัดโลสถ์ชนะมาร ซึ่งเป็นวังน้ำลึก ผู้ที่รับหน้าที่อุ้มพระมหาธรรมราชาลงดำน้ำ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีฐานะเทียบเท่าเจ้าเมืองสมัยก่อน น้ำในลำน้ำป่าสักนี้ ภายหลังที่ได้ผ่านพิธีการอุ้มพระดำน้ำแล้ว ชาวเพชรบูรณ์ถือว่าเป็นน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จึงกระโดลงไป นำลูกเด็กเล็กแดงไปอาบน้ำหรือตักขึ้นมาดื่มกิน และบ้างก็ไล่เก็บเศษทองที่หลุดจากองค์พระล่องลอยไปตามกระแสน้ำ เพื่อนำไปบูชาเป็นสิริมงคลคู่ครอบครัว เสร็จจากพิธีอุ้มพระดำน้ำแล้วก็จะเริ่มการแข่งเรือต่อไปอย่างสนุกสนาน

การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ประเพณีอุ้มที่คุณพระดำตั้งขึ้นคุณน้ำ
ประวัติ / ความสามารถเป็นมา
ประเพณีอุ้มที่คุณพระดำตั้งขึ้นคุณน้ำเป็นประเพณีของชาวเพชรบูรณ์ที่มีความสามารถเชื่อถือศรัทธาต่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองคือพระพุทธมหาธรรมราชาปัจจุบันประดิษฐานขณะนี้ที่วัดไตรภูมิมูลเหตุที่มีประเพณีอุ้มที่คุณพระดำตั้งขึ้นคุณน้ำทุก ปีนั้นตำนานเล่าสืบกันมาว่า ย้อนหลังไปประมาณ 400 ปีชาวประมงกลุ่มหนึ่งออกหาปลา บริเวณลำน้ำป่าสักซึ่งสมัยนั้นมีปลาชุกชุมมากวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ประหลาดตัง แต่เช้าจรดบ่ายยังไม่มีใครจับปลาได้สักตัว คล้ายกับว่าใต้พื้นน้ำแห่งนี้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลยสร้างความงุนงงแก่ชาวประมงเป็นอย่างมากทันใดนั้นกระแสน้ำนั้นก็หยุดไหลนิ่งอยู่กับที่และค่อยมีพรายน้ำผุดขึ้นทีละฟองสองฟองแล้วทวีมากขึ้น ไม่ต่างกับคุณน้ำในห้างหุ้นส่วนจำกัดกาถูกต้มกำลังเดือดไม่นานก็เปลี่ยนเป็นวังวงใหญ่และลึกมากทุกของคุณคนต่างมองดูด้วยความสามารถงุนงงไม่ด้านหาคำตอบได้ว่าได้มันเกิดอะไรขึ้น
จนกระทั่งวังคุณน้ำวนแห่งนั้นได้เริ่มคืนสู่ สภาพเดิมและดึงเอาพระพุทธรูปองค์ หนึ่งขึ้นมาจากใต้น้ำแห่งนั้นลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำมีการดำผุดดำว่ายตลอดเวลาไม่ต่างกับอากัปกิริยาของเด็กที่เล่นน้ำชาวประมงที่เห็นเหตุการณ์ทราบได้ทันทีว่าพระพุทธ รูปองค์นี้ต้องเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ อย่างแน่นอนจึงสามารถแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นเช่นนี้ได้สมควรที่จะอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานบนบกให้ผู้คนทั้งหลายได้กราบไหว้บูชาจึงพร้อมใจกันลงไปอัญเชิญขึ้นมานำไปประดิษฐานไว้ที่วัด ไตรภูมิบริเวณที่ชาวประมงเหล่านั้นนั่ง ปรึกษากันปัจจุบันคือพื้นที่วังมะขามแฟบ (ไม้ระกำ) ซึ่งขณะนี้ทางทิศเหนือของเมืองเพชรบูรณ์
พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะแบบพระพุทธรูปสมัยลพบุรีแกะสลักลวดลายด้วยความสามารถประณีตงดงามพระพุทธรูปคุณทรงราชา ภรณ์ที่เรียกว่าได้ที่คุณพระทรงเครื่องลักษณะนั่งขัดสมาธิคุณเพชรที่คุณพระพักตร์กว้างที่คุณพระขนงเป็นเหลี่ยมพระโอษฐ์ยิ้มศิราภรณ์เป็นเทริดต่อมาชาวเมืองเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าได้ที่คุณพระมหาธรรมราชา
อีกตำนานคุณหนึ่งกล่าวว่าได้มีสองสามีภรรยาไปทอดแหในห้างหุ้นส่วนจำกัด แม่น้ำป่าสักพายเรือไปเรื่อย ๆ จากบ้านของเขาไปถึงบ้านนาสารก็หาปลาไม่ได้แม้สักตัวเดียวพอไปถึงวังน้ำลึกก็ทอดแหลงไปแล้วดึงแหไม่ขึ้นจึงดำน้ำลงไป 3 ครั้งเพื่อเอาแหขึ้นมา ก็ขึ้นไม่ได้จึงดำน้ำลงไป อีก 3 ครั้งพบพระพุทธรูปองค์หนึ่งสีเหลือง อร่ามงดงามมากจึงอัญเชิญไปไว้ที่วัดไตรภูมิตามตำนานกล่าวว่าพระพุทธรูปองค์นี้หายตัวได้เมื่อนำพระพุทธรูปมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิได้ปีเดียว พระพุทธรูปหายไปจากตู้กระจกวัน หนึ่งหลวงตาพราหมณ์ได้ไปวิดปลาโดยทำนบกั้นน้ำแล้วใช้โซงโลง (ชะนาง) วิดปลาวิดตลอดวันตลอดคืนน้ำ เริ่มแห้งขอดก็ได้ยินเสียงจ๋อมแจ๋ม แต่ก็ ไม่เห็นอะไร แต่พอใกล้แจ้งก็ พบพระทองเหลืองอร่ามก็เลยกระโดลงไปอุ้มพระไว้หลวงตาพราหมณ์จำได้ว่าเป็นพระวัดไตรภูมิจึงอัญเชิญพระไปไว้ทีวัดอีกนำพระมาประทับไว้ในตู้แล้วลั่นกุญแจไว้ 2 ดอก พระมหาธรรมราชาประทับอยู่ได้หนึ่งปี ก็หายไปจากวัดไตรภูมิอีกเป็นครั้งที่สองต่อมาสองสามีภรรยาคนเดิมที่เคยทอดแหได้พระพุทธรูปองค์นี้มาครั้งแรกก็ไปทอดแหอีกเมื่อพายเรือไปถึงบ้านนาสารก็ทอดแหลง ไปบริเวณที่เป็นวังน้ำอีกแห ก็ติดอีกแกดำน้ำลงไปดูถึง 2 ครั้งก็พบพระพุทธรูปองค์เดิมจึง ได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดไตรภูมิพระอาจารย์ที่วัดแปลกใจมากจึงไปหาหมอมาสะกดเพราะเชื่อว่าเป็นพระ ปรอทหมอจึงเอาตะปูมาตอกสะกดที่อุ้งพระบาทจึงไม่ด้านหลบไปได้อีก
จากเนชั่ตำนานที่เล่าสืบขานกันมาเช่นนี้ทำให้ชาวเพชรบูรณ์และจังหวัดใกล้เคียงต่างมีศรัทธาความสามารถเชื่อว่าได้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มากหากปีใดมีความสามารถ แห้งแล้งเกิดขึ้นก็จะทำพิธีบวงสรวง โดยยกเป็นศาลเพียงตาแล้วอัญเชิญพระมหาธรรมราชาองค์นี้อาบน้ำผู้ทำพิธีจะนุ่งขาวอุ้มพระพุทธรูปดำน้ำหากผู้อุ้มพระหันหน้าไปทิศใดก็จะทำให้ฝนตกในทิศนั้น ๆ สามการธนาคารวันสามคืนหากต้องการให้คุณฝนตกตามฤดูกาลก็อัญเชิญที่คุณพระมหาธรรมราชาแห่รอบเมืองมีหัวเรื่อง: การสวดคาถาปลาช่อนด้วยก็จะบันดาลให้คุณฝนตกตามฤดูกาลได้


กำหนดงานเจ้าหน้าที่ฝ่าย
ช่วงเทศกาลสารทไทย English ซึ่งตรงกับการธนาคารวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ตรวจสอบด้านรายละเอียดได้ที่ www.tat.or.th/festival


กิจกรรม / พิธี
จากเนชั่ตำนานที่พระพุทธรูปได้หายไปจากเนชั่วัดไตรภูมิถึง 2 ครั้งนั้นจึงได้มีพิธีนำพระพุทธ รูปไปดำน้ำป่าสักปีแรกมีการ อุ้มพระพุทธรูปมาดำน้ำที่เกาะ วังศาลครั้งที่ 2 นำพระพุทธได้รูปมาดำตั้งขึ้นคุณน้ำที่วัดโบสถ์หรือโบสถ์ชนะมารตั้งแต่บัดนั้นมาจนทุกวันนี้
เริ่มจากเนชั่หัวเรื่อง: การที่คุณพระแห่วนรอบเมืองเวลา 13.00 น มีหน่วยงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายราชการเป็นและประชาชนร่วมใจกันส่งขบวนแห่เข้าร่วมอย่างมากมายประชาชนพากันชมขบวนแห่ด้วยความสามารถชื่นชมและด้วยความสามารถศรัทธาเนืองแน่นไปทุกถนนหนทางที่ขบวนแห่ทางทหารผ่านไป
หลังจากทำพิธีแห่วนรอบเมืองแล้วจะนำที่คุณพระมหา ธรรมราชาไปประดิษฐานในห้างหุ้นส่วนจำกัดปะรำพิธีที่วัดไตรภูมิเพื่อให้ประชาชนได้มากราบไหว้บูชาปิดทองตอนค่ำมีหัวเรื่อง: การสวดมนต์เย็นตกกลางคืนมีมหรสพและการละเล่นต่างๆ
พอการธนาคารวันรุ่งขึ้นมีพิธีทำบุญการธนาคารวันสารทชาวร้านบ้านจะนำภัตตาหารมาถวาย ที่คุณพระที่วัดมีคุณข้าวกระยาสารทพร้อมด้วยเครื่องไทย English ธรรมต่างๆเมื่อถวายภัตตาหารแด่ที่คุณพระภิกษุสามเณรแล้วก็จะมีพิธีอุ้มที่คุณพระดำตั้งขึ้นคุณน้ำมีหัวเรื่อง: การรำถวายบวงสรวงด้วยหัวเรื่อง: การฟ้อนชุดต่างๆ
พิธีอุ้มที่คุณพระดำตั้งขึ้นคุณน้ำเริ่มด้วยหัวเรื่อง: การอัญเชิญที่คุณพระมหาธรรมราชา ลงบุษบกในเรือราชพิธีติดตามด้วย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายท่านพร้อมด้วยพระสงฆ์วัดไตรภูมิบริวณที่จะอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาลงสรงน้ำเป็นท่าน้ำวัดโลสถ์ชนะมารซึ่งเป็นวังน้ำลึกผู้ที่รับหน้าที่อุ้มพระมหา ธรรมราชาลงดำน้ำคือผู้ว่าราชการ จังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งมีฐานะเทียบเท่าเจ้าเมืองสมัยก่อนน้ำในลำน้ำป่าสักนี้ภายหลังที่ได้ผ่านพิธีการอุ้มพระดำน้ำแล้วชาวเพชรบูรณ์ถือว่าเป็นน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จึงกระโดลงไปนำลูกเด็ก เล็กแดงไปอาบน้ำหรือตักขึ้น มาดื่มกินและบ้างก็ไล่เก็บเศษทองที่หลุดจากองค์พระล่องลอยไปตามกระแสน้ำเพื่อนำไปบูชาเป็นสิริมงคลคู่ครอบครัวเสร็จจากพิธีอุ้มพระดำน้ำแล้วก็จะเริ่มการแข่ง เรือต่อไปอย่างสนุกสนาน

การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประเพณีอุ้มพระดำน้ำประวัติ / ความเป็นมาประเพณีอุ้มพระดำน้ำเป็นประเพณีของชาวเพชรบูรณ์ที่มีความเชื่อถือศรัทธาต่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองความพระพุทธมหาธรรมราชาปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดไตรภูมิมูลเหตุที่มีประเพณีอุ้มพระดำน้ำทุกปีนั้นตำนานเล่าสืบกันมาว่าย้อนหลังไปประมาณชาวป 400 . ระมงกลุ่มหนึ่งออกหาปลาบริเวณลำน้ำป่าสักซึ่งสมัยนั้นมีปลาชุกชุมมากวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ประหลาดตังแต่เช้าจรดบ่ายยังไม่มีใครจับปลาได้สักตัวคล้ายกับว่าใต้พื้นน้ำแห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลยสร้างความงุนงงแก่ชาวประมงเป็นอย่างมากทันใดนั้นกระแสน้ำน ั้นก็หยุดไหลนิ่งอยู่กับที่และค่อยมีพรายน้ำผุดขึ้นทีละฟองสองฟองแล้วทวีมากขึ้นไม่ต่างกับน้ำในกาถูกต้มกำลังเดือดไม่นานก็เปลี่ยนเป็นวังวงใหญ่และลึกมากทุกคนต่างมองดูด้วยความงุนงงไม่สามารถหาคำตอบได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งวังน้ำวนแห่งนั้นได้เริ่มคืนสู่สภาพเดิมและดึงเอาพระพุทธรูปองค์หนึ่งขึ้นมาจากใต้น้ำแห่งนั้นลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำมีการดำผุดดำว่ายตลอดเวลาไม่ต่างกับอากัปกิริยาของเด็กที่เล่นน้ำชาวประมงที่เห็นเหตุการณ์ทราบได้ทันทีว่าพระพุทธรูปองค์นี้ต้องเป็น พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอนจึงสามารถแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นเช่นนี้ได้สมควรที่จะอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานบนบกให้ผู้คนทั้งหลายได้กราบไหว้บูชาจึงพร้อมใจกันลงไปอัญเชิญขึ้นมานำไปประดิษฐานไว้ที่วัดไตรภูมิบริเวณที่ชาวประมงเหล่านั้นนั่งปรึกษากันปัจจุบันค ือพื้นที่วังมะขามแฟบ ( ไม้ระกำ ) ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองเพชรบูรณ์พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะแบบพระพุทธรูปสมัยลพบุรีแกะสลักลวดลายด้วยความประณีตงดงามพระพุทธรูปทรงราชาภรณ์ที่เรียกว่าพระทรงเครื่องลักษณะนั่งขัดสมาธิเพชรพระพักตร์กว้างพระขนงเป็นเหลี่ยมพระโอษฐ์ยิ้มศิราภรณ์เป็นเทริดต่อมาชาวเมืองเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าพ ระมหาธรรมราชาอีกตำนานหนึ่งกล่าวว่ามีสองสามีภรรยาไปทอดแหในแม่น้ำป่าสักพายเรือไปเรื่อยๆจากบ้านของเขาไปถึ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: