Picking a topic is perhaps the most

Picking a topic is perhaps the most important step in writing a research paper. To do it well requires several steps of refinement. First you have to determine a general area in which you have an interest (if you aren't interested, your readers won't be either). You do not write a paper "about the Civil War," however, for that is such a large and vague concept that the paper will be too shallow or you will be swamped with information. The next step is to narrow your topic. Are you interested in comparison? battles? social change? politics? causes? biography? Once you reach this stage try to formulate your research topic as a question. For example, suppose that you decide to write a paper on the use of the films of the 1930's and what they can tell historians about the Great Depression. You might turn that into the following question: "What are the primary values expressed in films of the 1930's?" Or you might ask a quite different question, "What is the standard of living portrayed in films of the 1930's?" There are other questions, of course, which you could have asked, but these two clearly illustrate how different two papers on the same general subject might be. By asking yourself a question as a means of starting research on a topic you will help yourself find the answers. You also open the door to loading the evidence one way or another. It will help you decide what kinds of evidence might be pertinent to your question, and it can also twist perceptions of a topic. For example, if you ask a question about economics as motivation, you are not likely to learn much about ideals, and vice versa.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หัวข้อการเบิกสินค้าเป็นบางทีขั้นตอนสำคัญในการเขียนเอกสารวิจัยทาง การทำดีต้องมีหลายขั้นตอนของการปรับแต่ง ก่อนอื่น คุณต้องตรวจสอบพื้นที่ทั่วไปที่คุณมีความสนใจ (ถ้าคุณไม่สนใจ ผู้อ่านจะไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง) คุณไม่ได้เขียนกระดาษเกี่ยวกับสงครามกลางเมือง อย่างไรก็ตาม ที่เป็นดังกล่าวมีขนาดใหญ่ และแนวความคิดที่คลุมเครือว่า กระดาษจะตื้นเกินไป หรือคุณจะ swamped ข้อมูล ขั้นตอนถัดไปคือการ จำกัดหัวข้อของคุณ คุณมีความสนใจในการเปรียบเทียบ การรบ เปลี่ยนแปลงทางสังคม การเมือง สาเหตุ ประวัติ เมื่อคุณได้ลองขั้นตอนนี้จะกำหนดหัวข้อเป็นคำถามวิจัยของคุณ ตัวอย่างเช่น สมมติว่า คุณตัดสินใจที่จะเขียนกระดาษบนการใช้ภาพยนตร์ของปี 1930 และสิ่งที่เขาสามารถบอกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าดี คุณอาจเปิดที่เป็นคำถามต่อไปนี้: "คือค่าหลักที่แสดงในภาพยนตร์ของปี 1930 อะไร" หรือคุณอาจถามคำถามที่ค่อนข้างแตกต่าง คืออะไรมาตรฐานการครองชีพในภาพยนตร์ของปี 1930 " มีคำถามอื่น ๆ แน่นอน ซึ่งคุณสามารถขอ แต่ทั้งสองอย่างชัดเจนแสดงให้เห็นถึงแตกต่างสองเอกสารเดียวกันเรื่องทั่วไปอาจจะ โดยการถามตัวเองคำถามเป็นวิธีการเริ่มงานวิจัยในหัวข้อ คุณจะช่วยตัวเองหาคำตอบ นอกจากนี้คุณยังเปิดประตูเพื่อโหลดหลักฐานทางเดียวหรืออื่น มันจะช่วยให้คุณตัดสินใจว่า สิ่งที่ชนิดของหลักฐานที่อาจเกี่ยวข้องกับคำถามของคุณ และมันยังสามารถบิดรับรู้ของหัวข้อ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถามคำถามเกี่ยวกับเศรษฐกิจเป็นแรงจูงใจ คุณไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้มาก เกี่ยวกับอุดมคติ และในทางกลับกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หยิบหัวข้ออาจจะเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการเขียนรายงานการวิจัย ที่จะทำมันได้ดีต้องมีหลายขั้นตอนของการปรับแต่ง แรกที่คุณต้องตรวจสอบพื้นที่โดยทั่วไปในที่ที่คุณมีความสนใจ (ถ้าคุณไม่สนใจผู้อ่านของคุณจะไม่เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง) คุณไม่ได้เขียนกระดาษ "เกี่ยวกับสงครามกลางเมือง" แต่สำหรับที่มีแนวคิดดังกล่าวมีขนาดใหญ่และคลุมเครือว่ากระดาษที่จะตื้นเกินไปหรือคุณจะล้นมือกับข้อมูล ขั้นตอนต่อไปคือการทำการหัวข้อของคุณ คุณมีความสนใจในการเปรียบเทียบ? การต่อสู้? การเปลี่ยนแปลงทางสังคม? การเมือง? ทำให้เกิด? ประวัติ? เมื่อคุณมาถึงขั้นตอนนี้พยายามที่จะกำหนดหัวข้องานวิจัยของคุณเป็นคำถาม ตัวอย่างเช่นสมมติว่าคุณตัดสินใจที่จะเขียนกระดาษในการใช้งานของภาพยนตร์ของปี 1930 และสิ่งที่พวกเขาสามารถบอกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คุณอาจจะเปิดที่เป็นคำถามต่อไปนี้: "สิ่งที่มีค่าหลักแสดงในภาพยนตร์ของปี 1930" หรือคุณอาจจะถามคำถามที่แตกต่างกันมาก "มาตรฐานการครองชีพภาพในภาพยนตร์ของปี 1930 คืออะไร?" มีคำถามอื่น ๆ ของหลักสูตรที่คุณสามารถได้ขอให้มี แต่สองคนนี้อย่างชัดเจนแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่แตกต่างกันสองเอกสารในเรื่องทั่วไปที่เหมือนกันอาจจะมี โดยการถามตัวเองคำถามเป็นวิธีของการเริ่มต้นการวิจัยในหัวข้อที่คุณจะช่วยตัวเองได้รับคำตอบของ นอกจากนี้คุณยังเปิดประตูไปสู่​​การโหลดหลักฐานหรืออีกวิธีหนึ่ง มันจะช่วยให้คุณตัดสินใจสิ่งที่ชนิดของหลักฐานที่อาจจะเกี่ยวข้องกับคำถามของคุณและมันยังสามารถบิดการรับรู้ของหัวข้อ ตัวอย่างเช่นถ้าคุณถามคำถามเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์เป็นแรงจูงใจที่คุณไม่น่าจะเรียนรู้มากเกี่ยวกับอุดมการณ์และในทางกลับกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เลือกหัวข้ออาจเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเขียนบทความวิจัย ทำมันได้ดีมีหลายขั้นตอนของการปรับแต่ง แรกคุณต้องตรวจสอบพื้นที่ทั่วไปที่คุณมีความสนใจ ( ถ้าคุณไม่ได้สนใจ ของคุณผู้อ่านจะไม่เหมือนกัน ) คุณไม่เขียนกระดาษเกี่ยวกับสงครามกลางเมือง " อย่างไรก็ตาม ที่เป็นเช่นขนาดใหญ่และคลุมเครือ แนวคิดว่ากระดาษจะตื้นเกินไปหรือคุณจะล้นมือกับข้อมูล ขั้นตอนถัดไปคือการ แคบ หัวข้อของคุณ คุณสนใจในการเปรียบเทียบ ? การต่อสู้ ? การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ? การเมือง สาเหตุ ? ประวัติ ? เมื่อคุณมาถึงขั้นตอนนี้พยายามที่จะตั้งหัวข้องานวิจัยของคุณเป็นคำถาม ตัวอย่างเช่นสมมติว่าคุณตัดสินใจที่จะเขียนบทความเกี่ยวกับการใช้ฟิล์ม 1930 และสิ่งที่พวกเขาสามารถบอกนักประวัติศาสตร์เกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าที่ยิ่งใหญ่ คุณอาจเปลี่ยนมันให้กลายเป็นคำถามต่อไปนี้ : " อะไรคือค่าหลักแสดงในภาพยนตร์ 2473 " ? หรือคุณอาจถามคำถามที่ค่อนข้างแตกต่างกัน อะไรคือมาตรฐานของชีวิต ภาพในฟิล์ม 1930 ? มีคำถามอื่น ๆ ของหลักสูตรที่คุณอาจจะถาม แต่สองคนนี้อย่างชัดเจนแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่แตกต่างกันสองเอกสารในหัวข้อเดียวกันทั่วไป อาจจะ โดยการถามตัวเองคำถามเป็นวิธีการเริ่มต้นการวิจัยในหัวข้อที่คุณจะช่วยให้คุณค้นหาคำตอบ คุณยังเปิดประตูโหลดหลักฐานหรืออีกวิธีหนึ่ง มันจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่ชนิดของหลักฐานที่อาจจะเกี่ยวข้องกับคำถามของคุณ และมันยังสามารถบิดเบือนการรับรู้ของหัวข้อ ตัวอย่างเช่น หากคุณถามคำถามเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์เป็นแรงจูงใจคุณจะไม่ได้โอกาสที่จะเรียนรู้มากเกี่ยวกับอุดมคติและในทางกลับกัน