7.1. CarcinogenicityReactive metabo

7.1. Carcinogenicity
Reactive metabolites (e.g., epoxides and dihydrodiols) of some PAHs
have become one of the major health concerns because of their potential
to bind to cellular proteins and DNA with toxic effects, despite the
presence of some unmetabolized PAHs (Armstrong et al., 2004). The
resulting biochemical disruption and cell damage can lead to mutations,
developmental malformations, tumors, and cancer (Bach et al., 2003).
Evidence indicates that mixtures of PAHs may be more carcinogenic
to humans than individual PAHs. The evidence comes primarily from
occupational studies of workers exposed to mixtures of PAHs. According
to the U.S. Environmental Protection Agency (USEPA, 2008), seven PAH
compounds have been classified as probable human carcinogens:
benz(a)anthracene, benzo(a)pyrene, benzo(b)fluoranthene, benzo(k)
fluoranthene, chrysene, dibenz(ah)anthracene, and indeno(1,2,3-cd)
pyrene.
Information on human exposure and associated carcinogenicity has
usually been acquired from the occupational exposure of workers to
PAHs, e.g., during coke production, roofing using bituminous products,
oil refining, and coal gasification (Bach et al., 2003; Zhang and Tao,
2009). In the past, chimney sweeps and workers using tar were
dermally exposed to substantial amounts of PAHs. Hence, there is
good evidence that skin cancer in many of these workers was caused
by PAHs (Boffetta et al., 1997). In one of the previous studies, the
relationship between lung cancer and working conditions (e.g., in the
gas industry and coal tar industry) was explored (Kennaway, 1995).
An increased incidence of cancers, particularly of the lung, was shown
in epidemiologic studies of gas workers (Armstrong et al., 2004). An
excessively high rate (16-fold higher) of lung cancer was found in
coke-oven workers (Armstrong et al., 2002). The increases in lung
cancer cases were closely correlated with the time spent for workingon top of ovens where the average BaP concentration was about
30 mg m−3 (Moolgavkar et al., 1998). A small increased risk of cancer
in workers exposed to diesel exhaust has also been suggested by some
epidemiologic studies (Boers et al., 2005; Clapp et al., 2008; Travares
et al., 2004). However, it should be noted that all these working environments
produce, not only PAHs, but also others pollutants with
potential carcinogenic effects.
Drinking mate (a traditional South American infused drink prepared
from steeping dried leaves of yerba mate) has also been suspected for
the association with cancers of the esophagus, oropharynx, larynx,
lung, kidney, and bladder. Kamangar et al. (2008) found very high concentrations
of carcinogenic PAHs in yerba mate leaves and in hot and
cold mate infusions. This finding supported the hypothesis that the carcinogenicity
of mate may be related to its PAH content. The carcinogenicity
of certain PAHs had been well established in laboratory animals
(Samanta et al., 2002). Researchers reported increased incidences of
skin, lung, bladder, liver, and stomach cancers as well as injection-site
sarcomas in animals (Samanta et al., 2002). Animal studies show that
certain PAHs can also affect the hematopoietic and immune systems
producing reproductive, neurologic, and developmental effects (Jong
et al., 1999; Latif et al., 2010). In laboratory studies, animals exposed
to certain levels of some PAHs over long periods have suffered from
lung cancer from inhalation, stomach cancer from ingesting PAHs in
food, and skin cancer from skin contact (Hecht, 1999; Latif et al., 2010;
Lynch and Rebbeck, 2013). Benzo(a)pyrene is the most common PAH
to cause cancer in animals and was the first chemical carcinogen to be
discovered (Latif et al., 2010). Continued research regarding the mutagenic
and carcinogenic effects from chronic exposure to PAHs and metabolites
is needed. Table 3 indicates the carcinogenic classifications of
selected PAHs by specific agencies.
Exposure to PAHs in air at ambient concentrations close to those
specified in regulation is thought to pose a lower risk. A recent study
of BaP concentrations in Northern Ireland (Butterfield and Brown,
2012) concluded that, amongst the population of 94,000 exposed to
ambient concentration above the 1 ng m−3 target value in the province,
only an additional 3 incidences of lung cancer over a 70 year period
would be expected.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

7.1 สารก่อมะเร็ง
สารปฏิกิริยา (เช่น epoxides และ dihydrodiols) ของสาร PAHs บางส่วน
ได้กลายเป็นหนึ่งในความกังวลด้านสุขภาพที่สำคัญเพราะศักยภาพของพวกเขา
ที่จะผูกกับโปรตีนของเซลล์และดีเอ็นเอที่มีความเป็นพิษแม้จะมี
การปรากฏตัวของสาร PAHs unmetabolized บางคน (อาร์มสตรอง, et al., 2004 )
ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักทางชีวเคมีและความเสียหายของเซลล์สามารถนำไปสู่การกลายพันธุ์
จนผิดรูปพัฒนาการเนื้องอกและมะเร็ง (Bach et al., 2003).
หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าส่วนผสมของสาร PAHs อาจเป็นสารก่อมะเร็งมากขึ้น
กับมนุษย์กว่า PAHs ของแต่ละบุคคล หลักฐานมาส่วนใหญ่มาจาก
การศึกษาการประกอบอาชีพของคนงานที่สัมผัสกับส่วนผสมของสาร PAHs ตาม
ที่สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (USEPA, 2008) เจ็ด PAH
สารที่ได้รับการจัดเป็นสารก่อมะเร็งของมนุษย์น่าจะเป็น:
benz (ก) แอนทรา, benzo (ก) ไพรีน, benzo (ข) ออแรนทีน, benzo (k)
ออแรนทีน, chrysene, dibenz (อา) แอนทราและ indeno (1,2,3-CD)
ไพรีน.
ข้อมูลเกี่ยวกับการสัมผัสของมนุษย์และสารก่อมะเร็งที่เกี่ยวข้องได้
รับมักจะได้มาจากการเปิดรับการประกอบอาชีพของคนงานที่จะ
PAHs เช่นในระหว่างการผลิตโค้กหลังคาใช้ผลิตภัณฑ์บิทูมินั,
การกลั่นน้ำมันและถ่านหิน (Bach, et ​​al, 2003;. จางและเต่า
2009) ในอดีตที่ผ่านมาเรตติ้งปล่องไฟและคนงานใช้น้ำมันดินถูก
สัมผัส dermally กับจำนวนเงินที่สำคัญของพีเอเอช จึงมี
หลักฐานที่ดีว่าโรคมะเร็งผิวหนังในหลายแรงงานเหล่านี้มีสาเหตุมา
จากพีเอเอช (Boffetta et al., 1997) ในตอนหนึ่งของการศึกษาก่อนหน้านี้
ความสัมพันธ์ระหว่างโรคมะเร็งปอดและสภาพการทำงาน (เช่นใน
อุตสาหกรรมก๊าซและอุตสาหกรรมน้ำมันถ่านหิน) มีการสำรวจ (Kennaway, 1995).
อุบัติการณ์ที่เพิ่มขึ้นของการเกิดโรคมะเร็งโดยเฉพาะอย่างยิ่งของปอดก็แสดงให้เห็น
ในทางระบาดวิทยา การศึกษาของแรงงานก๊าซ (อาร์มสตรอง et al., 2004)
อัตราที่สูงมากเกินไป (16 เท่าสูงกว่า) ของโรคมะเร็งปอดที่พบใน
คนงานโค้กเตาอบ (อาร์มสตรอง et al., 2002) การเพิ่มขึ้นของปอด
ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับเวลาที่ใช้สำหรับด้านบน workingon ของเตาอบที่ความเข้มข้น BaP เฉลี่ยประมาณ
30 มก. ม. ที่ 3 (Moolgavkar et al., 1998) ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็ก ๆ ของโรคมะเร็ง
ในคนงานที่สัมผัสกับไอเสียดีเซลยังได้รับการแนะนำโดยบาง
การศึกษาทางระบาดวิทยา (บัวร์ et al, 2005;. แคลปป์, et al, 2008;. Travares
., et al, 2004) แต่ก็ควรจะตั้งข้อสังเกตว่าทั้งหมดเหล่านี้สภาพแวดล้อมการทำงาน
ผลิตสาร PAHs ไม่เพียง แต่ยังมลพิษอื่น ๆ ที่มี
ผลกระทบต่อการเกิดโรคมะเร็งที่มีศักยภาพ.
เพื่อนร่วมดื่ม (ดั้งเดิมอเมริกาใต้ผสมเครื่องดื่มที่เตรียม
จากน้ำชาใบแห้งของคู่ Yerba) ยังได้รับการสงสัย
การเชื่อมโยงกับโรคมะเร็งของหลอดอาหาร oropharynx กล่องเสียง
ปอดไตและกระเพาะปัสสาวะ Kamangar et al, (2008) พบว่ามีความเข้มข้นสูงมาก
ของสาร PAHs เป็นสารก่อมะเร็งในใบคู่ Yerba และร้อนและ
เย็นคู่เงินทุน การค้นพบนี้สนับสนุนสมมติฐานที่ว่าสารก่อมะเร็ง
ของคู่อาจจะเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของ PAH สารก่อมะเร็ง
ของสาร PAHs บางอย่างได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในสัตว์ทดลอง
(Samanta et al., 2002) นักวิจัยรายงานอุบัติการณ์ที่เพิ่มขึ้นของ
ผิวปอดกระเพาะปัสสาวะตับและมะเร็งในกระเพาะอาหารเช่นเดียวกับการฉีดสถาน
มะเร็งในสัตว์ (Samanta et al., 2002) การศึกษาแสดงให้เห็นว่าสัตว์
PAHs บางอย่างยังสามารถส่งผลกระทบต่อเม็ดเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน
ผลิตสืบพันธุ์ระบบประสาทและผลกระทบการพัฒนา (Jong
et al, 1999;.. ฟรา et al, 2010) ในการศึกษาในห้องปฏิบัติการสัมผัสสัตว์
ให้อยู่ในระดับที่แน่นอนของสาร PAHs บางช่วงเวลานานได้รับความเดือดร้อนจาก
โรคมะเร็งปอดจากการสูดดม, มะเร็งกระเพาะอาหารจากการบริโภคสาร PAHs ใน
อาหารและโรคมะเร็งผิวหนังจากการสัมผัสทางผิวหนัง (ชต์ 1999; Latif et al, 2010;.
ลินช์ และ Rebbeck 2013) benzo (ก) ไพรีนเป็น PAH ที่พบมากที่สุด
ที่จะทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์และสารก่อมะเร็งสารเคมีแรกที่ถูก
ค้นพบ (Latif et al., 2010) วิจัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการก่อกลายพันธุ์
และสารก่อมะเร็งผลกระทบจากการสัมผัสเรื้อรังและสารพีเอเอช
เป็นสิ่งจำเป็น ตารางที่ 3 แสดงให้เห็นถึงการจำแนกประเภทของสารก่อมะเร็ง
PAHs การคัดเลือกจากหน่วยงานที่เฉพาะเจาะจง.
การสัมผัสกับสาร PAHs ในอากาศที่ระดับความเข้มข้นโดยรอบใกล้เคียงกับ
ที่ระบุไว้ในระเบียบเป็นความคิดที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่ำ ผลการศึกษาล่าสุด
ของความเข้มข้น BaP ในไอร์แลนด์เหนือ (ฟีลด์และบราวน์,
2012) ได้ข้อสรุปว่าในหมู่ประชากร 94,000 สัมผัสกับ
ความเข้มข้นดังกล่าวข้างต้นโดยรอบ 1 นาโนเมตร 3 ค่าเป้าหมายในจังหวัด
เพียงเพิ่มอีก 3 อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปอดมากกว่า เป็นระยะเวลา 70 ปีที่
คาดว่าจะ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

7.1 . สารก่อมะเร็ง
ปฏิกิริยาหลายชนิด ( เช่น epoxides และ dihydrodiols ) ของ PAHs
ได้กลายเป็นหนึ่งของความกังวลเรื่องสุขภาพที่สำคัญเนื่องจาก
ศักยภาพผูกโปรตีนของเซลล์และดีเอ็นเอที่มีพิษ แม้
ที่มีบางส่วน unmetabolized PAHs ( อาร์มสตรอง et al . , 2004 )
ที่เกิดการหยุดชะงักทางชีวเคมีและเซลล์เกิดความเสียหายสามารถนำไปสู่การกลายพันธุ์
ผิดรูป , พัฒนาการเนื้องอกและมะเร็ง ( Bach et al . , 2003 ) .
หลักฐานบ่งชี้ว่าผสมสารอาจเป็นสารก่อมะเร็งมากขึ้น
มนุษย์กว่า PAHs แต่ละ หลักฐานมาประกอบ
อาชีพการศึกษาของแรงงานเปิดรับผสมสาร .
ไปตามสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา ( กำหนด , 2008 ) , เจ็ดสาร PAH
ได้รับการจัดเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ น่าจะเป็น :
เบนโซเอแอนทราซีน ,เบนโซเอไพรีนเบนโซ , อะโครโพลิสเบนโซ ( B ) , ( K )
chrysene อะโครโพลิส , , dibenz ( อา ) แอนทราซีน และ indeno ( 1,2,3-cd )

ไพรีนได้ ข้อมูลในการเปิดรับและการมีมนุษย์สัมพันธ์
มักจะได้รับจากความเสี่ยงจากการทำงานของพนักงาน

สาร เช่น ในระหว่างการผลิตโคเคน หลังคายางมะตอย
ใช้ผลิตภัณฑ์ , น้ำมันกลั่น และก๊าซจากถ่านหิน ( Bach et al . , 2003 ;
Zhang และเต๋า2009 ) ในอดีต กวาดปล่องไฟและแรงงานใช้น้ำมันดินถูก
dermally ตากอย่างมากปริมาณของพลาสเตอร์ยา จึงมี
เป็นหลักฐานที่ดีที่โรคมะเร็งผิวหนังในมากของแรงงานเหล่านี้ เกิดสาร (
โดย บอฟเฟตตา et al . , 1997 ) ในหนึ่งการศึกษา ,
ความสัมพันธ์ระหว่างโรคมะเร็งปอดและสภาพการทำงาน เช่น ใน
ก๊าซอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมถ่านหินน้ำมันดิน ) สำรวจ ( kennaway , 1995 )
มีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นของโรคมะเร็งโดยเฉพาะอย่างยิ่งของปอด , แสดง
ในการศึกษาทางระบาดวิทยาของแรงงานก๊าซ ( อาร์มสตรอง et al . , 2004 ) เป็น
ที่สูงมากเกินไป อัตรา ( 16 พับสูง ) ของโรคมะเร็งปอด พบว่าคนงานใน
เตาอบโค้ก ( อาร์มสตรอง et al . , 2002 ) เพิ่มขึ้นในปอด
ผู้ป่วยโรคมะเร็งเป็นอย่างใกล้ชิดมีความสัมพันธ์กับเวลาที่ใช้สำหรับ workingon ด้านบนของเตาอบที่ความเข้มข้น BAP เฉลี่ยประมาณ 30 mg m − 3
( moolgavkar et al . , 1998 ) ขนาดเล็ก ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคมะเร็ง
ในคนงานที่สัมผัสไอเสียเครื่องยนต์ดีเซลยังได้รับการแนะนำโดย
การศึกษาทางระบาดวิทยา ( boers et al . , 2005 ; แคลปป์ et al . , 2008 ; travares
et al . , 2004 ) อย่างไรก็ตามมันควรจะสังเกตว่าทั้งหมดนี้สภาพแวดล้อม
ทำงานผลิต ไม่เพียง แต่ช้า แต่ยังคนอื่น ๆที่มีผลมลพิษสารก่อมะเร็งที่มีศักยภาพ
ดื่มคู่ ( แบบอเมริกันผสมเครื่องดื่มเตรียม
จาก steeping ใบของ yerba แห้ง ) ยังถูกสงสัย
สมาคมกับมะเร็งของหลอดอาหาร คอหอยส่วนปาก กล่องเสียง
ปอด ไต และกระเพาะปัสสาวะ kamangar et al .( 2551 ) พบว่า ความเข้มข้นของสารก่อมะเร็งพีเอเอช
สูงมากใน yerba ใบและร้อนและเย็นคู่ infusions
. การค้นหานี้สนับสนุนสมมติฐานว่าสารก่อมะเร็ง
ของคู่ครอง อาจเกี่ยวข้องกับเนื้อหาป่าของมัน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
บางพีเอเอชได้ถูกดีก่อตั้งขึ้นในห้องปฏิบัติการสัตว์
( samanta et al . , 2002 ) นักวิจัยรายงานอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นของ
ผิวหนัง ปอด กระเพาะปัสสาวะตับ และโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ตลอดจนการฉีดยา
sarcomas ในสัตว์ ( samanta et al . , 2002 ) การศึกษาสัตว์แสดงให้เห็นว่า
แน่นอนและยังสามารถส่งผลกระทบต่อวิธีระบบภูมิคุ้มกัน
การผลิตและการสืบพันธุ์ ประสาทวิทยา และผลการพัฒนา ( จอง
et al . , 1999 ; Latif et al . , 2010 ) ในการศึกษาทดลอง สัตว์สัมผัส
บางระดับของบางช่วงเวลาที่ยาวนานและทรมานจาก
โรคมะเร็งปอดจากการสูดดม มะเร็งกระเพาะอาหาร จาก ingesting สาร
อาหารและโรคมะเร็งผิวหนังจากการสัมผัสทางผิวหนัง ( เฮชท์ , 1999 ; Latif et al . , 2010 ;
ช์และ rebbeck 2013 ) เบนโซเอไพรีนเป็นส่วนใหญ่ป่ะ
ที่จะก่อให้เกิดมะเร็งในสัตว์และเป็นสารก่อมะเร็ง สารเคมีที่แรกที่จะ
ค้นพบ ( Latif et al . , 2010 ) วิจัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับอาหาร
ผลจากการเปิดรับ และการอักเสบเรื้อรังไฮโดรคาร์บอนและสาร
ที่จําเป็น ตารางที่ 3 แสดงการจำแนกประเภทสารก่อมะเร็ง PAHs โดยเฉพาะหน่วยงานที่เลือกของ
.
การเปิดรับสารในอากาศที่อุณหภูมิห้องความเข้มข้นใกล้เคียงกับที่ระบุไว้ในระเบียบ
เป็นความคิดที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ลดลง a
ผลการศึกษาล่าสุดของ BAP ความเข้มข้นในภาคเหนือของไอร์แลนด์ ( ฟีลด์ และสีน้ําตาล
2012 ) สรุปได้ว่าในหมู่ประชากรของ 94000 ตาก
สมาธิบรรยากาศเหนือ 1 ng m − 3 เป้าหมายมูลค่าในจังหวัด
เพียงเพิ่มเติม 3 อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปอดมากกว่า 70 ปี
คาดว่าจะเป็น .