Presidency[edit]In December, 2011,

Presidency[edit]
In December, 2011, Draghi oversaw a €489 billion ($640 b.), three-year loan program from the ECB to European banks. The program was around the same size as the US Troubled Asset Relief Program (2008) though still much smaller than the overall US response including the Federal Reserve's asset purchases and other actions of that time. Draghi's ECB also promptly "repealed the two foolish rate hikes made by his predecessor ...Trichet [and] ... stepped up the bond purchases from struggling euro-zone nations" to help with the debt crisis, commentator Steve Goldstein wrote in mid-January, 2012. At that time, "Draghi and all of his colleagues (the decision was unanimous) chose not to cut the price for private-sector loans [below the 1% achieved with the "repeal"], even when he forecasts inflation to fall below the targeted 2% later this year." As such, Goldstein concluded, Draghi would leave more moves to national leaders Sarkozy and German Chancellor Angela Merkel and central banks, contrasting Draghi's actions with those of the Fed's Ben Bernanke.[29]

In February 2012, Nobel prize laureate in economics Joseph Stiglitz argued that, on the issue of the impending Greek debt restructuring, the ECB's insistence that it has to be "voluntary" (as opposed to a default decreed by the Greek authorities) was a gift to the financial institutions that sold credit default insurance on that debt; a position that is unfair to the other parties, and constitutes a moral hazard.[30]

Late in February, 2012, a second, somewhat larger round of ECB loans to European banks was initiated under Draghi, called long term refinancing operation (LTRO). One commentator, Matthew Lynn, saw the ECB's injection of funds, along with Quantitative easing from the US Fed and the Asset Purchase Facility at the Bank of England, as feeding increases in oil prices in 2011 and 2012.[31]

In July 2012, in the midst of renewed fears about sovereigns in the Eurozone, Draghi stated in a panel discussion that the ECB "...is ready to do whatever it takes to preserve the Euro. And believe me, it will be enough."[32] This statement led to a steady decline in bond yields (borrowing costs) for Eurozone countries, in particular Spain, Italy and France. In light of slow political progress on solving the Eurozone crisis, Draghi's statement has been seen as a key turning point in the fortunes of the Eurozone.[33]

In April 2013, Draghi said in response to a question regarding membership in the Eurozone that "These questions are formulated by people who vastly underestimate what the euro means for the Europeans, for the euro area. They vastly underestimate the amount of political capital that has been invested in the euro."[34]

In 2015 in an appearance before the European Parliament Draghi said that the future of the eurozone was at risk unless member countries gave up some independence and created more Pan-European government institutions. “We have not yet reached the stage of a genuine monetary union,” the central bank president, Mario Draghi, said in a speech to the European Parliament in Brussels. Failure of eurozone countries to harmonize their economies and create stronger institutions, he said, “puts at risk the long-term success of the monetary union when faced with an important shock.” Mr. Draghi has often urged eurozone governments to do more to improve their economic performance, for example by overhauling restrictive labor regulations. But it was unusual for him to suggest that the future of the eurozone could depend on whether countries heed his advice.[35]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประธานาธิบดี [แก้ไข]ธันวาคม 2554, Draghi ดูแล €489 ล้าน ($640 b.) โปรแกรมเงินกู้ 3 ปีจากกลางแห่งการธนาคารในยุโรป โปรแกรมรอบขนาดเดียวกันกับเราปัญหาสินทรัพย์บรรเทาโปรแกรม (2008) แต่ยังคงขนาดเล็กกว่าซื้อตอบสนองสหรัฐโดยรวมรวมถึงสินทรัพย์ของธนาคารกลางและการดำเนินการอื่น ๆ ของเวลานั้นได้ Draghi ของกลางแห่งยังทันที "repealed พี่โง่อัตราสองทำ โดยรุ่นก่อนของเขา...Trichet [และ]...ก้าวขึ้นพันธบัตรซื้อจากประเทศยูโรโซนดิ้นรน "เพื่อช่วยวิกฤตหนี้ วิจารณ์ Steve Goldstein เขียนในกลางเดือนมกราคม 2012 ในขณะนั้น, " Draghi และเพื่อนร่วมงานของเขา (การตัดสินใจเป็นเอกฉันท์) ทั้งหมดเลือกไม่ตัดราคาสำหรับสินเชื่อภาคเอกชน [ต่ำกว่า 1% ประสบความสำเร็จได้"ยกเลิก"], แม้เขาคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อจะลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ช่วงปลายปีนี้" เช่น Goldstein สรุป Draghi จะปล่อยย้ายเพิ่มเติมเพื่อนำชาติจม และชานเซลเลอร์เยอรมันเกลาและธนาคารกลาง ห้องการดำเนินการของ Draghi กับของเฟด Ben Bernanke[29]ในเดือน 2012 กุมภาพันธ์ รางวัลโนเบลผู้ได้รับในเศรษฐศาสตร์โจเซฟสติกลิตส์โต้เถียงว่า ปัญหาของใกล้กรีกหนี้ปรับโครงสร้าง เป็นกลางแห่ง insistence ที่มีให้ "สมัครใจ" (ตรงข้ามกับการ decreed โดยเจ้าหน้าที่ภาษากรีก) คือ เป็นของขวัญให้กับสถาบันการเงินที่ขายสินเชื่อเริ่มต้นประกันในหนี้นั้น ตำแหน่งงานที่ไม่เป็นธรรมแก่บุคคลอื่น ๆ และถือเป็นอันตรายศีลธรรม[30]ในเดือนกุมภาพันธ์ 2012 รอบสอง ใหญ่กลางแห่งเงินกู้ยืมธนาคารยุโรปเป็นจุดเริ่มต้นภายใต้ Draghi เรียกว่ารีไฟแนนซ์ (LTRO) การดำเนินงานระยะยาว หนึ่งวิจารณ์ Matthew Lynn เห็นของกลางแห่งการฉีดเงิน พร้อมผ่อนคลายเราเฟดและสินเชื่อการซื้อสินทรัพย์ธนาคารของอังกฤษ เป็นอาหารเพิ่มในราคาน้ำมันในปี 2554 และ 2555 ที่เชิงปริมาณ[31]ในเดือน 2555 กรกฎาคม ท่ามกลางความกลัวใหม่เกี่ยวกับราชันยูโรโซน Draghi กล่าวในการเสวนาที่กลางแห่งการ "... ก็พร้อมที่จะทำสิ่งที่มันจะรักษายูโร และเชื่อฉัน มันจะพอ"[32] นี้นำไปสู่การลดลงอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (ต้นทุนการกู้ยืม) มั่นคงสำหรับประเทศในยูโรโซน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสเปน อิตาลี และฝรั่งเศส เมื่อการเมืองความคืบหน้าช้าในการแก้วิกฤตยูโรโซน ได้เห็นของ Draghi งบเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตัวใหญ่ ๆ ของยูโรโซน[33]2013 เมษายน Draghi กล่าวว่า ในการตอบคำถามเกี่ยวกับสมาชิกในยูโรโซนว่า "คำถามเหล่านี้จะกำหนด โดยคนเสมือนดูถูกดูแคลนยูโรที่เป็นสำหรับชาวยุโรป พื้นที่ยูโร พวกเขาเสมือนดูถูกดูแคลนจำนวนทุนทางการเมืองที่มีการลงทุนในยูโร"[34]ใน 2015 ในลักษณะก่อน Draghi รัฐสภายุโรปกล่าวว่า อนาคตของยูโรโซนมีความเสี่ยงเว้นแต่ ประเทศสมาชิกได้บางเป็นอิสระ และสร้างสถาบันรัฐบาลยุโรปเพิ่มเติม "เรายังไม่ถึงระยะของสหภาพแรงงานเงินแท้ ประธานธนาคารกลาง Mario Draghi กล่าวในรัฐสภายุโรปในบรัสเซลส์ ความล้มเหลวของประเทศยูโรโซนเพื่อประสานเศรษฐกิจของพวกเขา และสร้างสถาบันที่แข็งแกร่ง เขากล่าว "ทำให้ความเสี่ยงความสำเร็จระยะยาวของสหภาพทางการเงินเมื่อประสบกับการช็อตสำคัญด้วย" นาย Draghi มีมักเรียกร้องให้รัฐบาลในยูโรโซนจะทำเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจของพวกเขา เช่นตาม overhauling ข้อบังคับแรงงานจำกัด แต่มันเป็นเรื่องปกติเขาแนะนำว่า อนาคตของยูโรโซนอาจขึ้นอยู่กับว่าประเทศสามารถแนะนำเขา[35]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประธาน [แก้ไข]
ในเดือนธันวาคม 2011, Draghi คุม€ 489000000000 ($ 640 ข.), โครงการเงินกู้สามปีจาก ECB กับธนาคารยุโรป โปรแกรมรอบขนาดเดียวกับสหรัฐทุกข์สินทรัพย์โครงการบรรเทา (2008) แม้ว่าจะยังคงมีขนาดเล็กกว่าการตอบสนองโดยรวมของสหรัฐรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐของการซื้อสินทรัพย์และการดำเนินการอื่น ๆ ในช่วงเวลานั้น ของ ECB Draghi ยังทันที "ยกเลิกสองการปรับขึ้นค่าโง่ทำโดยบรรพบุรุษของเขา ... Trichet [และ] ... ก้าวขึ้นมาซื้อพันธบัตรจากดิ้นรนประเทศยูโรโซน" เพื่อช่วยให้มีวิกฤตหนี้วิจารณ์สตีฟโกลด์สไตน์เขียนในช่วงกลางเดือน -January 2012 ในเวลานั้น "Draghi และของเพื่อนร่วมงานของเขา (การตัดสินใจเป็นเอกฉันท์) เลือกที่จะไม่ลดราคาสำหรับการกู้ยืมเงินของภาคเอกชน [ต่ำกว่า 1% ที่ประสบความสำเร็จกับ" ยกเลิก "] แม้แต่ตอนที่เขาคาดการณ์ อัตราเงินเฟ้อจะลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ในปลายปีนี้. " เช่นโกลด์สตีสรุป Draghi จะปล่อยให้ย้ายไปยังผู้นำชาติซาร์โกซีและเยอรมัน Chancellor Angela Merkel และธนาคารกลางเพิ่มเติมตัดกันกระทำของ Draghi กับของเฟด Ben Bernanke. [29] ในเดือนกุมภาพันธ์ 2012, รางวัลโนเบลได้รับรางวัลในสาขาเศรษฐศาสตร์โจเซฟสติกลิตซ์ที่ถกเถียงกันอยู่ ว่าในเรื่องของการปรับโครงสร้างหนี้กรีกกำลังจะเกิดขึ้น, การเรียกร้องของ ECB ว่ามันจะต้องมี "ความสมัครใจ" (เมื่อเทียบกับค่าเริ่มต้นกำหนดโดยทางการกรีซ) เป็นของขวัญให้กับสถาบันการเงินที่ขายประกันเริ่มต้นเครดิตของตราสารหนี้ที่ ; ตำแหน่งที่ไม่เป็นธรรมให้กับบุคคลอื่น ๆ และถือว่าเป็นอันตรายคุณธรรม. [30] ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2012, ครั้งที่สองรอบที่ค่อนข้างใหญ่ของเงินให้สินเชื่อ ECB กับธนาคารยุโรปได้ริเริ่มขึ้นภายใต้ Draghi เรียกว่ายาวการดำเนินการรีไฟแนนซ์ระยะยาว (LTRO) . หนึ่งวิจารณ์แมทธิวลินน์เห็นการฉีดของ ECB ของเงินทุนพร้อมกับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณจากเฟดและสิ่งอำนวยความสะดวกการซื้อสินทรัพย์ที่ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษขณะที่การเพิ่มขึ้นของการให้อาหารของราคาน้ำมันในปี 2011 และ 2012 [31] ในเดือนกรกฎาคม 2012, ในท่ามกลางความกลัวเกี่ยวกับการต่ออายุกษัตริย์ในยูโรโซน, Draghi ที่ระบุไว้ในการอภิปรายว่า ECB "... พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษายูโร. และเชื่อฉันก็จะเพียงพอ." [32] คำสั่งนี้จะนำไปสู่การลดลงอย่างต่อเนื่องในอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (ต้นทุนการกู้ยืม) สำหรับประเทศยูโรโซนโดยเฉพาะในสเปน, อิตาลีและฝรั่งเศส ในแง่ของความคืบหน้าทางการเมืองช้าในการแก้วิกฤตยูโรโซนงบ Draghi ได้รับการมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในโชคชะตาของยูโรโซน. [33] ในเดือนเมษายน 2013 Draghi กล่าวในการตอบสนองต่อคำถามเกี่ยวกับสมาชิกในกลุ่มยูโรโซนที่ " คำถามเหล่านี้เป็นสูตรโดยคนที่ประมาทอย่างมากมายสิ่งที่เงินยูโรหมายความว่าสำหรับชาวยุโรปสำหรับพื้นที่ยูโร. พวกเขาอย่างมากมายประมาทปริมาณของเงินทุนทางการเมืองที่ได้รับการลงทุนในสกุลเงินยูโร. "[34] ในปี 2015 ในลักษณะที่ปรากฏก่อนที่ยุโรป รัฐสภา Draghi กล่าวว่าอนาคตของยูโรโซนมีความเสี่ยงเว้นแต่ประเทศสมาชิกให้ขึ้นบางอย่างเป็นอิสระและสร้างเพิ่มเติมสถาบันของรัฐแพนยุโรป "เรายังไม่ถึงขั้นตอนของสหภาพการเงินของแท้" ประธานธนาคารกลางมาริโอดรากีกล่าวว่าในการพูดต่อรัฐสภายุโรปในกรุงบรัสเซลส์ ความล้มเหลวของประเทศในยูโรโซนที่จะประสานเศรษฐกิจของพวกเขาและสร้างสถาบันที่แข็งแกร่งเขากล่าวว่า "ทำให้มีความเสี่ยงที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวของสหภาพการเงินเมื่อต้องเผชิญกับช็อตที่สำคัญ." นาย Draghi ได้มักจะเรียกร้องให้รัฐบาลยูโรโซนทำขึ้นเพื่อปรับปรุง ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจของพวกเขาเช่นโดยการรื้อระเบียบแรงงานที่เข้มงวด แต่มันเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับเขาที่จะชี้ให้เห็นว่าอนาคตของยูโรโซนอาจจะขึ้นอยู่กับว่าประเทศฟังคำแนะนำของเขา. [35]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประธานาธิบดี [ แก้ไข ]
ในเดือนธันวาคม 2011 , Draghi เป็นเป็นลูกค้า 489 พันล้าน ( $ 640 บ. ) , โปรแกรมเงินกู้ 3 ปีจาก ECB ธนาคารยุโรป โปรแกรมอยู่ที่ประมาณขนาดเดียวกับเราบรรเทาสินทรัพย์ที่มีปัญหา โปรแกรม ( 2008 ) แม้ว่ายังเล็กกว่าเรา รวมถึงการตอบสนองโดย Federal Reserve ซื้อสินทรัพย์และการกระทำอื่น ๆของเวลาที่Draghi ECB ยังทันที " ยกเลิกสองโง่อัตราการเดินป่าโดยบรรพบุรุษของเขา . . . . . . . Trichet [ . . . ] ก้าวขึ้นซื้อพันธบัตรยูโรโซนประเทศ " จากการดิ้นรนเพื่อช่วยวิกฤตหนี้ นักวิจารณ์สตีฟโกลด์สตีนเขียนในช่วงกลางเดือนมกราคม 2555 ในตอนนั้น" Draghi และเพื่อนร่วมงานของเขา ( การตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ ) เลือกที่จะไม่ตัด ราคาสำหรับสินเชื่อภาคเอกชน [ ด้านล่าง 1% ทำได้ด้วยการ " ยกเลิก " ] แม้ว่าเขาคาดการณ์เงินเฟ้อจะต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ในปลายปีนี้ . " เช่น โกลด์สไตน์สรุป Draghi จะปล่อยให้ย้ายเพิ่มเติม ผู้นําประเทศ ซาร์โกซีและเยอรมัน Chancellor Angela Merkel และธนาคารกลางตัดการกระทำ ดรักกับพวกของเฟดเบน Bernanke [ 29 ]

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2012 รางวัลโนเบลเศรษฐศาสตร์ Joseph Stiglitz ผู้แย้งว่า ในเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้กรีกของ ECB ยืนยันว่ามันเป็น " อาสาสมัคร " ( ตรงข้ามกับการเริ่มต้นที่กำหนดโดยทางการกรีก ) เป็นของขวัญให้สถาบันการเงินที่ขายประกันเริ่มต้นเครดิตหนี้ ; ตําแหน่งที่ไม่ยุติธรรมกับอีกฝ่าย และถือเป็นอันตรายคุณธรรม [ 30 ]

ช้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2012 เป็นครั้งที่สองรอบของเงินให้กู้ยืม ECB ธนาคารยุโรปที่ค่อนข้างใหญ่ เป็นโครงการภายใต้การดำเนินงาน Draghi เรียกว่ารีไฟแนนซ์ระยะยาว ( LTRO ) หนึ่งวิจารณ์ , แมทธิวลินน์เห็น ECB อัดฉีดเงิน พร้อมกับลดปริมาณจากสหรัฐฯและสิ่งอํานวยความสะดวกซื้อสินทรัพย์ที่ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษเป็นอาหารเพิ่มราคาน้ำมันในปี 2011 และ 2012 [ 31 ]

ในเดือนกรกฎาคม 2012 ,ในท่ามกลางของการต่ออายุความกลัวเกี่ยวกับเหรียญทองในยูโรโซน , Draghi กล่าวในการอภิปรายว่า ECB " . . . . . . . พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องยูโรโซน และฉันเชื่อว่า มันจะพอ " [ 32 ] แถลงการณ์นี้นำไปสู่การลดลงคงที่ในอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( ต้นทุนการกู้ยืม ) สำหรับประเทศยูโรโซน โดยเฉพาะสเปน อิตาลี และฝรั่งเศสในแง่ของความก้าวหน้าทางการเมือง ช้า ในการแก้วิกฤตยูโรโซน , งบ Draghi ได้รับเห็นเป็นหลักจุดเปลี่ยนในโชคชะตาของยูโรโซน [ 33 ]

ในเดือนเมษายน 2556 , Draghi กล่าวว่าในการตอบคําถามเกี่ยวกับสมาชิกในยูโรโซนว่า คำถามเหล่านี้ เป็นสูตรโดยผู้ประมาทแล้วเป็นอย่างมาก ยูโรหมายถึงชาวยุโรป สำหรับพื้นที่ยูโรพวกเขาอย่างมากมายประมาทจำนวนเงินทุนที่ได้รับการลงทุนในยูโร " [ 34 ]

ใน 2015 ปรากฏตัวต่อหน้ารัฐสภายุโรป Draghi กล่าวว่าอนาคตของยูโรโซนอยู่ในความเสี่ยง นอกจากประเทศให้อิสระและสร้างเพิ่มเติมกระทะรัฐบาลยุโรปสถาบัน " เรายังไม่ถึงขั้นแท้สหภาพทางการเงิน ," ธนาคารกลางประธาน Mario Draghi กล่าวต่อรัฐสภายุโรปในบรัสเซลส์ ความล้มเหลวของประเทศยูโรโซนเพื่อประสานเศรษฐกิจของตน และสร้างสถาบันที่แข็งแกร่ง เขาบอกว่า " ทำให้ความเสี่ยงความสำเร็จระยะยาวของสหภาพการเงินเมื่อเผชิญกับช็อตสำคัญ " นาย Draghi ได้รับมักจะเรียกร้องให้รัฐบาลยูโรโซนต้องทำมากขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจของตนตัวอย่างเช่น โดยรื้อระเบียบแรงงานที่เข้มงวด . แต่มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะชี้ให้เห็นว่าอนาคตของยูโรโซนจะขึ้นอยู่กับว่าประเทศฟังคำแนะนำของเขา [ 35 ]