Throughout much of the last century

Throughout much of the last century, scientists studying drug abuse labored in the shadows of powerful myths and misconceptions
about the nature of addiction. When science began to study addictive behavior in the 1930s, people addicted to drugs were thought
to be morally flawed and lacking in willpower. Those views shaped society’s responses to drug abuse, treating it as a moral failing
rather than a health problem, which led to an emphasis on punitive rather than preventative and therapeutic actions. Today, thanks to
science, our views and our responses to drug abuse have changed dramatically. Groundbreaking discoveries about the brain have
revolutionized our understanding of drug addiction, enabling us to respond effectively to the problem.
As a result of scientific research, we know that addiction is a disease that affects both brain and behavior. We have identified many of
the biological and environmental factors and are beginning to search for the genetic variations that contribute to the development and
progression of the disease. Scientists use this knowledge to develop effective prevention and treatment approaches that reduce the toll drug
abuse takes on individuals, families, and communities.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตลอดศตวรรษที่ผ่านมามาก นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเสพ labored ในเงาของตำนานที่มีประสิทธิภาพและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับลักษณะของยาเสพติด เมื่อวิทยาศาสตร์เริ่มทำการศึกษาพฤติกรรมการเสพติดในช่วงทศวรรษ 1930 ได้คิดว่า คนที่ติดยาเสพติดมีคุณธรรม flawed และขาด willpower มุมมองเหล่านั้นทรงตอบเสพ รักษาเป็นล้มเหลวทางศีลธรรมของสังคมมากกว่าปัญหาสุขภาพ ซึ่งนำไปสู่การเน้นความสำคัญบนลงโทษแทนการดำเนินการเชิงป้องกัน และรักษา วันนี้ ขอขอบคุณวิทยาศาสตร์ มุมมองของเรา และการตอบสนองของการเสพมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก มีการค้นพบเกี่ยวกับสมองใหม่เอี่ยมrevolutionized เราเข้าใจของสารเสพติด ทำให้เราสามารถตอบปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เรารู้ว่า ยาเสพติดเป็นโรคที่มีผลต่อสมองและพฤติกรรม เราได้ระบุข้อมูลมากมายปัจจัยทางชีวภาพ และสิ่งแวดล้อม และเริ่มต้นการค้นหารูปแบบทางพันธุกรรมที่นำไปสู่การพัฒนา และความก้าวหน้าของโรค นักวิทยาศาสตร์ใช้ความรู้นี้ไปพัฒนาประสิทธิภาพการป้องกันและวิธีรักษาที่ลดยาโทรจะผิดในบุคคล ครอบครัว และชุมชน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตลอดศตวรรษที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ศึกษายาเสพติดทำงานอยู่ในเงามืดของตำนานที่มีประสิทธิภาพและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับธรรมชาติของยาเสพติด เมื่อวิทยาศาสตร์เริ่มที่จะศึกษาพฤติกรรมการเสพติดในช่วงทศวรรษที่ 1930
คนติดยาเสพติดมีความคิดที่จะเป็นข้อบกพร่องทางศีลธรรมและขาดจิตตานุภาพ มุมมองของผู้ที่ตอบสนองรูปของสังคมที่จะใช้ยาเสพติด,
การรักษาเป็นความล้มเหลวทางศีลธรรมมากกว่าปัญหาสุขภาพซึ่งนำไปสู่การให้ความสำคัญกับการลงโทษมากกว่าการดำเนินการป้องกันและการรักษา
วันนี้ต้องขอบคุณวิทยาศาสตร์มุมมองของเราและการตอบสนองของเราที่จะใช้ยาเสพติดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การค้นพบเฮ่เกี่ยวกับสมองได้ปฏิวัติความเข้าใจของเราติดยาเสพติดที่ทำให้เราสามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา.
อันเป็นผลมาจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เรารู้ว่ายาเสพติดที่เป็นโรคที่มีผลกระทบต่อทั้งสมองและพฤติกรรม เราได้ระบุหลายปัจจัยทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมและเป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหารูปแบบทางพันธุกรรมที่นำไปสู่การพัฒนาและการลุกลามของโรค นักวิทยาศาสตร์ใช้ความรู้นี้ในการพัฒนาป้องกันที่มีประสิทธิภาพและวิธีการรักษาที่ช่วยลดยาเสพติดโทรการละเมิดจะใช้เวลาในบุคคลครอบครัวและชุมชน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทั่วมากของศตวรรษที่นักวิทยาศาสตร์ศึกษายาเสพติดคล่องในเงาของตำนานที่มีประสิทธิภาพและความเข้าใจผิด
เกี่ยวกับธรรมชาติของการเสพติด เมื่อวิทยาศาสตร์เริ่มที่จะศึกษาพฤติกรรมการเสพติดในช่วงทศวรรษที่ 1930 ผู้ติดยาคิด
เป็นศีลธรรมข้อบกพร่องและขาดจิตตานุภาพ ผู้ที่ชมรูปการตอบสนองสังคมของยาเสพติด และรักษามันเป็นคุณธรรมล้มเหลว
มากกว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ ซึ่งนำไปสู่การลงโทษ แทนที่จะเน้นการป้องกันและรักษาโรค วันนี้ ต้องขอบคุณ
วิทยาศาสตร์ , มุมมองและการตอบสนองของเราที่จะใช้ยาของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก การค้นพบใหม่เกี่ยวกับสมองได้
ปฏิวัติความเข้าใจของเราของยาเสพติด ช่วยให้เราสามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพกับปัญหา .
เป็นผลของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เรารู้ว่าติดยาเสพติดเป็นโรคที่มีผลต่อสมองและพฤติกรรม เราได้ระบุหลาย
ปัจจัยทางชีวภาพสิ่งแวดล้อมและเป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหารูปแบบทางพันธุกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาและ
ความก้าวหน้าของโรค นักวิทยาศาสตร์ใช้ความรู้นี้เพื่อพัฒนาแนวทางการป้องกันและการรักษาที่ช่วยลดยา
โทรการใช้เวลากับบุคคล ครอบครัว และชุมชน