Math and Science Education CrisisTh

Math and Science Education Crisis
There is a crisis in American education today; too few students are graduating from
high school fully prepared to begin a career or a college degree program (Diaz &
King, 2007). Policymakers and education reform proponents are raising a call for
students to learn complex, cognitive, social and communication skills to develop
“habits of mind” – often referred to as 21st century skills. Students need to practice
solving problems and making informed decisions, rather than merely warehousing
collections of facts (Kolodner, et al., 2003).
Too often science education fails to engage student interests and is separate from
their everyday experiences. Curriculum and education reform efforts suggest that
when students “do science” they gain knowledge and skills that are transferrable to
future problems and that help prepare them to approach college and career with
the tools to succeed (Diaz & King, 2007). Research tells us that students learn best
when encouraged to construct their own knowledge of the world around them
(Satchwell & Loepp, 2002). It is through integrated STEM projects that this type of
learning can occur.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิกฤตการศึกษาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มีวิกฤตในวันนี้ อเมริกันศึกษา นักเรียนน้อยเกินไปจะจบการศึกษาจากมัธยมเต็มเตรียมที่จะเริ่มต้นอาชีพหรือระดับวิทยาลัย (ดิแอซและกษัตริย์ 2007) ผู้กำหนดนโยบายและ proponents ปฏิรูปการศึกษาเลี้ยงดูโทรสำหรับนักเรียนเรียนรู้ซับซ้อน รับ รู้ สังคมและการสื่อสารทักษะในการพัฒนา"นิสัยของจิตใจ" – มักเรียกว่าศตวรรษที่ 21 ทักษะการ นักเรียนต้องปฏิบัติแก้ปัญหา และการตัดสิน มากกว่าแค่คลังสินค้าคอลเลกชันของข้อเท็จจริง (Kolodner, et al., 2003)เกินไปการศึกษาวิทยาศาสตร์มักไม่สนใจนักเรียนมีส่วนร่วม และแยกจากประสบการณ์ชีวิตประจำวันของพวกเขา แนะนำการปฏิรูปหลักสูตรและการศึกษาที่เมื่อนักเรียน"วิทยาศาสตร์" ก็ได้รับความรู้และทักษะที่จะโอนย้ายได้ไปปัญหาในอนาคตและที่ช่วยให้เตรียมให้เข้าวิทยาลัย และสมัครงานด้วยเครื่องมือจะประสบความสำเร็จ (ดิแอซและคิง 2007) งานวิจัยบอกว่า นักเรียนส่วนเมื่อกำลังใจเพื่อสร้างความรู้ของตัวเองของโลกรอบ ๆ(Satchwell & Loepp, 2002) โดยโครงการสเต็มรวมที่นี้ชนิดของเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์วิกฤตการศึกษา
มีวิกฤตในการศึกษาชาวอเมริกันในวันนี้คือ; นักเรียนน้อยเกินไปจะจบการศึกษาจาก
โรงเรียนมัธยมเตรียมการอย่างเต็มที่ที่จะเริ่มต้นอาชีพหรือโปรแกรมระดับวิทยาลัย (Diaz และ
พระมหากษัตริย์ 2007) ผู้กำหนดนโยบายและผู้เสนอการปฏิรูปการศึกษามีการเพิ่มการเรียกร้องให้
นักเรียนได้เรียนรู้ที่ซับซ้อนองค์ความรู้สังคมและทักษะการสื่อสารเพื่อพัฒนา
"นิสัยของจิตใจ" - มักจะเรียกว่าทักษะในศตวรรษที่ 21 นักศึกษาจะต้องฝึกการ
แก้ปัญหาและการตัดสินใจมากกว่าเพียงคลังสินค้า
คอลเลกชันของข้อเท็จจริง (Kolodner, et al., 2003).
บ่อยครั้งที่การศึกษาวิทยาศาสตร์ล้มเหลวในการมีส่วนร่วมและความสนใจของนักเรียนจะแยกจาก
ประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของพวกเขา หลักสูตรและความพยายามในการปฏิรูปการศึกษาแสดงให้เห็นว่า
เมื่อนักเรียน "ทำวิทยาศาสตร์" พวกเขาได้รับความรู้และทักษะที่มีการโอน
และปัญหาในอนาคตที่จะช่วยเตรียมความพร้อมที่จะเข้าใกล้วิทยาลัยและอาชีพที่มี
เครื่องมือที่จะประสบความสำเร็จ (Diaz และพระมหากษัตริย์ 2007) วิจัยบอกเราว่านักเรียนได้เรียนรู้ที่ดีที่สุด
เมื่อได้รับการสนับสนุนในการสร้างความรู้ของตัวเองของโลกรอบตัวพวกเขา
(Satchwell & Loepp, 2002) จะผ่านโครงการบูรณาการที่เซลล์มะเร็งชนิดนี้
การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิกฤตการศึกษาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
มีวิกฤตการณ์ในสหรัฐอเมริกาการศึกษาวันนี้ นักเรียนน้อยคนที่จะจบจากโรงเรียนเตรียมการอย่างเต็มที่
เริ่มอาชีพหรือโปรแกรมระดับวิทยาลัย ( Diaz &
กษัตริย์ , 2007 ) ปัญหาการปฏิรูปการศึกษาผู้เสนอเลี้ยงโทร
นักเรียนเรียนรู้ซับซ้อน สติปัญญา สังคม และทักษะการสื่อสารเพื่อพัฒนา