The economic value of natural capit

The economic value of natural capital and ecosystem services is accepted by mainstream environmental economics, but is emphasized as especially important in ecological economics. Ecological economists may begin by estimating how to maintain a stable environment before assessing the cost in dollar terms.[25]:9 Ecological economist Robert Costanza led an attempted valuation of the global ecosystem in 1997. Initially published in Nature, the article concluded on $33 trillion with a range from $16 trillion to $54 trillion (in 1997, total global GDP was $27 trillion).[26] Half of the value went to nutrient cycling. The open oceans, continental shelves, and estuaries had the highest total value, and the highest per-hectare values went to estuaries, swamps/floodplains, and seagrass/algae beds. The work was criticized by articles in Ecological Economics Volume 25, Issue 1, but the critics acknowledged the positive potential for economic valuation of the global ecosystem.[25]:129

The Earth's carrying capacity is a central issue in ecological economics. Early economists such as Thomas Malthus pointed out the finite carrying capacity of the earth, which was also central to the MIT study Limits to Growth. Diminishing returns suggest that productivity increases will slow if major technological progress is not made. Food production may become a problem, as erosion, an impending water crisis, and soil salinity (from irrigation) reduce the productivity of agriculture. Ecological economists argue that industrial agriculture, which exacerbates these problems, is not sustainable agriculture, and are generally inclined favorably to organic farming, which also reduces the output of carbon

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มูลค่าทางเศรษฐกิจของทุนทางธรรมชาติและระบบนิเวศบริการเป็นที่ยอมรับโดยเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก แต่จะเน้นความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาเศรษฐศาสตร์ในระบบนิเวศ นักเศรษฐศาสตร์ของระบบนิเวศอาจเริ่มต้นด้วยการประเมินวิธีการรักษาสภาพแวดล้อมที่มั่นคงก่อนที่จะประเมินค่าใช้จ่ายในแง่ดอลลาร์ [25]. 9 นิเวศวิทยาเศรษฐศาสตร์โรเบิร์ตคอสนำการประเมินมูลค่าความพยายามของระบบนิเวศทั่วโลกในปี 1997 ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในธรรมชาติ, บทความสรุป 33 $ ล้านล้านที่มีช่วงจาก $ 16000000000000 ไป $ 54000000000000 (ในปี 1997 GDP ของโลกรวมเป็น $ 27000000000000). [26] ครึ่งหนึ่งของค่าธาตุอาหารไปขี่จักรยาน มหาสมุทรเปิดทวีปชั้นและอ้อยมีมูลค่ารวมสูงสุดและค่าสูงสุดต่อเฮกตาร์ไปปากแม่น้ำหนองน้ำ / ที่ราบน้ำท่วมถึงและหญ้าทะเล / สาหร่าย การทำงานถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบทความในปริมาณเศรษฐศาสตร์เชิงนิเวศน์ 25, ฉบับที่ 1 แต่นักวิจารณ์ได้รับการยอมรับที่มีศักยภาพในเชิงบวกสำหรับการประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจของระบบนิเวศทั่วโลก [25]. 129 ขีดความสามารถของโลกเป็นปัญหาที่สำคัญในระบบนิเวศเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์ต้นเช่นโทมัส Malthus ชี้ให้เห็นขีดความสามารถ จำกัด ของโลกซึ่งเป็นศูนย์กลางในการศึกษาข้อ จำกัด ของเอ็มไอทีเพื่อการเจริญเติบโต ผลตอบแทนลดลงแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของการผลิตจะชะลอตัวถ้าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญคือไม่ได้ทำ การผลิตอาหารที่อาจจะกลายเป็นปัญหาเช่นการกัดเซาะวิกฤติน้ำที่กำลังจะมาและความเค็มของดิน (จากชลประทาน) ลดการผลิตทางการเกษตร นักเศรษฐศาสตร์นิเวศวิทยายืนยันว่าอุตสาหกรรมเกษตรซึ่ง exacerbates ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ทำการเกษตรแบบยั่งยืนและมีแนวโน้มที่จะอยู่ในเกณฑ์ดีโดยทั่วไปการทำเกษตรอินทรีย์ซึ่งยังช่วยลดการส่งออกของคาร์บอน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มูลค่าทางเศรษฐกิจของทุนธรรมชาติ และบริการเป็นที่ยอมรับโดยเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก แต่จะเน้นเป็นสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม นักเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมอาจเริ่มต้นด้วยการประเมินวิธีการรักษาสภาพแวดล้อมที่มั่นคงก่อนการประเมินต้นทุนในแง่ดอลลาร์ [ 25 ] :9 นิเวศวิทยานักเศรษฐศาสตร์ โรเบิร์ต ค แทนซานำพยายามมูลค่าของระบบนิเวศของโลก ในปี 1997 เริ่มตีพิมพ์ในธรรมชาติ , บทความสรุปเกี่ยวกับ $ 33 ล้านกับช่วงจาก $ 16 ล้าน $ 54 ล้าน ( 1997 ) รวม GDP $ 27 ล้าน ) [ 26 ] ครึ่งหนึ่งของค่าไปธาตุอาหาร . เปิดมหาสมุทร แบบชั้น และอ้อยมีมูลค่ารวมสูงสุดและสูงสุดต่อเฮกตาร์ค่าไปบริเวณ บึง / Gardner และแหล่งหญ้าทะเล / สาหร่าย งานที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยบทความในนิเวศเศรษฐศาสตร์ปริมาณ 25 , ฉบับที่ 1 , แต่นักวิจารณ์ยอมรับศักยภาพในเชิงบวกสำหรับการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของระบบนิเวศของโลก [ 25 ] : 129

โลกแบกความจุเป็นปัญหาสำคัญในเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมนักเศรษฐศาสตร์ก่อน เช่น โธมัส มัลธัส ชี้มีศักยภาพของโลก ซึ่งมีศูนย์กลางที่ MIT การศึกษาการพัฒนาจำกัด . ผลตอบแทนลดน้อยถอยลงแนะนำให้เพิ่มผลผลิตจะช้าถ้าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญ คือ ไม่ทำ การผลิตอาหารอาจเป็นปัญหา เช่น การกัดเซาะ , วิกฤตน้ำที่กำลังใกล้เข้ามาและความเค็มของดิน ( จากน้ำ ) ลดผลผลิตของเกษตร นักเศรษฐศาสตร์เชิงนิเวศวิทยาโต้เถียงว่า อุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่ง exacerbates ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เป็นเกษตรยั่งยืน และโดยทั่วไปจะเอียงพ้องต้องกันกับเกษตรอินทรีย์ ซึ่งยังช่วยลดการส่งออกของคาร์บอน