Diabetes mellitus type 2 (DMT2) is

Diabetes mellitus type 2 (DMT2) is characterized by varying levels of insulin resistance leading to hypergly- cemia due to insulin secretion defect [6]. Poor physical activity, obesity and high levels of uninterrupted seden- tary time are risk factors for diabetes [12]. Hyperglycemia leads to renal, ophthalmic and cardiovascular chronic conditions resulting in increased mortality and morbidity [6]. In addition, hypertension (HTN) is associated with an increased incidence of all-cause and cardiovascular dis- ease (CVD) mortality, stroke, coronary disease, periph- eral artery disease and renal insufficiency [9]. HTN has been defined as systolic blood pressure (SBP) ≥ 140 and/ or diastolic blood pressure (DBP) ≥ 90 mm Hg, or being on antihypertensive treatment [9]. The positive effects of exercise in treating and preventing DMT2 are well es- tablished [5]. Exercise improves insulin sensitivity, de- creases catecholamines, total peripheral resistance, andcardiovascular risk and improves quality of life [8]. Sever- al studies have successfully identified the beneficial effect of aerobic exercises [11], resistance exercise [4], a com- bination of both types [2], and high-intensive exercises [4] in the treatment, prevention and control of DMT2 and HTN. Current guidelines from the American College of Sport Medicine (ACSM) and the American Diabetes As- sociation (ADA) recommend at least 150 min per week of moderate to vigorous aerobic exercise to prevent and treat chronic conditions, including DMT2 and hypertension [3]. Castaneda and colleagues [1] examined the effect of re- sistance exercise training on older individuals and clearly identified that exercise training reduced diabetes medica- tion, abdominal adiposity, and systolic blood pressure in addition to increase in muscle strength and physical ac- tivity. Studies have successfully identified the effective- ness of low and moderate resistance exercise [2,11] while other researchers suggested that highly intensive exercises could additionally provide a beneficial effect in the treat- ment and prevention of DMT2

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรคเบาหวานประเภท 2 (DMT2) มีลักษณะเฉพาะคือระดับความต้านทานต่ออินซูลินที่แตกต่างกันซึ่งนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเนื่องจากการหลั่งอินซูลินบกพร่อง [6] การออกกำลังกายที่ไม่ดี โรคอ้วน และการอยู่เฉยๆ ในระดับสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน [12] น้ำตาลในเลือดสูงนำไปสู่ภาวะเรื้อรังของไต โรคตา และหลอดเลือดหัวใจ ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น [6] นอกจากนี้ ความดันโลหิตสูง (HTN) ยังสัมพันธ์กับอุบัติการณ์ที่เพิ่มขึ้นของการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุและโรคหลอดเลือดหัวใจ (CVD) โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย และไตวายไม่เพียงพอ [9] HTN ถูกกำหนดให้เป็นความดันโลหิตซิสโตลิก (SBP) ≥ 140 และ/หรือความดันโลหิตล่าง (DBP) ≥ 90 มม. ปรอท หรืออยู่ในการรักษาด้วยยาลดความดันโลหิต [9] ผลเชิงบวกของการออกกำลังกายในการรักษาและป้องกัน DMT2 เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว [5] การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความไวของอินซูลิน ลด catecholamines ความต้านทานต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงโดยรวม และความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ และปรับปรุงคุณภาพชีวิต [8] การศึกษาหลายชิ้นประสบความสำเร็จในการระบุผลประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบแอโรบิก [11] การออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน [4] ทั้งสองประเภทรวมกัน [2] และการออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูง [4] ในการรักษา ป้องกัน และควบคุม DMT2 และ HTN แนวปฏิบัติปัจจุบันจาก American College of Sport Medicine (ACSM) และ American Diabetes Association (ADA) แนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกระดับปานกลางถึงหนักอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันและรักษาอาการเรื้อรัง รวมถึง DMT2 และความดันโลหิตสูง [3] Castaneda และเพื่อนร่วมงาน [1] ตรวจสอบผลของการฝึกออกกำลังกายแบบต้านทานต่อผู้สูงอายุและระบุอย่างชัดเจนว่าการฝึกออกกำลังกายช่วยลดยาเบาหวาน ความอ้วนในช่องท้อง และความดันโลหิตซิสโตลิก นอกเหนือจากการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการออกกำลังกาย การศึกษาได้ประสบความสำเร็จในการระบุประสิทธิผลของการออกกำลังกายที่มีความต้านทานต่ำและปานกลาง [2,11] ในขณะที่นักวิจัยคนอื่นๆ แนะนำว่าการออกกำลังกายที่เข้มข้นสูงยังอาจให้ผลประโยชน์เพิ่มเติมในการรักษาและป้องกัน DMT2

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชนิดที่ 2 โรคเบาหวาน (DMT2) เป็นลักษณะระดับที่แตกต่างกันของความต้านทานต่ออินซูลิน, ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเนื่องจากข้อบกพร่องในการผลิตอินซูลิน[6]. กิจกรรมทางกายที่ไม่ดีโรคอ้วนและการหยุดพักในระดับสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวาน[12] ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดโรคเรื้อรังของไต จักษุวิทยา และหลอดเลือดหัวใจ ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตและอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น [6] นอกจากนี้ความดันโลหิตสูง (HTN) มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของอัตราการเสียชีวิตจากสาเหตุทั้งหมดและโรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD) โรคหลอดเลือดสมองโรคหลอดเลือดหัวใจตีบโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายและความผิดปกติของไต [9] HTN ถูกกำหนดให้เป็นความดันโลหิตซิสโตลิก (SBP) ≥140 และ / หรือความดัน diastolic (DBP) ≥90 มิลลิเมตรปรอทหรืออยู่ระหว่างการรักษาความดันโลหิตลดลง [9] ผลบวกของการออกกำลังกายในการรักษาและป้องกัน DMT2 ได้รับการยืนยันอย่างเต็มที่ [5] การออกกำลังกายสามารถปรับปรุงความไวของอินซูลินลด catecholamines ความต้านทานอุปกรณ์ต่อพ่วงโดยรวมและ
ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดและการปรับปรุง q

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรคเบาหวานชนิดที่2 ( DMT 2 )มีลักษณะเป็นระดับความต้านทานต่ออินซูลินที่แตกต่างกันและภาวะน้ําตาลในเลือดสูงเนื่องจากความบกพร่องในการหลั่งอินซูลิน[6] การออกกําลังกายที่ไม่ดีโรคอ้วนและการนั่งนิ่งเป็นเวลานานเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน[ 12 ] ภาวะน้ําตาลในเลือดสูงทําให้เกิดโรคเรื้อรังในไตตาและหัวใจและหลอดเลือดส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตและความเจ็บป่วยที่เพิ่มขึ้น[6] นอกจากนี้ความดันโลหิตสูง( HTN )ยังเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของอุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดสมองโรคหลอดเลือดหัวใจตีบโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและภาวะไตวาย HTNถูกกําหนดให้มีความดันโลหิตจาง( SBP )≥140และ/หรือความดันโลหิตจาง( DBP )≥90มิลลิเมตรหรืออยู่ในระหว่างการรักษาด้วยความดันโลหิตสูง[ 9 ] ผลบวกของการออกกําลังกายในการรักษาและป้องกันDMT 2ได้รับการยืนยันอย่างเต็มที่[5] การออกกําลังกายช่วยเพิ่มความไวของอินซูลินลดcatecolamineความต้านทานต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดและ
ความเสี่ยงด้านหัวใจและหลอดเลือดและการปรับปรุงคุณภาพชีวิต[ 8 ] การศึกษาหลายชิ้นประสบความสําเร็จในการระบุผลประโยชน์ของการออกกําลังกายแบบแอโรบิค[ 11 ]การออกกําลังกายความต้านทาน[4]การรวมกันของการออกกําลังกายสองแบบ[2]และการออกกําลังกายที่มีความเข้มสูง[4]ในการรักษาป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานชนิดที่2และHTN แนวทางปัจจุบันของAmerican academy of sport medicine ( ACSM )และAmerican diabetic association ( ADA )แนะนําให้มีการออกกําลังกายแบบแอโรบิคปานกลางถึงรุนแรงอย่างน้อย150นาทีต่อสัปดาห์เพื่อป้องกันและรักษาโรคเรื้อรังรวมถึงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง[3] castanedaและเพื่อนร่วมงานของเขา[1]ได้ศึกษาผลกระทบของการฝึกอบรมการออกกําลังกายต่อผู้สูงอายุและชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่านอกเหนือจากการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการออกกําลังกายการออกกําลังกายยังช่วยลดยาเบาหวานโรคอ้วนในช่องท้องและความดันโลหิต การศึกษาประสบความสําเร็จในการกําหนดประสิทธิภาพของการออกกําลังกายที่มีความต้านทานต่ําและปานกลาง[ 2,11 ]ในขณะที่นักวิจัยคนอื่นๆชี้ให้เห็นว่าการออกกําลังกายที่มีความเข้มสูงยังสามารถให้ผลประโยชน์ในการรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน2