In physics, the Faraday effect or F

In physics, the Faraday effect or Faraday rotation is a magneto-optical phenomenon—that is, an interaction between light and a magnetic field in a medium. The Faraday effect causes a rotation of the plane of polarization which is linearly proportional to the component of the magnetic field in the direction of propagation. Formally, it is a special case of gyroelectromagnetism obtained when the dielectric permittivity tensor is diagonal.[1]

Discovered by Michael Faraday in 1845, the Faraday effect was the first experimental evidence that light and electromagnetism are related. The theoretical basis of electromagnetic radiation (which includes visible light) was completed by James Clerk Maxwell in the 1860s and 1870s. This effect occurs in most optically transparent dielectric materials (including liquids) under the influence of magnetic fields.

The Faraday effect is caused by left and right circularly polarized waves propagating at slightly different speeds, a property known as circular birefringence. Since a linear polarization can be decomposed into the superposition of two equal-amplitude circularly polarized components of opposite handedness and different phase, the effect of a relative phase shift, induced by the Faraday effect, is to rotate the orientation of a wave's linear polarization.

The Faraday effect has a few applications in measuring instruments. For instance, the Faraday effect has been used to measure optical rotatory power and for remote sensing of magnetic fields. The Faraday effect is used in spintronics research to study the polarization of electron spins in semiconductors. Faraday rotators can be used for amplitude modulation of light, and are the basis of optical isolators and optical circulators; such components are required in optical telecommunications and other laser applications.[2

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในฟิสิกส์ ผลของฟาราเดย์หรือหมุนฟาราเดย์เป็นปรากฏการณ์ magneto optical — นั่นคือ การโต้ตอบระหว่างแสงและสนามแม่เหล็กในตัวกลาง ฟาราเดย์ผลทำให้การหมุนของระนาบโพลาไรซ์ซึ่งเป็นสัดส่วนกับส่วนประกอบของสนามแม่เหล็กในทิศทางของการเผยแพร่เชิงเส้น ที่ อย่างเป็นกิจจะลักษณะ เป็นกรณีพิเศษของ gyroelectromagnetism ที่ได้รับเมื่อ tensor permittivity เป็นฉนวนที่มีเส้นทแยงมุม [1]ค้นพบ โดยฟาราเดย์ Michael ใน 1845 ฟาราเดย์ผลถูกหลักฐานทดลองแรกที่แสงและแรงแม่เหล็กไฟฟ้ามีความสัมพันธ์ ทฤษฎีพื้นฐานของรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า (ซึ่งประกอบด้วยแสงที่มองเห็น) เสร็จ โดย James เคลิร์กแมกซ์เวลล์ใน 1860s 1870s ลักษณะพิเศษนี้โปร่งใสสุด optically วัสดุที่เป็นฉนวน (รวมของเหลว) เกิดขึ้นภายใต้อิทธิพลของสนามแม่เหล็กฟาราเดย์ผลเกิดจากการกระจายคุณสมบัติเรียกว่า birefringence วงกลมที่ความเร็วต่างกันเล็กน้อย คลื่นซ้าย และขั้วขวาแบบหมุนเวียน เนื่องจากโพลาไรซ์เชิงเส้นสามารถย่อยสลายไปเป็น superposition ของคลื่นเท่ากับสองแบบหมุนเวียนโพลาไรซ์ของถนัดตรงกันข้าม และระยะต่าง ๆ ผลของการกะระยะของญาติ เกิดจากผลของฟาราเดย์ คือการ หมุนการวางแนวของคลื่นโพลาไรซ์เชิงเส้นลักษณะพิเศษของฟาราเดย์มีกี่โปรแกรมประยุกต์ในเครื่องมือวัด ตัวอย่าง ลักษณะพิเศษของฟาราเดย์มีการใช้วัดพลังงานแสง rotatory และสนามแม่เหล็กของแชมพู ฟาราเดย์ผลใช้ spintronics วิจัยศึกษาโพลาไรซ์ของสปินอิเล็กตรอนในอิเล็กทรอนิกส์ Rotators ฟาราเดย์สามารถใช้ได้สำหรับเอ็มของแสง และ ฐาน isolators แสงและออปติคอล circulators ส่วนประกอบดังกล่าวจำเป็นในโปรแกรมประยุกต์อื่น ๆ เลเซอร์และแสงโทรคมนาคม [2

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในฟิสิกส์ที่ฟาราเดย์ผลหรือการหมุนฟาราเดย์เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดแสงเป็นปรากฏการณ์ที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างแสงและสนามแม่เหล็กในสื่อหนึ่ง ผลเดย์ทำให้เกิดการหมุนของเครื่องบินของโพลาไรซ์ซึ่งเป็นเส้นตรงสัดส่วนกับส่วนประกอบของสนามแม่เหล็กในทิศทางของการขยายพันธุ์ อย่างเป็นทางการเป็นกรณีพิเศษของ gyroelectromagnetism ได้รับเมื่อเมตริกซ์ permittivity อิเล็กทริกเป็นเส้นทแยงมุม. [1] ค้นพบโดยไมเคิลฟาราเดย์ในปี 1845 ที่มีผลเดย์เป็นหลักฐานการทดลองแรกที่แสงและแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง พื้นฐานทางทฤษฎีของรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า (ซึ่งรวมถึงแสงที่มองเห็น) เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยเสมียนเจมส์แมกซ์เวลในยุค 1860 และ 1870 ผลกระทบนี้จะเกิดขึ้นมากที่สุดในสายตาโปร่งใสวัสดุอิเล็กทริก (รวมถึงของเหลว) ภายใต้อิทธิพลของสนามแม่เหล็ก. ผลเดย์ที่เกิดจากคลื่นขั้วซ้ายและขวา circularly ขยายพันธุ์ด้วยความเร็วที่แตกต่างกันเล็กน้อยของสถานที่ที่เรียกว่า birefringence วงกลม ตั้งแต่โพลาไรซ์เชิงเส้นสามารถย่อยสลายเป็นการทับซ้อนของทั้งสองส่วนเท่ากันกว้างขั้ว circularly ของมือข้างที่ถนัดตรงข้ามและเฟสที่แตกต่างกัน, ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนญาติที่เกิดจากผลกระทบเดย์คือการหมุนทิศทางของโพลาไรซ์เชิงเส้นคลื่นที่ผลเดย์มีการใช้งานไม่กี่คนในเครื่องมือวัด ยกตัวอย่างเช่นผลเดย์ได้รับการใช้ในการวัดการใช้พลังงานหมุนเวียนแสงและการสำรวจระยะไกลของสนามแม่เหล็ก ผลเดย์ถูกนำมาใช้ในการวิจัยเพื่อศึกษา Spintronics โพลาไรซ์ของอิเล็กตรอนหมุนในเซมิคอนดักเตอร์ โรเตเตอร์เดย์สามารถใช้สำหรับการปรับความกว้างของแสงและเป็นพื้นฐานของการแยกแสงและ circulators แสง; องค์ประกอบดังกล่าวจะต้องในการสื่อสารโทรคมนาคมและการประยุกต์ใช้แสงเลเซอร์อื่น ๆ . [2

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในฟิสิกส์ ฟาราเดย์ Effect หรือ ฟาราเดย์หมุนเป็นปรากฏการณ์ magneto-optical นั่นคือ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างแสงและสนามแม่เหล็กในระดับปานกลาง ผล ฟาราเดย์ให้เกิดการหมุนของระนาบโพลาไรเซชันซึ่งเป็นเส้นตรงตามองค์ประกอบของสนามแม่เหล็กในทิศทางของการขยายพันธุ์ . ทางการมันเป็นกรณีพิเศษของ gyroelectromagnetism ได้รับเมื่อเมตริกซ์การป้อนเป็นเส้นทแยงมุม [ 1 ]

ค้นพบโดยไมเคิลฟาราเดย์ในปี 1845 ผล ฟาราเดย์เป็นครั้งแรกที่ทดลองหลักฐานว่าแสงและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเกี่ยวข้อง พื้นฐานทางทฤษฎีของรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า ( ซึ่งรวมถึงแสง ) แล้วเสร็จ โดยเจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ ในคริสต์ทศวรรษ 1840 1850 และ .ผลกระทบนี้จะเกิดขึ้นในวัสดุไดอิเล็กทริกสลับสีที่โปร่งใสมากที่สุด ( รวมถึงของเหลว ) ภายใต้อิทธิพลของสนามแม่เหล็ก .

ผลฟาราเดย์เกิดจากซ้ายและขวา circularly ขั้วคลื่นเดิมที่ความเร็วที่แตกต่างกันเล็กน้อย คุณสมบัติที่เรียกว่า เฮไหนเฮนั่น .ตั้งแต่ชันเชิงเส้นสามารถย่อยสลายเข้าไปรวมสองเท่ากับแอมพลิจูด circularly ขั้วตรงข้ามและส่วนประกอบของ handedness แตกต่างกัน ระยะที่ผลของเฟสสัมพัทธ์ เกิดจากผล ฟาราเดย์ เพื่อหมุนทิศทางของคลื่นโพลาไรเซชันของเส้น .

ฟาราเดย์ผลมีไม่กี่โปรแกรมในเครื่องมือวัด สำหรับอินสแตนซ์ผล ฟาราเดย์ได้ถูกใช้เพื่อวัดพลังแสง และการรับรู้จากระยะไกลซึ่งทำให้หมุนรอบของสนามแม่เหล็ก ผล spintronics ฟาราเดย์ใช้ในการวิจัยคือ เพื่อศึกษาโพลาไรเซชันของอิเล็กตรอนสปินในสารกึ่งตัวนำ คูลอมบ์ rotators สามารถใช้เพื่อซ่อนของแสง และพื้นฐานของแสงแสง isolators และ circulators ;ชิ้นส่วนนั้นจะถูกบังคับใช้ในโทรคมนาคมแสงและการประยุกต์ใช้เลเซอร์อื่น ๆ . [ 2