The study was designed to explore t

The study was designed to explore the relationship between Facebook addiction narcissism and self-esteem. Correlation analysis was run to test the first two hypothesis and results revealed that a significant positive relationship existed between Facebook addiction and narcissism. Results also supported the second hypothesis and revealed that Facebook addiction was negatively correlated with self-esteem. However, results of the present study are not supported by literature for the third hypothesis showing gender as having no effect on the studied variables.
Our results are consistent with earlier studies suggesting that Facebook addiction and narcissism are positively correlated. One study said people who are narcissistic use Facebook in a self-promoting way which can be identified by others. A personality questionnaire was given to almost 130 Facebook users and the data was interpreted.3 It found correlation between narcissism and Facebook addiction. Beautiful and self-promoting profile pictures were used by people with narcissistic personality.
Results of the present study are also consistent with a recent study on the effect of two socially disruptive elements of narcissism (grandiose exhibitionism and entitlement exhibitionism) on specific pattern of Facebook behaviours. With few exceptions, the results of that study were consistent with its hypotheses. It was also found that self-esteem was negatively related with the studied narcissistic behaviours.6
Another study showed that Facebook users were not narcissistic.4 A survey was conducted on 233 college students to predict whether the narcissistic personality is developed because of excessive use of social media sites or not. Results showed that people use Facebook and other social media sites to inflate their ego via sharing their photos and stories in their friends' circle as in person.4 Results of the present study are contrary to such results.
Another objective of the present study was to explore the relationship between Facebook addiction and self-esteem. Results indicated that the two were negatively correlated. A recent study also found a negative correlation between Facebook addiction and self-esteem.6
Facebook can enhance 'social self-esteem'.14 Facebook may provide opportunities to people with low self-esteem which helps to improve their self-esteem.15 A study concluded that teenagers were more willing to compromise their health, social life and studies for the sake of fun and entertainment or whatever satisfaction they get after using Facebook.16 Although there are many benefits of SNSs, but addiction can ruin the future of teenagers. Moreover, many psychological problems have also been reported due to SNS addiction.17 Participants with lower self-esteem had correlation with greater amount of time spent on Facebook. It is also believed that Facebook use is motivated by the need of belongingness and the need of self-presentation.17 All these studies support the results of the present study which argued that people with low self-esteem spend more time on Facebook and they have more chances to be addict of social networking sites.
The generalisability of findings of the current study is limited because the sample was only limited to the students of a single university, and, as such, was not representative of the general population. Facebook is being used all over the world and across all demographics.1 Replication of this study with other groups and variables is important. Perhaps in other cultures, narcissism expresses differently on Facebook addiction. Furthermore, socioeconomic status, education, and birth order of students were not taken into account. Future studies should include all such factors as well.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาถูกออกแบบมาเพื่อสำรวจความสัมพันธ์ระหว่าง narcissism ติด Facebook และความนับถือตนเอง เรียกใช้การวิเคราะห์สหสัมพันธ์การทดสอบสมมติฐานสอง และผลการเปิดเผยว่า ความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญที่มีอยู่ระหว่างติด Facebook narcissism นอกจากนี้ผลยังสนับสนุนสมมติฐานสอง และเปิดเผยว่า ติด Facebook ถูกความสัมพันธ์ในเชิงลบกับนับถือ อย่างไรก็ตาม ผลของการศึกษาปัจจุบันไม่สนับสนุน โดยวรรณกรรมสำหรับสมมติฐานที่สามที่แสดงเพศว่ามีไม่มีผลต่อตัวแปรที่ศึกษาผลลัพธ์ที่ได้จะสอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้านี้ที่บอกว่า ติดยาเสพติด Facebook และ narcissism มีความสัมพันธ์เชิงบวก หนึ่งการศึกษากล่าวว่า ผู้ที่มีคนใช้ Facebook ในทางที่ส่งเสริมตนเองซึ่งสามารถดูได้ โดยผู้อื่น แบบสอบถามบุคลิกภาพให้เกือบ 130 Facebook ผู้ใช้ และข้อมูลเป็น interpreted.3 มันพบสหสัมพันธ์ระหว่าง narcissism และติดยาเสพติด Facebook รูปโปรไฟล์สวยงาม และส่งเสริมตนเองถูกใช้ โดยคนกับบุคลิกคนผลการศึกษาสอดคล้องกับการศึกษาต่อขององค์ประกอบที่ก่อกวนสังคมสองของ narcissism (exhibitionism ละมักและสิทธิ exhibitionism) ในรูปแบบเฉพาะของพฤติกรรมหรือ Facebook ได้อีก มีข้อยกเว้นบาง ผลการศึกษาที่ได้สอดคล้องกับของ hypotheses นอกจากนี้ยังพบว่า ความนับถือตนเองเป็นผลที่เกี่ยวข้องกับ behaviours.6 คนศึกษาการศึกษาอื่นพบว่า ผู้ใช้ Facebook ไม่ได้ narcissistic.4 แบบสำรวจวิธีการ 233 นักทำนายว่า บุคลิกคนได้รับการพัฒนาเนื่องจากการใช้เว็บไซต์สื่อสังคมมากเกินไป หรือไม่ ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า คนใช้ Facebook และเว็บไซต์สื่อทางสังคมอื่น ๆ เพื่อขยายอัตตาของตนผ่านการแบ่งปันรูปภาพและเรื่องราวในแวดวงของเพื่อนของพวกเขาใน person.4 ผลการศึกษาจะขัดกับผลดังกล่าวอีกวัตถุประสงค์ของการศึกษาคือการ สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างยาเสพติด Facebook และความนับถือตนเอง ผลลัพธ์แสดงว่า ทั้งสองถูกส่งสัมพันธ์ การศึกษายังพบว่าความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างติด Facebook และ esteem.6 ตัวเองFacebook สามารถเพิ่ม 'ตัวตนต้นทุนทางสังคม' . 14 Facebook อาจให้โอกาสคนที่มีความนับถือตนเองต่ำซึ่งช่วยปรับปรุงตนเอง-esteem.15 การศึกษาสรุปว่า วัยรุ่นยอมประนีประนอมสุขภาพ สังคม และการศึกษาเพื่อความบันเทิง หรือความพึงพอใจสิ่งที่พวกเขาได้รับหลังจากการใช้ Facebook.16 แต่มีมีประโยชน์มากมายของ Sns แต่ยาเสพติดสามารถทำลายอนาคตของวัยรุ่น นอกจากนี้ ปัญหาทางจิตมากได้ยังรับรายงานเนื่องจาก SNS addiction.17 ร่วมกับความนับถือตนเองต่ำมีความสัมพันธ์กับจำนวนเวลาที่ใช้ใน Facebook มากขึ้น ก็ยังเชื่อว่า การใช้ Facebook เป็นแรงบันดาลใจ โดยความต้องการของ belongingness และความต้องการของตนเอง-presentation.17 ศึกษาเหล่านี้สนับสนุนผลการศึกษาที่โต้เถียงว่า คนนับถือตนเองต่ำใช้เวลาบน Facebook และมีโอกาสมากขึ้นที่จะติดยาเสพติดของเครือข่ายสังคมGeneralisability ผลการวิจัยของการศึกษาปัจจุบันถูกจำกัดเนื่องจากตัวอย่างเท่านั้นจำกัดเฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียว และ เช่น ไม่ได้ตัวแทนของประชากรทั่วไป ใช้ Facebook ทั่วโลก และทั่วทั้ง demographics.1 จำลองแบบของการศึกษานี้กับกลุ่มและตัวแปรอื่น ๆ ที่มีความสำคัญ บางทีในวัฒนธรรมอื่น ๆ narcissism แสดงแตกต่างกันบน Facebook ติดยาเสพติด นอกจากนี้ socioeconomic สถานะ การศึกษา และลำดับการเกิดของนักเรียนไม่ได้ถูกนำเข้าบัญชี การศึกษาในอนาคตควรมีทุกปัจจัยดังกล่าวเป็นอย่างดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาได้รับการออกแบบมาเพื่อสำรวจความสัมพันธ์ระหว่าง Facebook หลงตัวเองติดยาเสพติดและความนับถือตนเอง การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ที่ถูกเรียกใช้ในการทดสอบทั้งสองสมมติฐานแรกและผลการศึกษาพบว่ามีความสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญอยู่ระหว่างติดยาเสพติด Facebook และหลงตัวเอง ผลการค้นหายังสนับสนุนสมมติฐานที่สองและติดยาเสพติดเปิดเผยว่า Facebook มีความสัมพันธ์เชิงลบกับความนับถือตนเอง อย่างไรก็ตามผลของการศึกษานี้ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากวรรณกรรมสำหรับสมมติฐานที่สามแสดงให้เห็นว่ามีเพศไม่มีผลกระทบต่อตัวแปรที่ศึกษา.
ผลของเรามีความสอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่ายาเสพติด Facebook และหลงตัวเองมีความสัมพันธ์ในเชิงบวก การศึกษาชิ้นหนึ่งกล่าวว่าผู้ที่มีความหลงใหลในตัวเองใช้ Facebook ในทางที่ตัวเองส่งเสริมซึ่งสามารถระบุได้โดยคนอื่น แบบสอบถามบุคลิกภาพได้รับไปเกือบ 130 ผู้ใช้ Facebook และข้อมูลที่เป็น interpreted.3 พบความสัมพันธ์ระหว่างการหลงตัวเองและติดยาเสพติดที่ Facebook ที่สวยงามและตนเองส่งเสริมรูปโปรไฟล์ถูกนำมาใช้โดยผู้ที่มีบุคลิกภาพที่หลงตัวเอง.
ผลการศึกษาในปัจจุบันนอกจากนี้ยังสอดคล้องกับผลการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับผลของสององค์ประกอบก่อกวนสังคมหลงตัวเอง (แสดงออกที่ยิ่งใหญ่และสิทธิแสดงออก) ในรูปแบบเฉพาะของพฤติกรรมของ Facebook . มีข้อยกเว้นบางผลการศึกษาว่ามีความสอดคล้องกับสมมติฐาน นอกจากนี้ยังพบว่าภาคภูมิใจในตนเองมีความสัมพันธ์เชิงลบกับ behaviours.6 หลงตัวเองศึกษา
การศึกษาอื่นแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ Facebook ไม่ได้ narcissistic.4 การสำรวจได้ดำเนินการเกี่ยวกับนักศึกษา 233 ที่จะคาดการณ์ว่าบุคลิกภาพหลงตัวเองได้รับการพัฒนาเนื่องจากการใช้งานที่มากเกินไปของ เว็บไซต์สื่อสังคมหรือไม่ ผลการศึกษาพบว่าคนที่ใช้ Facebook และเว็บไซต์สื่อสังคมอื่น ๆ เพื่อขยายอัตตาของพวกเขาผ่านการแบ่งปันภาพถ่ายและเรื่องราวในวงกลมของเพื่อนของพวกเขาในขณะที่ผลการ person.4 ของการศึกษานี้ขัดต่อผลดังกล่าว.
วัตถุประสงค์ของการศึกษาในปัจจุบันก็คือการ สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างการติดยาเสพติด Facebook และภาคภูมิใจในตนเอง ผลการศึกษาพบว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ในเชิงลบ ผลการศึกษาล่าสุดยังพบว่ามีความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างติดยาเสพติด Facebook และตนเอง esteem.6
Facebook สามารถเพิ่มสังคมตนเอง esteem'.14 Facebook อาจจะเปิดโอกาสให้คนที่มีต่ำความนับถือตนเองซึ่งจะช่วยในการปรับปรุงตนเอง esteem.15 ของพวกเขา ศึกษาได้ข้อสรุปว่าวัยรุ่นมีความเต็มใจที่จะประนีประนอมสุขภาพ, ชีวิตสังคมของพวกเขาและการศึกษาเพื่อประโยชน์ของความสนุกสนานและความบันเทิงหรือสิ่งที่พวกเขาได้รับความพึงพอใจหลังการใช้ Facebook.16 แม้ว่าจะมีประโยชน์มากในการ SNSs แต่ติดยาเสพติดสามารถทำลายอนาคตของวัยรุ่น นอกจากนี้ยังมีปัญหาทางจิตจำนวนมากยังได้รับรายงานเนื่องจากผู้เข้าร่วม SNS addiction.17 ต่ำความนับถือตนเองมีความสัมพันธ์กับจำนวนมากของเวลาที่ใช้ใน Facebook มันก็ยังเชื่อว่าการใช้ Facebook เป็นแรงจูงใจจากความต้องการของ belongingness และความต้องการของตนเอง presentation.17 การศึกษาทั้งหมดเหล่านี้สนับสนุนผลการศึกษาในปัจจุบันที่ถกเถียงกันอยู่ที่ว่าคนที่มีความนับถือตนเองต่ำใช้เวลามากขึ้นใน Facebook และพวกเขามี มีโอกาสมากขึ้นที่จะติดยาเสพติดของเว็บไซต์เครือข่ายสังคม.
generalisability ของการค้นพบของการศึกษาในปัจจุบันมี จำกัด เพราะตัวอย่างที่ถูก จำกัด เฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวและเป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของประชากรทั่วไป Facebook จะถูกนำมาใช้ทั่วทุกมุมโลกและในทุกการจำลองแบบ demographics.1 การศึกษาครั้งนี้กับกลุ่มอื่น ๆ และตัวแปรเป็นสิ่งสำคัญ บางทีในวัฒนธรรมอื่น ๆ หลงตัวเองเป็นการแสดงออกถึงความแตกต่างกันใน Facebook ติดยาเสพติด นอกจากนี้ทางเศรษฐกิจและสังคมสถานะการศึกษาและลำดับการเกิดของนักเรียนไม่ได้ถูกนำเข้าบัญชี การศึกษาในอนาคตควรจะรวมถึงปัจจัยดังกล่าวทั้งหมดเป็นอย่างดี