In the 1730's Maclaurin wrote Treat

In the 1730's Maclaurin wrote Treatise of algebra although it was not published until 1748, two years after his death. It contains the first published results on determinants proving Cramer's rule for 2 × 2 and 3 × 3 systems and indicating how the 4 × 4 case would work. Cramer gave the general rule for n × n systems in a paper Introduction to the analysis of algebraic curves (1750). It arose out of a desire to find the equation of a plane curve passing through a number of given points. The rule appears in an Appendix to the paper but no proof is given:-

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในการ 1730's Maclaurin เขียนหนังสือของพีชคณิตแม้ว่าจะไม่เผยแพร่จน 1748 สองปีหลังจากการตาย ประกอบด้วยผลเผยแพร่ครั้งแรกใน determinants พิสูจน์กฎ Cramer ของระบบ 2 × 2 และ 3 × 3 และระบุกรณี 4 × 4 จะทำงานอย่างไร Cramer ให้กฎทั่วไปสำหรับ n × n ระบบกระดาษความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการวิเคราะห์ของโค้งทางพีชคณิต (1750) มันเกิดจากความปรารถนาที่จะค้นหาสมการของระนาบผ่านจำนวนรับคะแนน กฎปรากฏในภาคผนวกเอกสาร แต่ไม่มีหลักฐานให้: -

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ใน 1,730 ของ Maclaurin เขียนตำราของพีชคณิตแม้ว่ามันจะไม่ตีพิมพ์จนกระทั่ง 1748 สองปีหลังจากการตายของเขา มันไม่ได้มีผลการตีพิมพ์ครั้งแรกใน determinants พิสูจน์กฎ Cramer สำหรับ 2 × 2 และ 3 × 3 ระบบและระบุว่า 4 × 4 กรณีที่จะทำงาน Cramer ให้กฎทั่วไปสำหรับ n × n ระบบในเบื้องต้นกระดาษการวิเคราะห์ของเส้นโค้งพีชคณิต (1750) มันเกิดขึ้นจากความปรารถนาที่จะหาสมการของเส้นโค้งเครื่องบินที่ผ่านมายังมีจำนวนของจุดที่กำหนด กฎปรากฏในภาคผนวกกับกระดาษ แต่ไม่มีหลักฐานจะได้รับ: -

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใน 1730 ของแมคลอรินเขียนบทความของพีชคณิต ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกตีพิมพ์จนกระทั่ง 1748 , สองปีหลังจากการตายของเขา มันมีการตีพิมพ์ครั้งแรกในตัวกำหนดผลพิสูจน์กฎเมอร์ 2 × 2 และ 3 × 3 ระบบ และระบุว่า 4 × 4 คดีนี้จะทำงาน เมอร์ให้กฎทั่วไปสำหรับ n × n ระบบในกระดาษแนะนำการวิเคราะห์โค้งพีชคณิต ( 1750 ) มันเกิดขึ้นจากความปรารถนาที่จะหาสมการของระนาบโค้งผ่านหมายเลขระบุจุด กฎปรากฏในภาคผนวกกับกระดาษ แต่ไม่มีหลักฐานระบุ :