The enzyme hydrolysis of cassava pe

The enzyme hydrolysis of cassava peels for ethanol production provides an interesting research opportunity to convert starch rich lignocellulose waste into renewable fuel production. The research involved the pretreatment of cassava peels with steam explosion and hot water pretreatment processes as well as combining both amylolytic and cellulolytic enzymes to produce simple sugars. This research compared different enzyme treatment strategies; a separate hydrolysis that involved the treatment of the peels with either cellulolytic enzymes or amylolytic enzymes, a consecutive hydrolysis process which is a follow up of the separate hydrolysis in which sugars were washed from the initial enzyme treatment (amylase or cellulase treatment) and the cassava peels resuspended for further enzyme treatment was also investigated. Another treatment strategy employed in this study was the simultaneous hydrolysis by amylases and cellulases of the cassava peels. The hydrolysis rate and yield were c ompared for each process. Minor changes that incorporated steam explosion pretreatment and hot water pretreatment were also studied. A separate hydrolysis of milled cassava peels treated by amylolytic and cellulolytic enzymes yielded a maximum reducing sugar of 0.41g (as glucose) per gram of peels and 0.31g per gram of peels respectively. Also steam exploded cassava peels treated by amylolytic and cellulolytic enzymes yielded maximum reducing sugars of 0.24g per gram of peels and 0.37g per gram of peels respectively. Results also showed that a consecutive treatment that incorporates an initial hydrolysis by cellulolytic enzymes followed by a subsequent treatment by amylolytic treatment yielded reducing sugars of 0.64g per gram of milled cassava peels. A reverse treatment where the cellulolytic enzymes were used to first treat the peels before a second treatment by amylolytic enzymes yielded 0.61g reducing sugar per gram of milled cassava peels. A simultaneous hydrolysis by both cellulolytic and amylolytic enzymes produced a maximum reducing sugar of 0.58g per gram of milled cassava peels. A modification that incorporates hot water pretreatment, simultaneous and consecutive treatment was carried out. The milled cassava peels treated with hot water at 1000C and amylase enzymes for 2 hours were further subjected to a simultaneous saccharification by cellulases and glucoamylase enzymes yielded a reducing sugar of 0.62g per gram of peels. Fermentation experiments were also carried out with Kluyveromyces marxianus at 400C and results showed a maximum ethanol yield of 0.12g ethanol per g of cassava peels for a separate hydrolysis and fermentation process and 0.18g ethanol per g of cassava peels for the simultaneous saccharification and fermentation process. It was concluded that cassava peels presents a very good source of sugars for bioethanol production.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไฮโตรไลซ์เอนไซม์ของ peels มันสำปะหลังสำหรับผลิตเอทานอลให้โอกาสวิจัยน่าสนใจแปลงแป้ง lignocellulose รวยเสียเป็นเชื้อเพลิงทดแทน งานวิจัยเกี่ยวข้องกับ pretreatment ของมันสำปะหลัง peels กระจายไอน้ำ และน้ำร้อนกระบวนการ pretreatment เป็นรวมทั้ง amylolytic และ cellulolytic เอนไซม์เพื่อผลิตน้ำตาลเรียบง่าย งานวิจัยนี้เปรียบเทียบกลยุทธ์การรักษาแตกต่างกันเอนไซม์ นอกจากนี้ยังถูกสอบสวนไฮโตรไลซ์ต่างหากที่เกี่ยวข้องของ peels cellulolytic เอนไซม์หรือเอนไซม์ amylolytic ไฮโตรไลซ์เนื่องกระบวนการซึ่งเป็นการติดตามค่าของไฮโตรไลซ์แยกต่างหากซึ่งน้ำตาลถูกล้างจากเอนไซม์เริ่มต้นรักษา (รักษา amylase หรือ cellulase) และ peels มันสำปะหลัง resuspended สำหรับเพิ่มเติมเอนไซม์บำบัด กลยุทธ์การรักษาอื่นที่จ้างในการศึกษานี้มีไฮโตรไลซ์พร้อม amylases และ cellulases ของ peels มันสำปะหลัง ไฮโตรไลซ์อัตราและผลตอบแทน ompared c สำหรับแต่ละกระบวนการ นอกจากนี้ยังได้ศึกษากันเล็กน้อยรวม pretreatment กระจายไอน้ำและน้ำอุ่น pretreatment ไฮโตรไลซ์แยกของปลายถือว่า โดยเอนไซม์ amylolytic และ cellulolytic เต็มสูงสุดลดน้ำตาลของ 0.41 (เป็นน้ำตาลกลูโคส) ต่อกรัม peels และ 0.31 กรัมต่อกรัมของ peels peels มันสำปะหลังตามลำดับ นอกจากนี้ ไอน้ำกระจาย peels มันสำปะหลังถือว่า โดยเอนไซม์ amylolytic และ cellulolytic ผลลดน้ำตาล 0.24 กรัมต่อกรัมของ peels และ 0.37 กรัมต่อกรัมของ peels ตามลำดับสูงสุด ผลพบว่า การรักษาต่อเนื่องที่เป็นไฮโตรไลซ์เริ่มต้น โดยเอนไซม์ cellulolytic ตามรักษาตามมาโดยผลการลดน้ำตาลของ 0.64 กรัมต่อกรัมของสารมันสำปะหลัง peels รักษา amylolytic รักษากลับที่ใช้เอนไซม์ cellulolytic เพื่อรักษา peels แรก ก่อนรักษาสอง โดยเอนไซม์ amylolytic ผล 0.61 กรัมลดน้ำตาลต่อกรัมของสารมันสำปะหลัง peels ไฮโตรไลซ์พร้อม โดยเอนไซม์ amylolytic และ cellulolytic ผลิตสูงสุดลดน้ำตาลของ 0.58 กรัมต่อกรัมของสารมันสำปะหลัง peels แก้ไขที่ pretreatment เครื่องทำน้ำอุ่น พร้อมกัน และติดต่อกันได้ดำเนินงาน Peels มันสำปะหลังสารรักษา ด้วยน้ำร้อนที่เอนไซม์ amylase และ 1000C 2 ชั่วโมงถูกเพิ่มเติมต้อง saccharification พร้อม ด้วย cellulases และเอนไซม์ glucoamylase หาน้ำตาลลดลง 0.62 กรัมต่อกรัมของ peels นอกจากนี้ยังทดลองหมักได้ดำเนินออกกับ marxianus Kluyveromyces ที่ 400C และผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นว่าผลผลิตของเอทานอล 0.12 กรัมต่อกรัมของมันสำปะหลัง peels สำหรับการแยกไฮโตรไลซ์และหมักกระบวนการและ 0.18g เอทานอลต่อกรัมของมันสำปะหลัง peels saccharification พร้อมกันและกระบวนการหมักเอทานอลสูงสุด มีสรุปว่า มันสำปะหลัง peels แสดงแหล่งที่ดีของน้ำตาลสำหรับผลิต bioethanol

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เอนไซม์ของเปลือกมันสำปะหลังในการผลิตเอทานอลมีโอกาสวิจัยที่น่าสนใจการแปลงแป้งที่อุดมไปด้วยของเสียลิกโนเซลลูโลสในการผลิตเชื้อเพลิงทดแทน การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการปรับสภาพของเปลือกมันสำปะหลังที่มีระเบิดด้วยไอน้ำและกระบวนการปรับสภาพน้ำร้อนเช่นเดียวกับการรวมทั้งเอนไซม์ amylolytic และเซลลูโลสในการผลิตน้ำตาลง่าย การวิจัยครั้งนี้เมื่อเทียบกลยุทธ์การรักษาเอนไซม์ที่แตกต่างกัน การย่อยสลายที่แยกต่างหากที่เกี่ยวข้องกับการรักษาของเปลือกมีทั้งเซลลูโลสหรือเอนไซม์ amylolytic กระบวนการไฮโดรไลซิติดต่อกันซึ่งเป็นไปตามขึ้นจากการย่อยที่แยกต่างหากซึ่งน้ำตาลถูกล้างจากการรักษาเอนไซม์เริ่มต้น (อะไมเลสหรือเซลลูเลสการรักษา) และมันสำปะหลัง เปลือก resuspended เอนไซม์สำหรับการรักษาต่อไปนอกจากนี้ยังถูกตรวจสอบ กลยุทธ์การรักษาอีกอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือการย่อยพร้อมกันโดยอะมัยเลสและเซลลูเลสจากเปลือกมันสำปะหลัง อัตราการย่อยสลายและผลผลิตที่ได้รับค ompared สำหรับแต่ละขั้นตอน การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่รวมการปรับสภาพการระเบิดไอน้ำและปรับสภาพน้ำร้อนยังศึกษา การย่อยสลายที่แยกต่างหากจากเปลือกมันสำปะหลังแป้งรับการรักษาโดยเอนไซม์ amylolytic และเซลลูโลสให้ผลสูงสุดของการลดน้ำตาล 0.41g (กลูโคส) ต่อกรัมของเปลือกและ 0.31g ต่อกรัมของเปลือกตามลำดับ นอกจากนี้ไอน้ำระเบิดเปลือกมันสำปะหลังรับการรักษาโดย amylolytic และเอนไซม์เซลลูโลสให้ผลสูงสุดลดน้ำตาลของ 0.24g ต่อกรัมของเปลือกและ 0.37g ต่อกรัมของเปลือกตามลำดับ ผลยังแสดงให้เห็นว่าการรักษาต่อเนื่องที่ประกอบด้วยไฮโดรไลซ์เริ่มต้นโดยเอนไซม์เซลลูเลสตามด้วยการรักษาต่อไปโดยการรักษา amylolytic ให้ผลลดน้ำตาลของ 0.64g ต่อกรัมของเปลือกมันสำปะหลังแป้ง การรักษากลับที่เอนไซม์เซลลูเลสถูกนำมาใช้ครั้งแรกในการรักษาเปลือกก่อนการรักษาที่สองโดยเอนไซม์ amylolytic ผล 0.61g ลดน้ำตาลต่อกรัมของเปลือกมันสำปะหลังแป้ง การย่อยสลายพร้อมกันทั้งเซลลูโลสและ amylolytic ผลิตน้ำตาลรีดิวซ์สูงสุดของ 0.58g ต่อกรัมของเปลือกมันสำปะหลังแป้ง การปรับเปลี่ยนที่ประกอบด้วยการปรับสภาพน้ำร้อนพร้อมกันและการรักษาต่อเนื่องได้รับการดำเนินการ เปลือกมันสำปะหลังแป้งรับการรักษาด้วยน้ำร้อนที่เอนไซม์อะไมเลส 1000C และ 2 ชั่วโมงถูกยัดเยียดต่อไป saccharification พร้อมกันโดยเซลลูเลสและเอนไซม์ glucoamylase ผลการลดน้ำตาล 0.62g ต่อกรัมของเปลือก การทดลองหมักได้ดำเนินการยังออกมาพร้อมกับ Kluyveromyces marxianus ที่ 400C และผลการศึกษาพบผลผลิตเอทานอลสูงสุดของเอทานอล 0.12g ต่อกรัมเปลือกมันสำปะหลังสำหรับการย่อยสลายแยกต่างหากและกระบวนการหมักเอทานอลและ 0.18g ต่อกรัมเปลือกมันสำปะหลังสำหรับ saccharification พร้อมกันและกระบวนการหมัก . ก็สรุปได้ว่าเปลือกมันสำปะหลังที่มีการจัดเป็นแหล่งที่ดีของน้ำตาลสำหรับการผลิตเอทานอล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เอนไซม์ย่อยสลายเปลือกมันสำปะหลังเพื่อการผลิตเอทานอลให้น่าสนใจและโอกาสที่จะแปลงขยะให้เป็นแป้งรวยลิกโนเซลลูโลสการผลิตเชื้อเพลิงทดแทน งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะของเปลือกมันสำปะหลังที่มีระเบิดไอน้ำและน้ำร้อนโดยกระบวนการ รวมทั้งการรวมทั้งไมโลไลติกเอนไซม์ และทดลองผลิตน้ำตาลได้ง่ายงานวิจัยนี้เปรียบเทียบกลยุทธ์การรักษาเอนไซม์ที่แตกต่างกัน ; แยกเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยเอนไซม์ peels ทดลองหรือไมโลไลติกเอนไซม์มีการติดต่อกันซึ่งเป็นตามกระบวนการของการแยกที่ตาลเป็น ล้างจากการใช้เอนไซม์ ( เอนไซม์อะไมเลสเริ่มต้นหรือการรักษา ) และมันสำปะหลัง เปลือก resuspended รักษาเอนไซม์เพิ่มเติมก็ได้ อีกการรักษากลยุทธ์ที่ใช้ในการศึกษาคือ น้ำมันปาล์ม และพร้อมกันโดยกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้จากเปลือกมันสำปะหลัง .การย่อยสลายและอัตราผลผลิต ได้แก่ ซี ompared สำหรับแต่ละกระบวนการ การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่จัดตั้งขึ้นก่อนการระเบิดไอน้ำและน้ำร้อนปรีดี มีการแยกบดเปลือกมันสำปะหลังโดยไมโลไลติกเอนไซม์และปฏิบัติทดลองให้ผลสูงสุด ลดน้ำตาลใน 0.41g ( กลูโคส ) 1 กรัม และเปลือกเปลือก 0.31g ต่อกรัม ตามลำดับนอกจากนี้ ไอระเบิดเปลือกมันสำปะหลังโดยไมโลไลติกเอนไซม์และปฏิบัติทดลองให้ผลสูงสุด ลดน้ำตาลใน 0.24g 1 กรัม และเปลือกเปลือก 0.37g ต่อกรัม ตามลำดับ พบว่า การรักษาประกอบด้วยการเริ่มต้นติดต่อกันโดยทดลองเอนไซม์ตามด้วยการรักษาตามมาด้วยการลดน้ำตาลของไมโลไลติกจำนวน 064g 1 กรัม จากเปลือกมันสำปะหลัง ย้อนกลับการรักษาที่ใช้ทดลองใช้ครั้งแรก รักษาเปลือกก่อนการรักษาที่สองโดยไมโลไลติกเอนไซม์ให้ผล 0.61g ลดน้ำตาล 1 กรัม จากเปลือกมันสำปะหลัง เป็นเอนไซม์ย่อยสลายเซลลูโลสและพร้อมกันทั้งไมโลไลติกเอนไซม์ที่ผลิตได้สูงสุดของ 0.58g ลดน้ำตาล 1 กรัม จากเปลือกมันสำปะหลังการปรับเปลี่ยนที่ประกอบด้วยภาวะท่อน้ำร้อน พร้อมกันและต่อเนื่อง การรักษามีการ การขัดสีเปลือกมันสำปะหลังที่ได้รับการรักษาด้วยน้ำอุ่นและเอนไซม์อะไมเลสที่ 1000c 2 ชั่วโมงได้ต้อง saccharification และเอนไซม์กลูโคอะไมเลสได้พร้อมกัน โดยให้ผลการลดน้ำตาล 0.62g 1 กรัมของเปลือก .การทดลองหมักยังดำเนินการกับ kluyveromyces marxianus ที่ 40 และผลลัพธ์แสดงผลผลิตเอทานอลสูงสุดของเอทานอล 0.12g / กรัมของเปลือกมันสําปะหลัง การแยกและกระบวนการหมักเอธานอล 0.18g / กรัมของเปลือกมันสําปะหลัง saccharification พร้อมกันและกระบวนการหมัก .พบว่า เปลือกมันสำปะหลังเสนอเป็นแหล่งที่ดีมากของน้ำตาลเพื่อผลิตเอทานอล .