ExplanationFirst we need to know th

Explanation

First we need to know the speed of these links:

+ T1: 1.544 Mbps
+ 10BaseT: 10 Mbps
+ 100BaseT (often referred to as FastEthernet): 100Mbps

OSPF chooses the best path via bandwidth while RIP only uses hop count (the sum of routers to reach the destination).

Therefore if OSPF is used, it will choose the path R1 -> R3 -> R4 -> R5 because these links have much higher speed than other paths -> A is correct.

But if RIP is used it only counts the number of routers to reach the destination (the less the better) so it will choose path R1 -> R5 (hop count: 1) -> E is correct.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คำอธิบายแรกที่เราต้องรู้ว่าความเร็วของการเชื่อมโยงเหล่านี้: + T1: 1.544 Mbps + 10BaseT: 10 Mbps + 100BaseT (มักจะเรียกว่า FastEthernet): 100Mbps OSPF เลือกเส้นทางที่ดีที่สุดผ่านแบนด์วิดธ์ในขณะที่ RIP เพียงใช้นับปฮอป (ผลรวมของ เราเตอร์ไปถึงปลายทาง). ดังนั้นหาก OSPF ถูกนำมาใช้ก็จะเลือกเส้นทาง R1 ค่า -> R3 -> R4 -> R5 เพราะการเชื่อมโยงเหล่านี้มีความเร็วสูงกว่าเส้นทางอื่น ๆ -> เป็นที่ถูกต้อง. แต่ถ้า RIP จะใช้มัน นับเฉพาะจำนวนของเราเตอร์ไปถึงปลายทาง (น้อยดีกว่า) จึงจะเลือกเส้นทาง R1 -> R5 (นับฮอป: 1) -> E เป็นที่ถูกต้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คำอธิบาย

ก่อนอื่นเราต้องทราบความเร็วของการเชื่อมโยงเหล่านี้ :

T1 : 1.544 10baset : 10 Mbps Mbps

100baset ( มักเรียกว่า ฟา ์อีเธอร์เน็ต ) : 100Mbps

เลือกที่ดีที่สุด OSPF เส้นทางผ่านแบนด์วิดธ์ในขณะที่ตัดใช้เพียงกระโดดนับ ( ผลรวมของเราเตอร์ที่จะถึงปลายทาง ) .

ดังนั้นถ้า OSPF ใช้จะเลือกเส้นทาง R1 - > - > - > R3 R4 R5 เพราะการเชื่อมโยงเหล่านี้มีสูงมากเร็วกว่าเส้นทางอื่น ๆ - > ถูกต้องแล้ว

แต่ถ้าตัดจะใช้มันนับเฉพาะจำนวนเราเตอร์ที่จะถึงปลายทาง ( น้อยกว่าดีกว่า ) ก็จะเลือกเส้นทาง R1 - > R5 ( กระโดดนับ 1 ) - > E ที่ถูกต้อง