As previously mentioned, when debts

As previously mentioned, when debts and spending rise faster than money and income, the process is selfreinforcing
on the upside because rising spending generates rising incomes and rising net worths, which raise
borrowers’ capacity to borrow, which allows more buying and spending, etc. However, since debts can’t rise
faster than money and income forever there are limits to debt growth. Think of debt growth that is faster than
income growth as being like air in a scuba bottle – there is a limited amount of it that you can use to get an extra
boost, but you can’t live on it forever. In the case of debt, you can take it out before you put it in (i.e., if you don’t
have any debt, you can take it out), but you are expected to return what you took out. When you are taking it out,
you can spend more than is sustainable, which will give you the appearance of being prosperous. At such times,
you and those who are lending to you might mistake you as being creditworthy and not pay enough attention to
what your paying back will look like. When debts can no longer be raised relative to incomes and the time of
paying back comes, the process works in reverse. It is that dynamic that creates long-term debt cycles. These
long-term debt cycles have existed for as long as there has been credit. Even the Old Testament described the
need to wipe out debt once every 50 years, which was called the year of Jubilee.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ก่อนหน้านี้เป็น ที่กล่าวถึง เมื่อหนี้สินและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเร็วกว่ารายได้และการเงิน กระบวนการ selfreinforcingในการกลับหัวกลับหางเนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสร้างเพิ่ม ขึ้นรายได้ และเพิ่ม ขึ้นสุทธิ worths ซึ่งเพิ่มความจุของผู้กู้ให้ยืม ให้ซื้อและใช้จ่ายเพิ่มเติม ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหนี้ไม่ขึ้นเร็วกว่าเงินและรายได้ตลอดมีขีดจำกัดเพื่อหนี้สินเติบโต คิดว่า หนี้การเติบโตที่เร็วกว่ารายได้เติบโตเป็นเช่นอากาศในขวดดำ – มีจำนวนจำกัดของมันที่คุณสามารถใช้เพื่อดูเพิ่มเติมเพิ่ม แต่คุณไม่สามารถอาศัยอยู่บนตลอดไป ในกรณีของหนี้ ได้รับการออกก่อนที่คุณใส่ใน (เช่น ถ้าคุณไม่มีหนี้สินใด ๆ คุณสามารถเอามันออก), แต่คุณจะต้องส่งคืนสิ่งที่คุณเอาออก เมื่อคุณจะทำมันออกมาคุณสามารถใช้มากกว่ายั่งยืน ซึ่งจะให้ลักษณะที่ปรากฏของการเจริญ ในช่วงเวลาดังกล่าวคุณและผู้ให้ยืมคุณอาจผิดคุณเป็น creditworthy และไม่ใส่ใจเพียงพออะไรจ่ายของคุณกลับมาจะดูเหมือน เมื่อหนี้สินสามารถไม่ได้ขึ้นสัมพันธ์กับรายได้และเวลาจ่ายเงินกลับมา การทำงานในการย้อนกลับ ที่แบบไดนามิกที่สร้างวงจรหนี้ระยะยาวได้ เหล่านี้วงจรหนี้ระยะยาวมีอยู่สำหรับตราบเท่าที่มีการเครดิต แม้พันธสัญญาเดิมกล่าวถึงการต้องล้างหนี้กันทุก 50 ปี ซึ่งถูกเรียกว่าปี Jubilee

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้เมื่อหนี้และการเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการใช้จ่ายเงินและรายได้กระบวนการ selfreinforcing
บนคว่ำเพราะการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสร้างรายได้เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น Worths สุทธิซึ่งยกระดับ
ความสามารถในการกู้เพื่อขอยืมซึ่งจะช่วยให้การซื้อมากขึ้นและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แต่เนื่องจากไม่สามารถชำระหนี้เพิ่มขึ้น
เร็วกว่าเงินและรายได้ตลอดไปมีข้อ จำกัด ต่อการเจริญเติบโตหนี้ คิดว่าการเจริญเติบโตของหนี้ที่จะเร็วกว่าการ
เติบโตของรายได้เป็นเหมือนอากาศในขวดน้ำลึก - มีจำนวน จำกัด ของมันที่คุณสามารถใช้เพื่อให้ได้พิเศษ
เพิ่ม แต่คุณไม่สามารถอยู่กับมันตลอดไป ในกรณีของหนี้ที่คุณสามารถเอามันออกก่อนที่จะใส่ไว้ใน (เช่นถ้าคุณไม่ได้
มีหนี้ใด ๆ คุณสามารถเอามันออก) แต่คุณคาดว่าจะกลับมาสิ่งที่คุณเอาออก เมื่อคุณจะพามันออกไป
คุณสามารถใช้จ่ายมากขึ้นกว่าที่มีความยั่งยืนซึ่งจะทำให้คุณมีลักษณะของการเจริญรุ่งเรือง เวลาดังกล่าว
คุณและคนที่กำลังให้กู้ยืมเงินเพื่อที่คุณอาจเข้าใจผิดคุณเป็นที่น่าเชื่อถือและได้ให้ความสนใจมากพอที่จะ
จ่ายสิ่งที่กลับมาจะมีลักษณะเช่น เมื่อหนี้ที่ไม่สามารถยกขึ้นเมื่อเทียบกับรายได้และเวลาในการ
จ่ายเงินกลับมาถึงขั้นตอนการทำงานในสิ่งที่ตรงกันข้าม มันเป็นแบบไดนามิกที่สร้างวงจรหนี้ระยะยาวที่ เหล่านี้
หนี้ระยะยาวรอบมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าที่ได้มีการเครดิต แม้พันธสัญญาเดิมอธิบาย
ความจำเป็นที่จะเช็ดออกตราสารหนี้ทุกๆ 50 ปีซึ่งถูกเรียกว่าปีของยูบิลลี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตามที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ เมื่อหนี้สินและการใช้จ่ายเงินที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่ารายได้ กระบวนการจะ selfreinforcing
บนหัว เพราะเพิ่มขึ้นการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นและมูลค่าสุทธิที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยก
ความจุภาคยืมซึ่งจะช่วยให้มากขึ้นการซื้อและการใช้จ่าย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้น
เร็วกว่าเงินและรายได้ ตลอดกาล มีขอบเขตจำกัดของตราสารหนี้คิดว่าหนี้การเจริญเติบโตที่เร็วกว่า
รายได้เป็นเหมือนอากาศในขวดดำน้ำ–มีจำนวน จำกัด ของที่คุณสามารถใช้ที่จะได้รับเพิ่มพิเศษ
, แต่คุณไม่สามารถอยู่ได้ตลอดไป ในกรณีของหนี้ , คุณสามารถเอามันออกก่อนที่คุณจะใส่มันใน ( เช่นถ้าคุณไม่
มีหนี้ใด ๆ คุณสามารถใช้มัน ) แต่คุณคาดว่าจะคืนสิ่งที่คุณเอาไปออก เมื่อคุณได้รับมันออก
คุณสามารถใช้เวลามากกว่าแบบยั่งยืน ซึ่งจะให้ลักษณะที่ปรากฏของการเจริญ ในช่วงเวลาดังกล่าว
คุณและคนที่ยืมเพื่อคุณจะเข้าใจผิด คุณเป็นที่น่าเชื่อถือ และไม่ได้ให้ความสนใจเพียงพอ

ว่าจ่ายกลับ จะเป็นอย่างไร เมื่อหนี้สินไม่สามารถยกเทียบกับรายได้และเวลาของ
จ่ายกลับมาทำงานในย้อนกลับมันเป็นแบบไดนามิกที่สร้างวงจรหนี้ระยะยาว วงจรหนี้ระยะยาวเหล่านี้
มีอยู่ตราบเท่าที่มีเครดิต แม้พันธสัญญาเดิมอธิบาย
ต้องเช็ดออกตราสารหนี้ทุกๆ 50 ปี ซึ่งถูกเรียกว่าปีเสียง .