พิธีทอดกฐิน
เมื่อสิ้นฤดูกาลเข้าพรรษา (ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน) พระภิกษุทั่วประเทศมีอิสระที่จะเดินทางไปยังที่หนึ่งที่ใดก็ได้ และได้รับอนุญาตให้ได้รับจีวรใหม่ในพิธีทอดกฐินประจำปี นอกจากผ้าจีวรใหม่ก็มีเครื่องอัฎฐบริขาร อุปกรณ์เครื่องครัว เงินบริจาคทานและอุปกรณ์ก่อสร้าง เช่น ตะปู เลื่อยมือ และค้อน เป็นต้น ซึ่งก็ถวายไปพร้อมกันในพิธีนี้ด้วย
ที่จริงแล้ว คำว่า “ทอด” หมายถึง “การถวายทานแก่พระสงฆ์” และคำว่า “กฐิน” แปลตามตัวหมายถึง “ไม้สะดึง” (คือไม้แบบตัดจีวร) ใช้ในการเย็บผ้าจีวรเพราะในสมัยก่อนต้องเก็บเอามาจากเศษผ้า จากซากศพในป่า เพราะว่าผ้าจีวรไม่มีจำหน่ายมากมายอย่างเช่นทุกวันนี้ ชาวพุทธถือว่า “พิธีทอดกฐิน” เป็นการทำบุญที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งรองจากพิธีอุปสมบทของญาติสนท ดังนั้นในช่วงชีวิตหนึ่งทุกคนต่างก็หาโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าภาพทอดกฐิน เพราะว่าพิธีนี้ต้องใช้เวลามาก ทั้งกำลังคนและค่าใช้จ่ายสูง เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ จะต้องมีการจองล่วงหน้า มิฉะนั้นโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าภาพกฐินแต่เพียงผู้เดียวก็คงจะเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดที่มีชื่อเสียง แม้กระนั้นผู้ที่พลาดโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าภาพแต่เพียงผู้เดียวก็ยังสามารถเข้าร่วมในการทอดกฐินได้ ซึ่งกฐินประเภทนี้เรียกว่า “กฐินสามัคคี”
ในขณะเดียวกัน สำหรับ พระอารามหลวง* เช่น วัดอรุณฯ หรือวัดโพธิ์ฯ เป็นต้น พระมหากษัตริย์ หรือผู้แทนพระองค์จะเป็นเจ้าภาพกฐินและโดยปกติพระมหากษัตริย์ก็จะทรงถวายผ้ากฐินหลวงต่อพระสงฆ์โดยพระองค์เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัดโพธิ์ และวัดห