Radium was discovered by Marie Sklo

Radium was discovered by Marie Sklodowska-Curie and her husband Pierre Curie on 21 December 1898, in a uraninite sample.[14] While studying the mineral earlier, the Curies removed uranium from it and found that the remaining material was still radioactive. They separated out an element similar to bismuth from pitchblende in July 1898, that turned out to be polonium. They then separated out a radioactive mixture consisting mostly of two components: compounds of barium, which gave a brilliant green flame color, and unknown radioactive compounds which gave carmine spectral lines that had never been documented before. The Curies found the radioactive compounds to be very similar to the barium compounds, except that they were more insoluble. This made it possible for the Curies to separate out the radioactive compounds and discover a new element in them. The Curies announced their discovery to the French Academy of Sciences on 26 December 1898.[15][16] The naming of radium dates to about 1899, from the French word radium, formed in Modern Latin from radius (ray): this was in recognition of radium's power of emitting energy in the form of rays

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เรเดียมถูกค้นพบ โดย Marie Sklodowska-กูรีและสามีของ Pierre กูรีใน 21 1898 ธันวาคม ในตัวอย่าง uraninite [14] ในขณะที่เรียนแร่ก่อนหน้า Curies ที่เอายูเรเนียมจากมัน และพบว่า วัสดุเหลือยังกัมมันตรังสี พวกเขาแบ่งออกเป็นองค์ประกอบที่คล้ายกับบิสมัทจาก pitchblende ใน 1898 กรกฎาคม ที่เป็น พอโลเนียม พวกเขาแล้วแยกออกส่วนผสมสารกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ประกอบด้วยสองส่วนประกอบ: สารประกอบของแบเรียม ซึ่งทำให้มีสีเขียวสดใสไฟสี และสารกัมมันตรังสีที่ไม่รู้จักซึ่งทำให้แดงเส้นสเปกตรัมที่ได้ไม่ถูกไว้ก่อน Curies ที่พบสารกัมมันตรังสีจะคล้ายกับสารประกอบแบเรียม ยกเว้นว่าพวกเขาได้มากขึ้นไม่ละลายน้ำ ทำนี้สามารถ Curies แยกออกสารกัมมันตรังสี และค้นพบองค์ประกอบใหม่ได้ Curies ที่ประกาศการค้นพบของวิทยาศาสตร์สถาบันฝรั่งเศสในวันที่ 26 1898 ธันวาคม [15] [16] การตั้งชื่อของเรเดียมวันจะประมาณ 1899 จากเรเดียมคำภาษาฝรั่งเศส เกิดขึ้นในสมัยติจากรัศมี (เรย์): นี้เป็น เพราะพลังของเรเดียมปล่อยพลังงานในรูปของรังสี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เรเดียมถูกค้นพบโดย Marie Curie-Sklodowska และสามีของเธอ Pierre Curie วันที่ 21 ธันวาคม 1898 ในตัวอย่าง uraninite. [14] ขณะที่เรียนแร่ก่อนหน้านี้คูรีออกยูเรเนียมจากมันและพบว่าวัสดุที่เหลือก็ยังคงมีกัมมันตภาพรังสี พวกเขาแยกออกเป็นองค์ประกอบคล้ายกับบิสมัทจาก pitchblende ในเดือนกรกฎาคม 1898 ที่เปิดออกมาเป็นพอโลเนียม จากนั้นพวกเขาแยกออกมาเป็นส่วนผสมของสารกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ประกอบด้วยสองส่วนสารประกอบแบเรียมซึ่งทำให้เปลวไฟสีเขียวสดใสและสารกัมมันตรังสีที่ไม่รู้จักซึ่งทำให้เส้นสเปกตรัมสีแดงที่ไม่เคยได้รับการบันทึกไว้ก่อน คูรีพบสารกัมมันตรังสีที่จะคล้ายกันมากกับสารประกอบแบเรียมยกเว้นว่าพวกเขาไม่ละลายน้ำมากขึ้น นี่เองที่ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับคูรีที่จะแยกออกจากสารกัมมันตรังสีและค้นพบธาตุใหม่ในพวกเขา คูรีประกาศการค้นพบของพวกเขาไปฝรั่​​งเศส Academy of Sciences วันที่ 26 ธันวาคม 1898 [15] [16] วันที่การตั้งชื่อของเรเดียมไปประมาณปี 1899 จากเรเดียมคำภาษาฝรั่งเศส, โมเดิร์นที่เกิดขึ้นในลาตินจากรัศมี (เรย์): นี่คือใน การรับรู้ของการใช้พลังงานเรเดียมของพลังงานเปล่งแสงในรูปแบบของรังสี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เรเดียมถูกค้นพบโดย มารี คูรี และ สามี ปิแอร์ คูรี่ กลโดวสกาวันที่ 21 ธันวาคม 1898 ในแร่ยูเรเนียมตัวอย่าง [ 14 ] ในขณะที่เรียนแร่ ก่อนหน้านี้ curies เอายูเรเนียมจากมันและพบว่าวัสดุที่เหลือยังคงมีกัมมันตภาพรังสี พวกเขาแยกออกองค์ประกอบคล้ายคลึงกับบิสมัทจากแร่ยูเรเนียมในกรกฎาคม 1898 ที่กลับกลายเป็นสารพิษพอโลเนียม พวกเขาก็แยกออกเป็นส่วนผสมที่ประกอบด้วยส่วนใหญ่ของกัมมันตรังสีสององค์ประกอบ : สารประกอบของแบเรียมซึ่งทำให้สีเปลวไฟสีเขียวสดใส และไม่ทราบสารประกอบกัมมันตรังสีซึ่งให้เส้นเงาสีแดงที่ไม่เคยจัดมาก่อน การ curies พบสารประกอบกัมมันตรังสีจะคล้ายกับสารประกอบแบเรียม , ยกเว้นว่าพวกเขาไม่ละลายมากขึ้น นี้ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับ curies เพื่อแยกสารประกอบกัมมันตรังสีและค้นพบธาตุใหม่ในพวกเขา การประกาศการค้นพบของพวกเขา curies เพื่อเรียนภาษาฝรั่งเศสวิทยาศาสตร์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 1898 [ 15 ] [ 16 ] การตั้งชื่อวันที่เรเดียมประมาณ 86% จากเรเดียมคำภาษาฝรั่งเศส , เกิดขึ้นในละตินสมัยใหม่จากรัศมี ( เรย์ ) นี้อยู่ในการรับรู้ของเรเดียมของพลังของการเปล่งพลังงานในรูปของรังสี